
การเที่ยวกรุงโซลในปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะ รถไฟใต้ดิน เป็นการเดินทางหลักที่สะดวก รวดเร็ว และคุ้มค่า สามารถเข้าถึงได้ทุกจุดหมายได้อย่างง่ายดาย และนี่คือคู่มือใช้รถไฟใต้ดินโซลสำหรับคนไทย ที่ Trip.com รวบรวมมา เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเที่ยวโซลแบบประหยัดและคล่องตัว
ทำไมรถไฟใต้ดินจึงเป็นหัวใจของการเดินทางในโซล?

ถ้าใครได้มาเที่ยวที่กรุงโซล ก็จะได้เห็นว่า ที่เมืองนี้มีระบบคมนาคมที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะรถไฟใต้ดินโซล ที่ถูกยกให้เป็นหัวใจหลักในการเดินทางในเมือง เพราะเป็นรถไฟที่ครอบคลุมทั้งโซลและเมืองรอบข้างมากกว่า 20 สาย ทำให้ผู้คนสามารถเดินทางไปยังย่านธุรกิจ แหล่งท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยและย่านช้ิปปิ้งได้อย่าสสะดวกสบาย
นอกจากนี้ หากใครที่อยากเดินทางแบบตรงเวลา ปลอดภัย และสะอาด รวมถึงค่าโดยสารที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณภาพและบริการที่ได้รับ สามารถเดินทางได้หลายกิโลเมตร รวมถึงยังมีระบบบัตรโดยสารอัจฉริยะที่ใช้ร่วมกับรถเมล์และแท็กซี่ ช่วยให้การเดินทางในโซลราบรื่นกว่าที่เคย
เรื่องต้องรู้ก่อนลุย: เตรียมตัวให้พร้อมก่อนใช้รถไฟใต้ดินโซล

ที่มาของภาพ : ChilloutKorea
การเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินโซล ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่สะดวก รวดเร็ว และคุ้มค่า แต่เพื่อให้การเดินทางราบรื่น นักท่องเที่ยวควรรู้ข้อมูลพื้นฐานก่อนเดินทางจริง ไม่ว่าจะเป็นแผนผังสายรถไฟหรือเวลาการให้บริการ
ภาพรวมสายรถไฟและเวลาให้บริการ
ระบบรถไฟใต้ดินโซล ถือเป็นหนึ่งในเครือข่ายรถไฟใต้ดินที่ใหญ่ทีสุดในโลก ครอบคลุมทั้งโซล อินชอน และเมืองบริวารในจังหวัดคยองกี โดยมีมากกว่า 20 สาย แบ่งเป็นสายหลัก สาย 1-9 และสายเชื่อมต่ออื่นๆ ทำให้การเดินทางครอบคุลมแทบทุกพื้นที่สำคัญ
หลายคนสงสัยว่า รถไฟ ใต้ดิน เกาหลี ปิด กี่ โมง เวลาให้บริการของรถไฟใต้ดิน จะเปิดให้บริการตั้งแต่ประมาณ 05.30 - 24.00 น. ขึ้นอยู่กับแต่ละสายและสถานี ช่วงเวลาเร่งด่วนอยู่ระหว่าง 07.00 - 09.00 น. และ 18.00 - 20.00 น. จะเป็นช่วงที่มีผู้โดยสารเยอะมากๆ โดยเฉพาะสายที่อยู่ใจกลางเมือง และรถไฟ ใต้ดิน เกาหลี ราคาเริ่มต้นประมาณ 1,250 วอน หรือ ประมาณ 40 บาท และสามารถใช้บัตรโดยสารอัจฉริยะอย่าง T-money หรือ Cash bee ที่ใช้ได้ทั้งรถไฟใต้ดิน รถบัส และแท็กซี่ ทำให้การเดินทางเชื่อมต่อกันได้ง่ายและประหยัด
2 แอปพลิเคชันที่ต้องมีติดเครื่อง: Naver Map และ Kakao Metro
เมื่อจะเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน สิ่งหนึ่งที่อยากให้มีติดมือถือเลยก็คือแอปพลิเคชันช่วยนำทาง เพราะแม้รถไฟใต้ดินจะมีป้ายภาษาอังกฤษ แต่นักท่องเที่ยวอาจสับสนได้ง่าย โดยเฉพาะผู้ที่มาเที่ยวเป็นครั้งแรก แอปพลิเคชันที่ควรมีติดมือถือไว้ 2 แอปหลักๆ เลยได้แก่
- Naver Map
แอปแผนที่ยอดนิยมของเกาหลี ที่ได้รับความนิยมมากว่า Google Maps เพราะมีข้อมูลเส้นทางในประเทศละเอียดกว่า สามารถค้นหาเส้นทางได้ทั้งรถไฟใต้ดิน รถบัส หรือการเดินเท้า และมีข้อมูลเวลาการเดินทางจริง ค่าโดยสาร และทางออกของสถานีที่ถูกต้อง ทำให้ง่ายต่อการเดินทางไปยังที่ต่างๆ โดยไม่หลง - Kakao Metro
แอปที่พัฒนามาเพื่อการใช้รถไฟใต้ดินโซลโดยตรง ใช้งานง่ายมากๆ แค่ใส่ชื่อสถานีต้นทางและปลายทาง แอปจะแสดงเส้นทางที่เร็วที่สุด ระยะเวลาในการเดินทาง และค่าโดยสาร และแสดงรายละเอียดของขบวนรถไฟ ให้รู้ว่าควรเปลี่ยนขบวนตอนไหน ตารางเวลารถไฟเป็นยังไง อย่างละเอียด
บัตรโดยสารแบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ? เปรียบเทียบชัดๆ
คุณสมบัติ | บัตร T-Money | บัตร WOWPASS | บัตร NAMANE |
การใช้งาน (เดินทาง/ซื้อของ) | ใช้ขึ้นรถไฟใต้ดิน รถบัส และแท็กซี่ได้ รวมถึงซื้อของในร้านสะดวกซื้อ | ใช้เดินทาง + ชำระเงินร้านค้า (ทั้งในเกาหลีและออนไลน์บางแห่ง) | ใช้เดินทางได้ และซื้อของในร้านค้าที่ร่วมรายการ |
การแลกเงินวอน | ไม่มีบริการแลกเงิน | สามารถแลกเงินกว่า 10 สกุลเป็นวอนผ่านตู้ Kiosk หรือแอป | ไม่มีบริการแลกเงิน |
การปรับแต่งบัตร | ไม่สามารถปรับแต่งได้ | มีแอปเฉพาะ จัดการยอดเงิน และใช้งานเป็นบัตรเดบิต | สามารถพิมพ์รูปหรือออกแบบหน้าบัตรได้เอง |
สถานที่ซื้อ/เติมเงิน | ร้านสะดวกซื้อ (GS25, CU, 7-Eleven), ตู้จำหน่ายบัตรในสถานี | สนามบินอินชอน, ตู้ Kiosk WOWPASS ในโซล | ร้านสะดวกซื้อ, ตู้ Kiosk NAMANE, สั่งออนไลน์ได้ |
เหมาะสำหรับใคร | นักท่องเที่ยวทั่วไปที่เน้นเดินทางสะดวกและเติมเงินง่าย | ผู้ที่อยากได้บัตร All-in-One ใช้ได้ทั้งเดินทาง + ช้อป + แลกเงิน | นักท่องเที่ยวสายครีเอทีฟที่อยากได้บัตรน่ารัก ปรับแต่งได้ไม่ซ้ำใคร |
ตั๋วเที่ยวเดียว เหมาะกับใครและใช้อย่างไร?
ตั๋วเที่ยวเดียว (Single Journey Ticket) คือทางเลือกที่สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวที่ขึ้นรถไฟใต้ดินเพียงไม่กี่ครั้ง ค่าโดยสารจะขึ้นอยู่กับระยะทาง และต้องวางมัดจำเพิ่มอีก 500 วอน ซึ่งสามารถขอคืนได้จากเครื่อง Refund Deposit เมื่อถึงสถานีปลายทาง โดยสามารถซื้อตั๋วจากตู้จำหน่ายบัตรอัตโนมัติ เลือกสถานีปลายทาง ใส่เงินสด ได้บัตรพลาสติกมาแตะเข้า-ออก แค่นี้จบเลย
[สำคัญ] T-Money vs WOWPASS vs NAMANE เลือกใบไหนดี?

จากตารางข้างต้น บัตรเดินทางทั้ง 3 แบบใช้ขึ้นรถไฟใต้ดินได้เหมือนกัน แต่แต่ละใบก็มีเอกลักษณ์ที่ตอบโจทย์คนต่างสไตล์กัน ดังนี้
- T-Money ตอบโจทย์ที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางบ่อย ใช้ง่าย เติมเงินได้ทุกที่ ไม่ยุ่งยาก
- WOWPASS เป็นเหมือนบัตร All-in-one ใช้ได้ทั้งเดินทาง ช้อปปิ้ง และยังสามารถแลกเงินผ่านตู้ Kiosk ได้ทันที เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ความสะดวกครบในัตรเดียว
- NAMANE สำหรับใครอยากได้บัตรเป็นของที่ระลึกส่วนตัวด้วย แนะนำบัตรชนิดนี้เลย เพราะสามารถออกแบบลายได้เอง ใช้งานได้ทั้งเดินทางและซื้อของ
บัตรเสริมสำหรับสายเที่ยว: Discover Seoul Pass

นักท่องเที่ยวที่วางแผนเที่ยวแลนด์มาร์กและพิพิธภัณฑ์ในโซลในเวลาสั้นๆ Discover Seoul Pass คือบัตรที่ไม่ควรพลาด เพราะนอกจากจะใช้เดินทางในระบบขนส่งสาธารณะได้เหมือน T-Money แล้ว ทำหน้าที่เป็นบัตรท่องเที่ยวพิเศษที่ให้สิทธิ์เข้าฟรีหรือส่วนลดตามสถานที่ดังๆ เช่น พระราชวังเคียงบกกุง หอคอย N Seoul Tower และ พิพิธภัณฑ์ศิลปะต่างๆ มีให้เลือกทั้งแบบ 24 ชั่วโมง, 48 ชั่วโมง และ 72 ชั่วโมง ซึ่งบัตรนี้จะคุ้มกว่าการไปจ่ายค่าเข้าชมแต่ละที่แยกกัน
How-to: วิธีซื้อและเติมเงินบัตรโดยสารทีละขั้นตอน
วิธีซื้อบัตรจากตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ

ที่มาของภาพ : Seoul Cafe
สำหรับนักท่องเที่ยวที่พึ่งมาที่เกาหลีครั้งแรกและยังไม่มีบัตรโดยสาร สามารถซื้อได้จากตู้จำหน่ายอัตโนมัติที่มีอยู่เกือบทุกสถานีรถไฟใต้ดิน ขั้นตอนมีดังนี้
- ไปที่ตู้จำหน่ายตั๋ว (Ticket Vending Machine)
- เลือกภาษาที่ต้องการ ส่วนใหญ่รองรับภาษาอังกฤษ จีน และญี่ปุ่น
- เลือกประเภทบัตร เช่น Single Journey Ticket, Transportation Card (T-Money / NAMANE)
- เลือกสถานีปลายทาง (กรณีซื้อตั๋วเที่ยวเดียว) หรือเลือกบัตรที่ต้องการ (ถ้าเป็นบัตรเติมเงิน)
- ใส่จำนวนเงินสดที่ตู้รับ ส่วนใหญ่รองรับแบงก์และเหรียญเกาหลี
- รับบัตรและใบเสร็จ พร้อมใช้งานได้ทันที
วิธีเติมเงิน (Top-up) ที่ตู้และร้านสะดวกซื้อ

ที่มา : JapaiKorea
การเติมเงินบัตรโดยสารในโซลสามารถทำได้ง่ายทั้งที่ ตู้เติมเงินในสถานีรถไฟใต้ดิน และ ร้านสะดวกซื้อ (CU, GS25, 7-Eleven) ซึ่งในแต่ละครั้ง สามารถเติมได้สูงสุด 90,000 วอนต่อครั้ง หากเหลือยอดเงินในบัตรเมื่อจบทริป สามารถขอคืนได้บางส่วนที่ร้านสะดวกซื้อ โดยจะมีค่าธรรมเนียมประมาณ 500 วอน
เติมเงินที่ตู้ (Top-up Machine)
- นำบัตรโดยสารไปวางที่ช่องวางบัตรบนตู้
- เลือกเมนู Recharge / Top-up
- เลือกจำนวนเงินที่ต้องการเติม (เช่น 1,000 / 5,000 / 10,000 วอน)
- ใส่เงินสดตามจำนวน
- รอระบบปรับยอด → รับบัตรคืนพร้อมยอดเงินที่อัปเดตแล้ว
เติมเงินที่ร้านสะดวกซื้อ
- ยื่นบัตรโดยสารให้พนักงานพร้อมแจ้งจำนวนเงินที่ต้องการเติม
- ชำระเงินสดหรือบัตรเครดิต (ขึ้นอยู่กับสาขา)
- พนักงานจะทำการเติมเงินและคืนบัตรให้
- ตรวจสอบยอดเงินคงเหลือได้ที่ตู้ตรวจสอบยอด (Balance Checker) ในสถานี หรือผ่านการแตะเข้า-ออกประตู
เทคนิคเดินทางแบบมือโปร: วิธีดูแผนที่และเปลี่ยนสายไม่ให้หลง

ระบบรถไฟใต้ดินโซล จะมีเครือข่ายที่ซับซ้อนที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แต่ถ้าเข้าใจหลักการอ่านป้ายและการเปลี่ยนก็จะทำให้เดินทางได้ง่ายขึ้น และนี่คือเทคนิคเล็กๆ ให้คุณมั่นใจในการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินได้แบบไม่ต้องกลัวหลง
การอ่านป้ายในสถานี: ดูสีสาย, หมายเลขสถานี และทิศทางปลายทาง
- การดูสีสาย
แต่ละสายรถไฟใต้ดินมีสีประจำสาย เช่น สาย 2 สีเขียว, สาย 4 สีน้ำเงินอ่อน, สาย 9 สีน้ำตาลเข้ม เวลาเชื่อมต่อหรือเปลี่ยนสาย ให้สังเกตสีเป็นหลัก จะช่วยให้ตามแผนที่ง่ายขึ้น - ดูหมายเลขสถานี
ทุกสถานีมีรหัสตัวเลข เช่น Line 2 - Euljiro 1(il)-ga (202) เลขสองหลักแรกบอกว่าเป็นสายอะไร (20X = สาย 2) และเลขต่อท้ายคือสถานีที่เท่าไหร่บนเส้นทาง - ดูทิศทางปลายทาง
ป้ายจะระบุทิศทางว่าขบวนนี้ไปสถานีปลายทางใด ให้เลือกฝั่งชานชาลาตามสถานีปลายทางที่ต้องการไป
วิธีแตะบัตรเข้า-ออก และการเปลี่ยนสาย (Transfer) อย่างถูกวิธี
- แตะบัตรเข้า–ออก (Tap In/Out)
ที่ประตูทางเข้า ให้นำบัตรโดยสาร แตะที่เครื่องอ่านการ์ด ประตูจะเปิดอัตโนมัติและแสดงยอดเงินคงเหลือบนหน้าจอ ตอนออกจากสถานีต้องแตะบัตรอีกครั้งเพื่อคำนวณค่าโดยสารตามระยะทาง หากไม่แตะจะไม่สามารถออกได้ - การเปลี่ยนสาย (Transfer)
หากต้องเปลี่ยนจากสายหนึ่งไปอีกสายหนึ่ง ให้เดินตามป้ายคำว่า Transfer (환승) ป้ายจะมีสีและหมายเลขบอกชัดเจนว่าไปสายไหน ต้องเดินกี่เมตร ไม่ต้องแตะบัตรใหม่ระหว่างเปลี่ยนสาย เพราะระบบจะคิดค่าโดยสารรวมกันตอนออกจากสถานีปลายทาง - ข้อควรรู้เพิ่มเติม
ในบางสถานีใหญ่ เช่น Seoul Station, Gangnam, Express Bus Terminal อาจมีทางเดินยาวและซับซ้อน ควรเผื่อเวลาเปลี่ยนสายเพิ่ม 5–10 นาที หากบัตรเงินไม่พอ จะมีเครื่อง Top-up อยู่ใกล้ ๆ ประตูทางออก
จองตั๋วเครื่องบิน กรุงเทพ-โซล
- ไป-กลับ
- เที่ยวเดียว
- direct cheapest
DMK09:005 ชม. 35 น.บินตรงICN16:35กรุงเทพ - โซล|พฤ. 5 มี.ค.|ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์
ICN17:506 ชม. 10 น.บินตรงDMK22:00โซล - กรุงเทพ|พฤ. 12 มี.ค.|ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์KRW 298,688KRW 336,540ลด 11%ลด 11%KRW 336,540KRW 298,688
DMK03:355 ชม. 35 น.บินตรงICN11:10กรุงเทพ - โซล|พ. 28 ม.ค.|ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์
ICN12:256 ชม. 10 น.บินตรงDMK16:35โซล - กรุงเทพ|ศ. 30 ม.ค.|ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์KRW 299,521KRW 336,540ลด 11%ลด 11%KRW 336,540KRW 299,521
DMK02:305 ชม. 35 น.บินตรงICN10:05กรุงเทพ - โซล|อ. 24 ก.พ.|ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์
ICN17:506 ชม. 10 น.บินตรงDMK22:00โซล - กรุงเทพ|พฤ. 26 ก.พ.|ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์KRW 299,521KRW 336,540ลด 11%ลด 11%KRW 336,540KRW 299,521
BKK1:00 PM3 ชม. 5 น.บินตรงSEL2:00 PMกรุงเทพ - โซล|Sat, Dec 13|ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์
SEL1:00 PM3 ชม. 5 น.บินตรงBKK2:00 PMโซล - กรุงเทพ|Sat, Dec 13|ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ค้นหาเที่ยวบินเพิ่มเติมค้นหาเที่ยวบินเพิ่มเติม
ราคาที่แสดงคำนวณจากราคาตั๋วในเส้นทางเดียวกันโดยเฉลี่ยรายสัปดาห์บน Trip.com
ปักหมุดที่เที่ยวฮิตติดรถไฟใต้ดิน: ลงสถานีไหน ทางออกอะไร?
สาย 2 (สีเขียว): ย่านมหาวิทยาลัยสุดคึกคัก
Hongdae Street

Hongdae Street หรือที่คนไทยเรียกกันว่า ฮงแด ถือเป็นย่านยอดฮิตของวัยรุ่นและนักท่องเที่ยว เพราะที่นี่เต็มไปด้วยบรรยากาศ ศิลปะ ดนตรี แฟชั่น และไลฟ์สไตล์สุดคึกคัก สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าแฟชั่น คาเฟ่ ร้านอาหารแนวสตรีทฟู้ด และบาร์เล็กๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จุดเด่นคือเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมวัยรุ่นของโซล และในตลาดนัดกลางคืน ที่จัดขึ้นในบางวันสุดสัปดาห์ ซึ่งเปิดโอกาสให้ศิลปินรุ่นใหม่มาขายงานฝีมือและโชว์การแสดงสด
🚇 สถานี Hongik Univ. (Line 2, AREX, Gyeongui–Jungang Line)
👉 ทางออก 9 → เดินตรงเข้าย่านร้านค้า คาเฟ่ และถนนคนเดินสุดคึกคักของวัยรุ่นโซล
📍 ที่อยู่ : 347-20 Seogyo-dong, Mapo-gu, Seoul, เกาหลีใต้
🕖 เวลาทำการ :เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
หอคอยเอ็นโซล

หอคอยเอ็นโซล (N Seoul Tower) หรือ โซลทาวเวอร์ เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงโซล ตั้งอยู่บนยอดเขานัมซานใจกลางเมือง มีความสูงกว่า 236 เมตร ทำให้หอคอยแห่งนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเกาหลีใต้ โดยนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นวิวเมืองโซลได้แบบ 360 องศา ทั้งในเวลากลางวันและยามค่ำคืนที่เมืองเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่เป็นคู่รักยังนิยมขึ้นไปแขวนกุญแจแห่งความรักกันที่ด้านบนด้วย
🚇 สถานี Gangnam (Line 2, Shinbundang Line)
👉 ทางออก 10 หรือ 11 → เดินเข้าสู่ย่านธุรกิจสุดหรู คาเฟ่ทันสมัย และร้านอาหารดัง
📍 ที่อยู่ : 105 Namsangongwon-gil, Yongsan District, Seoul
🕖 เวลาทำการ : 10.00 - 23.00 น.
สาย 3 (สีส้ม): ชมวัฒนธรรมและช้อปปิ้งสุดชิค
พระราชวังเคียงบก

พระราชวังเคียงบก (Gyeongbokgung Palace) เป็นพระราชวังที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในบรรพระราชวังทั้ง 5 ของราชวงศ์โชซอน สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1395 ถือเป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเกาหลีใต้ พระราชวังแห่งนี้เคยใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์และราชวงศ์ รวมถึงเป็นศูนย์กลางการปกครองในยุคนั้น อีกหนึ่งไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดก็คือ พิธีเปลี่ยนเวรทหารรักษาพระราชวัง ที่จะจัดขึ้นบริเวณหน้าประตูหลักในทุกวัน นักท่องเที่ยวสามารถชมได้ฟรี
🚇 สถานี Gyeongbokgung (Line 3)
👉 ทางออก 5 → เดินตรงเข้าสู่ประตูหลัก (Gwanghwamun Gate) ของพระราชวัง
📍 ที่อยู่ : 161 Sajik-ro, Jongno District, Seoul
🕖 เวลาทำการ : 09.00 - 18.30 น.
สาย 4 (สีฟ้า): สวรรค์ของนักช้อป
เมียงดง

เมียงดง (Myeong-dong) สวรรค์นักช้อปและนักกิน ที่ใครมาเที่ยวที่โซลก็ต้องแวะมาที่นี่ เป็นย่านที่คึกคักที่สุดของเกาหลี เต็มไปด้วยร้านค้าสายแฟชั่น เสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องสำอางแบรนด์ดัง นอกจากการช้อปปิ้งก็ยังขึ้นชื่อเรื่องสตรีทฟู้ดที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นไก่ทอด ต็อกบกกี กุ้งเสียบไม้ย่างเนยกระเทียม จนถึงของหวาน ทุกเย็นถนนสายหลักจะคึกคักและเต็มไปด้วยรถเข็นขายอาหารและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
🚇 สถานี Myeong-dong (Line 4)
👉 ทางออก 6 หรือ 7 → เดินเข้าสู่ย่านช้อปปิ้งเครื่องสำอาง เสื้อผ้า และสตรีทฟู้ดชื่อดัง
📍 ที่อยู่ : เขตซุง กรุงโซล
🕖 เวลาทำการ : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ตลาดทงแดมุน

ตลาดทงแดมุน (Dongdaemun Market) เป็นอีกหนึ่งแหล่งที่นักช้อปต้องมา เพราะที่นี่เป็นศูนย์กลางการค้าขายผ้า เสื้อผ้า และเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย มีทั้งตลาดแบบดั้งเดิมและห้างสรรพสินค้าสมัยใหม่รวมกันกว่า 20 อาคาร บางโซนของที่นี่เปิดยาวไปจนถึงตี 5 ทำให้ได้บรรยากาศช้อปปิ้งไม่หลับใหล นอกจากการช้อปปิ้งแล้ว ทงแดมุนยังมี Dongdaemun Design Plaza (DDP) อาคารดีไซน์สุดล้ำที่ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง Zaha Hadid ซึ่งกลายเป็นแลนด์มาร์กของย่านนี้ มีทั้งนิทรรศการ แกลเลอรี และพื้นที่จัดงานศิลปะ–แฟชั่นระดับนานาชาติ
🚇 สถานี Dongdaemun History & Culture Park (Line 2, 4, 5)
👉 ทางออก 1 หรือ 14 → ใกล้กับ DDP และตลาดค้าส่ง-ค้าปลีกเสื้อผ้า
📍 ที่อยู่ : 272 Jong-ro, Jung-gu, Seoul, South Korea
🕖 เวลาทำการ : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
สาย 6 (สีน้ำตาล): ย่านนานาชาติสุดฮิป
อิแทวอน

อิแทวอน (Itaewon) คือย่านนานาชาติสุดฮิปของกรุงโซลที่ขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายทางวัฒนธรรมและสีสันยามค่ำคืน ที่นี่เป็นแหล่งรวมร้านอาหารนานาชาติจากทั่วโลก บาร์ คลับ และคาเฟ่สไตล์เก๋ ๆ ที่ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเกาหลี นอกจากอาหารและไนท์ไลฟ์แล้ว อิแทวอนยังมี ถนนช้อปปิ้ง Itaewon Street ที่เต็มไปด้วยร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องหนัง ของวินเทจ และสินค้านำเข้าที่หาซื้อยากในย่านอื่น ๆ รวมถึง Itaewon Antique Furniture Street ถนนสายของเก่าที่นักสะสมไม่ควรพลาด
🚇 สถานี Itaewon (Line 6)
👉 ทางออก 1 หรือ 2 → เข้าสู่ย่านที่เต็มไปด้วยร้านอาหารนานาชาติ บาร์ และแฟชั่นสตรีทสไตล์อินเตอร์
📍 ที่อยู่ : Yongsan District, โซล เกาหลีใต้
🕖 เวลาทำการ : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยและมารยาทที่ควรรู้
การนั่งรถไฟใต้ดิน ไม่ใช่แค่การเดินทางในโซลเท่านั้น แต่ก็ยังมีเรื่องของมารยาท วัฒนธรรม นักท่องเที่ยวจึงควรปฏิบัติตามกฏเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่รบกวนผู้อื่นด้วย
- ที่นั่งสำหรับผู้สูงอายุ
ภายในตู้รถไฟ จะมีที่นั่งพิเศษใกล้ประตู สงวนไว้สำหรับผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้พิการ และผู้โดยสารที่มีเด็กเล็ก แม้ว่าจะมีที่นั่งว่างก็ตาม - ไม่ส่งเสียงดัง
คนเกาหลีให้ความสำคัญกับความเงียบในที่สาธารณะ โดยเฉพาะบนรถไฟใต้ดิน ควรหลีกเลี่ยงการคุยโทรศัพท์เสียงดัง เปิดเพลง หรือพูดคุยเสียงสูง เพราะจะรบกวนผู้โดยสารรอบข้าง - การยืนบนบันไดเลื่อน
ผู้โดยสารส่วนใหญ่จะยืดชิดขวา เพื่อเว้นช่องด้านซ้ายสำหรับคนที่รีบเดินขึ้นลง ถือเป็นมารยาทที่ช่วยให้การสัญจรเป็นระเบียบและรวดเร็ว - รอให้ผู้โดยสารลงก่อนขึ้น
ก่อนขึ้นรถไฟ ควรยืนรอด้านข้างประตู ให้ผู้โดยสารลงจากขบวนให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยขึ้น
รถไฟใต้ดินโซล เป็นการเดินทางหลักของคนเกาหลีใต้ สะท้อนถึงความสะดวกสบายและการเดินทางที่ครอบคลุม คุ้มค่าและตอบโจทย์นักท่องเที่ยวอย่างมาก และเพื่อให้การเดินทางราบรื่ยยิ่งขึ้น สามารถของบัตรรถไฟใต้ดินล่วงหน้าได้ผ่าน Trip.com ช่วยประหยัดเวลาและเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทางได้ทันที ทำให้การเที่ยวโซลครั้งนี้ สนุกและคุ้มค่ายิ่งขึ้น
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับรถไฟใต้ดินโซล
รถไฟใต้ดินโซล ปิดให้บริการกี่โมง?
รถไฟใต้ดินโซลเปิดให้บริการตั้งแต่ประมาณ 05:30 น. จนถึงราว 23:30–24:00 น. (ขึ้นอยู่กับแต่ละสายและสถานี) ดังนั้นหากมีแพลนเที่ยวดึก ควรเช็กตารางเวลาขบวนสุดท้ายล่วงหน้าผ่านแอป Kakao Metro หรือ Naver Map เพื่อไม่ให้ตกขบวนถ้าเงินในบัตร T-Money ไม่พอระหว่างเดินทาง ต้องทำอย่างไร?
ถ้าแตะออกแล้วเงินไม่พอ ประตูจะไม่เปิด คุณสามารถไปที่ ตู้เติมเงิน (Top-up Machine) ในสถานีเพื่อเติมเงินเพิ่ม หรือแจ้งเจ้าหน้าที่สถานีช่วยแก้ไขได้จากสนามบินอินชอน (Incheon Airport) เข้าเมืองโซลด้วยรถไฟใต้ดินต้องทำอย่างไร?
สามารถขึ้น AREX (Airport Railroad Express) ได้เลย ซึ่งเชื่อมต่อสนามบินอินชอนเข้าสู่ใจกลางโซล โดยมีทั้งแบบ Express (ตรงถึง Seoul Station ภายใน ~45 นาที) และ All-stop Train (จอดทุกสถานี ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง) จากนั้นสามารถต่อรถไฟใต้ดินสายอื่น ๆ ไปยังย่านต่าง ๆ ได้สะดวกบัตรโดยสารรถไฟใต้ดินมีวันหมดอายุหรือไม่?
บัตร T-Money, WOWPASS และ NAMANE ไม่มีวันหมดอายุ สามารถเก็บไว้ใช้ซ้ำได้ในการมาเที่ยวครั้งต่อไป แต่หากเหลือเงินในบัตร สามารถขอคืนเงินสดได้บางส่วนที่ร้านสะดวกซื้อ (หักค่าธรรมเนียมเล็กน้อย)เด็กเล็กต้องซื้อตั๋วรถไฟใต้ดินหรือไม่?
เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี สามารถนั่งฟรีหากเดินทางพร้อมผู้ปกครอง เด็กอายุ 6–12 ปี และเยาวชน 13–18 ปี จะมีบัตรโดยสารสำหรับเด็กและเยาวชนโดยเฉพาะ ซึ่งราคาถูกกว่าผู้ใหญ่


