มือใหม่ต้องรู้! ข้อจำกัดการพกเงินสดเข้า - ออกประเทศในยุโรปฉบับปี 2025

การท่องเที่ยวในยุโรปเป็นความฝันของใครหลายคน ทั้งการได้เที่ยวชมสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่และมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน การเดินเล่นในเมืองที่วิวสวยบรรยากาศดี หรือการเดินทางไปชมความสวยงามของประเทศอื่นๆ ด้วยการท่องเที่ยวหลายเมือง อย่างไรก็ตาม ก่อนเก็บกระเป๋าและออกเดินทาง สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือข้อกำหนดทางกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาข้อมูลให้ควรทราบ อย่างประเด็นของ “การพกเงินสดเข้าหรือออกประเทศ” ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมีผลบังคับตามกฎหมายที่จริงจัง เพราะหากไม่ระวัง อาจนำไปสู่การยึดเงินรวมถึงเสียค่าปรับมหาศาลได้ และที่แย่ไปกว่านั้นอาจจะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าสหภาพยุโรปเลยได้เลย ซึ่งข้อจำกัดหลายอย่างในการพกเงินสด ถูกกำหนดไว้เพื่อป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน เช่น การฟอกเงิน การสนับสนุนการก่อการร้าย และการหลีกเลี่ยงภาษี หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่นักท่องเที่ยวทุกคนสามารถโดนตรวจสอบได้และได้รับผลกระทบโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หากไม่ได้ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน เพราะเหตุนี้นักท่องเที่ยวควรใส่ใจข้อจำกัดการพกพาเงินสดในยุโรป Trip.com เลยขอรวบรวมข้อมูลควรรู้พื้นฐานในการพกเงินสดเข้าประเทศแถบยุโรปมาไว้ในบทความนี้ จะมีอะไรบ้างมาดูกันได้เลย!

ภาพรวมข้อจำกัดการพกเงินสดของสหภาพยุโรป

ตามระเบียบของสหภาพยุโรปนั้น ผู้ที่มีการเดินทางเข้าหรือออกจากสหภาพยุโรป หากพกพาเงินสดรวมเกิน 10,000 ยูโร (หรือเทียบเท่าในสกุลเงินอื่น) จะต้องมีการยื่นแบบฟอร์มเพื่อแจ้งต่อศุลกากรที่จุดผ่านแดน โดย "เงินสด" ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงเพียงธนบัตรหรือเหรียญเท่านั้น แต่ยังรวมถึง

• ธนบัตรหรือเหรียญที่มีมูลค่า
• เช็คผู้ถือ (Bearer Cheques)
• ตั๋วแลกเงิน (Bills of Exchange)
• ตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory Notes)
• ทองคำแท่งหรือเหรียญทองคำที่มีความบริสุทธิ์สูง
• บัตรกำนัลและเครื่องมือการชำระเงินที่ไม่ต้องระบุชื่อผู้ถือ

ในปี 2021 กฎใหม่ของสหภาพยุโรปได้มีการขยายความหมายของ “เงินสด” ให้ครอบคลุมสินทรัพย์รูปแบบใหม่ เช่น เงินคริปโต (Crypto-assets) ในกรณีที่พกพาในรูปแบบฮาร์ดแวร์วอลเล็ตอีกด้วย

หากมีการละเมิดข้อกำหนดอาจส่งผลให้ถูกยึดเงินทันที หรือถูกปรับเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เพื่อป้องกันการฟอกเงิน การจัดหาเงินทุนให้การก่อการร้าย และการลักลอบนำเงินเข้าหรือออกนอกระบบเศรษฐกิจ ทางสหภาพยุโรปจึงต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด

ตารางข้อกำหนดเฉพาะของแต่ละประเทศในสหภาพยุโรป

แม้จะอยู่ภายใต้กฎเดียวกัน และในแต่ละประเทศก็มีขั้นตอนและรายละเอียดต่างกันเล็กน้อย ดังนี้

ขั้นตอนการแจ้งและข้อควรระวังในการพกเงินสด

เพื่อความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการถูกปรับ ผู้ที่จะเดินทางควรปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้

• ตรวจสอบจำนวนเงินล่วงหน้าก่อนเดินทาง หากรวมเงินสดที่ถือทั้งหมดเกิน 10,000 ยูโร ควรแจ้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแต่ละประเทศปลายทางกำหนด
• จัดเตรียมเอกสารประกอบ เช่น สลิปการถอนเงินจากธนาคาร หนังสือเดินทาง ตั๋วโดยสาร หรือจดหมายเชิญ (ถ้ามี)
• กรอกแบบฟอร์มแจ้งเงินสด ซึ่งสามารถดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ศุลกากรหรือรับที่สนามบิน พร้อมแจ้งประเทศปลายทางที่จะไป เจ้าหน้าที่จะแนะนำขั้นตอนการจัดการได้อย่างราบรื่น
• แสดงความสุจริตใจในการแจ้ง โดยเดินเข้าช่องแดง (Red Channel) ที่สนามบิน และยื่นแบบฟอร์มพร้อมเอกสารประกอบ
• ขอรับเอกสารรับรองจากเจ้าหน้าที่ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในกรณีที่ต้องอธิบายที่มาของเงินในอนาคต รวมถึงใช้เป็นหลักฐานในการเข้าประเทศปลายทาง ถ้าหากเกิดการตรวจสอบอีกด้วย

ข้อควรระวังในการแจ้งเงินสด

• อย่าแยกเงินให้เพื่อนหรือครอบครัวถือแทนเพื่อหลีกเลี่ยงการแจ้งกับเจ้าหน้าที่ นั่นถือว่าเป็นการหลบเลี่ยงโดยเจตนา
• ห้ามแจ้งข้อมูลเท็จ เช่น แจ้งว่านำเข้ามา 9,000 ยูโร แต่จริงๆ แล้วพกมาเกินกว่าที่แจ้ง อาจจะโดนตรวจสอบว่าพกเงินมาเกินและในบางทีอาจจะถูกยึดหรือดำเนินคดีตามกฎหมายได้
• หากเดินทางหลายประเทศในกลุ่มเชงเก้น (Schengen Area) ต้องตรวจสอบว่าจุดเข้า (Point of Entry) อยู่ประเทศใด เพราะการแจ้งเรื่องการพกเงินจะต้องทำที่ประเทศแรกที่เข้ายุโรป

ผลกระทบจากการละเมิดข้อกำหนด

โทษจากการไม่แจ้งหรือแจ้งข้อมูลเท็จ

• การยึดเงินทันที ณ จุดตรวจ
• ค่าปรับสูงสุดถึง 50%–60% ของจำนวนเงิน
• ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางการเงิน
• การดำเนินคดีอาญา หากตรวจพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับแหล่งเงินที่ผิดกฎหมาย
• อาจถูกบันทึกประวัติในระบบของสหภาพยุโรป (EUROPOL) ทำให้การขอวีซ่าครั้งต่อไปลำบากและร้ายแรงสุดอาจจะถูกปฏิเสธวีซ่าในครั้งถัดไปเลยก็ได้

ตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

• มีนักท่องเที่ยวจากเอเชีย ถูกเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่สนามบินปารีสยึดเงินสด 18,000 ยูโร เนื่องจากไม่ได้แจ้ง แม้เงินจะมีแหล่งที่มาถูกต้อง แต่ก็ต้องเสียค่าปรับและดำเนินการทางกฎหมาย
• ในกรุงโรมมีนักเดินทางคนหนึ่งพกทองคำแท่ง 2 กิโลกรัมโดยไม่แจ้ง ถูกยึดและต้องเสียค่าปรับกว่า 40,000 ยูโร

คำแนะนำสำหรับนักเดินทาง (สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย)

ใช้ช่องทางการเงินอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก

ใช้บัตรเครดิต/เดบิตระหว่างประเทศ (ก่อนเดินทางสามารถแจ้งธนาคารล่วงหน้าว่าจะมีการเดินทางไปยังต่างประเทศและจะมีการใช้งานบัตร เพื่อหลีกเลี่ยงการอายัดบัตรจากธนาคาร) รวมถึงพิจารณาการโอนเงินผ่านระบบ Swift หรือ Wise แทนการถือเงินสด เพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวบุคคลและทรัพย์สิน

เตรียมเอกสารประกอบแหล่งที่มาของเงิน

ใบถอนเงินจากธนาคาร เอกสารการขายทรัพย์สิน หลักฐานการรับรายได้ รวมถึงจดหมายรับรองจากนายจ้างหากเป็นการเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจ

เผื่อเวลาในการเดินทาง

การแจ้งเงินสดอาจใช้เวลานานพอสมควรในบางสนามบิน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ผู้โดยสารหนาแน่น ดังนั้นนอกจากเผื่อเวลาเช็กอินและโหลดกระเป๋าแล้ว ก็ควรบวกเวลาเพิ่มหากต้องมีการแจ้งการพกเงินสดเข้าประเทศ

ศึกษาเว็บไซต์ศุลกากรของประเทศที่จะเดินทาง

แต่ละประเทศใน EU มีหน้าข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษซึ่งระบุขั้นตอนการแจ้งเงินสดอย่างละเอียด เช่น

• https://www.zoll.de (ประเทศเยอรมนี)
• https://www.douane.gouv.fr (ประเทศฝรั่งเศส)
• https://www.agenziadoganemonopoli.gov.it (ประเทศอิตาลี)

โดยการเดินทางไปยุโรปไม่ใช่แค่เรื่องของการจองตั๋วและแพ็กกระเป๋า แต่ยังรวมถึงการรู้สิทธิ หน้าที่ และข้อกำหนดทางกฎหมาย และยิ่งข้อจำกัดการพกเงินสดเข้าหรือออกประเทศในยุโรปถือเป็นเรื่องสำคัญที่นักเดินทางควรให้ความสนใจและควรรอบคอบกับเรื่องนี้มากๆ การละเมิดแม้เพียงเล็กน้อย อาจส่งผลกระทบอย่างไม่คาดคิด ไม่ว่าจะในด้านการเงินหรือประวัติการเดินทางของตนเอง การเข้าใจขั้นตอน การเตรียมตัวและศึกษากฎระเบียบก่อนออกเดินทาง รวมถึงการปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด นอกจากจะช่วยให้เดินทางอย่างสบายใจแล้ว ยังเป็นการทำให้ประสบการณ์ท่องเที่ยวนั้นปลอดภัยและไร้กังวล อีกทั้งยังสามารถเดินทางอย่างมั่นใจ เริ่มต้นด้วยความรู้ที่ถูกต้อง