
การรู้จัก “ปลั๊กไฟญี่ปุ่น” ถือเป็นสิ่งสำคัญที่นักเดินทางทุกคนควรรู้ก่อนออกทริป เพราะญี่ปุ่นใช้ปลั๊ก แบบ Type A สองขาแบน ไม่มีขากราวด์ เป็นหลัก และบางพื้นที่อาจมี Type B ที่เพิ่มขากราวด์มาอีกหนึ่งขา ซึ่งต่างจากปลั๊กกลมที่เราใช้กันในไทย จึงควรพก “อะแดปเตอร์แปลงขา” ติดตัวไว้เสมอ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักปลั๊กไฟญี่ปุ่นแบบละเอียด ตั้งแต่แรงดันไฟ ความถี่ไฟฟ้าในแต่ละภูมิภาค ไปจนถึงเคล็ดลับการชาร์จมือถือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ปลอดภัยระหว่างเที่ยวญี่ปุ่นง
สรุปข้อมูลปลั๊กไฟญี่ปุ่น
ก่อนจะหยิบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใส่กระเป๋า ลองเช็กข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับระบบไฟของญี่ปุ่นกันก่อนดีกว่าค่ะ เพราะญี่ปุ่นมีทั้งแรงดันไฟ ความถี่ และประเภทปลั๊กที่แตกต่างจากบ้านเราเล็กน้อย แต่ถ้ารู้ไว้ก่อนเดินทางจะช่วยให้ชาร์จทุกอย่างได้อย่างสบายใจแน่นอน
รายการ | รายละเอียด |
|---|---|
ประเภทปลั๊กไฟ (Plug Type) | Type A (สองขาแบน) และ Type B (สองขาแบน + ขากราวด์) |
แรงดันไฟฟ้า (Voltage) | 100 โวลต์ |
ความถี่ไฟฟ้า (Frequency) | 50 Hz (ญี่ปุ่นตะวันออก เช่น โตเกียว, ฮอกไกโด) / 60 Hz (ญี่ปุ่นตะวันตก เช่น โอซาก้า, เกียวโต) |
ต้องใช้อะแดปเตอร์ไหม? (Adapter Needed?) | ต้องใช้ หากอุปกรณ์ของคุณไม่ใช่ปลั๊กแบบ Type A |
💡 เคล็ดลับ:
- อุปกรณ์สมัยใหม่อย่างมือถือ แล็ปท็อป และกล้อง มักรองรับแรงดันไฟได้ตั้งแต่ 100–240 โวลต์ ใช้อะแดปเตอร์ปลั๊กแปลงขาแบบ Type A ก็เพียงพอ
- ถ้าอุปกรณ์ของคุณใช้ปลั๊กกลมแบบไทย (Type C) อย่าลืมพกอะแดปเตอร์แปลงขาไปด้วย
- อย่าลืมเช็กข้อมูลแรงดัน (Input Voltage) ที่อุปกรณ์ทุกครั้งก่อนใช้งาน เพื่อป้องกันไฟฟ้าขัดข้องหรือเครื่องเสียหาย
ปลั๊กไฟที่ญี่ปุ่นเป็นแบบไหน?

ที่มา: จาก world-power-plugs.com
ญี่ปุ่นใช้ปลั๊กไฟอยู่ 2 ประเภทหลัก คือ Type A และ Type B ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่ใช้กันในอเมริกาเหนือและอเมริกากลางค่ะ หากคุณเคยเห็นปลั๊กขาแบน 2 ขา นั่นแหละคือแบบที่ใช้กันทั่วไปในญี่ปุ่นเลย
- Type A → ปลั๊กสองขาแบน ไม่มีสายดิน
ปลั๊กชนิดนี้เป็นแบบมาตรฐานของญี่ปุ่น เหมาะสำหรับอุปกรณ์ทั่วไป เช่น ที่ชาร์จโทรศัพท์ กล้อง หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก - Type B → ปลั๊กสองขาแบน + ขากราวด์
เป็นรุ่นที่มีขากลมเพิ่มขึ้นมา 1 ขา เพื่อเชื่อมต่อสายดิน เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น มักพบในอาคารใหม่ โรงแรม หรืออุปกรณ์ที่ใช้กำลังไฟสูง เช่น เครื่องซักผ้าและไมโครเวฟ
💡 เคล็ดลับ:
เต้ารับในญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นแบบ Type A เพราะฉะนั้น หากอุปกรณ์ของคุณใช้ปลั๊กกลมหรือปลั๊กสามขาแบบไทย อย่าลืมพก “อะแดปเตอร์แปลงขาแบบ Type A” ไปด้วยนะคะ
👉อ้างอิงข้อมูลมาตรฐานปลั๊กไฟประเทศญี่ปุ่นจาก IEC World Plugs (เว็บไซต์ทางการ IEC) ซึ่งรวบรวมรายละเอียดปลั๊กไฟของแต่ละประเทศทั่วโลก
ญี่ปุ่นใช้แรงดันไฟและความถี่เท่าไหร่?
ประเทศญี่ปุ่นมีระบบไฟฟ้าที่แตกต่างจากหลายประเทศพอสมควร โดยใช้แรงดันไฟฟ้า 100 โวลต์ ซึ่งต่ำกว่าไทยที่ใช้ 220 โวลต์ และยังมี “ความถี่ไฟฟ้า” ที่แบ่งต่างกันระหว่างภูมิภาคอีกด้วย
พื้นที่ | ความถี่ไฟฟ้า (Frequency) |
|---|---|
ญี่ปุ่นตะวันออก (โตเกียว, โยโกฮาม่า, โทโฮคุ, ฮอกไกโด) | 50 Hz |
ญี่ปุ่นตะวันตก (โอซาก้า, เกียวโต, นาโกย่า, ฮิโรชิม่า) | 60 Hz |
ส่วนใหญ่แล้วอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ เช่น โทรศัพท์ แล็ปท็อป หรือกล้อง จะสามารถรองรับได้ทั้ง 100–240 โวลต์ และทั้งสองความถี่ ดังนั้นจึงสามารถใช้งานได้ในญี่ปุ่น เพียงแค่มีอะแดปเตอร์แปลงขาเท่านั้นค่ะ
ต้องใช้อะแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟในญี่ปุ่นไหม?

คำตอบคือ... ส่วนใหญ่ “ต้องใช้” ค่ะ เพราะปลั๊กของญี่ปุ่นเป็นแบบขาแบน Type A หรือ B ซึ่งต่างจากปลั๊กกลมของไทย (Type C) นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังใช้แรงดันไฟฟ้าเพียง 100 โวลต์ ขณะที่ไทยใช้ 220 โวลต์ ดังนั้นก่อนเดินทางควรตรวจสอบอุปกรณ์ของคุณให้ดีว่า “รองรับแรงดันไฟได้หรือไม่” มาดูกันว่าคุณควรเตรียมอะไรบ้าง
1. อะแดปเตอร์ปลั๊ก (Plug Adapter)
ถ้าอุปกรณ์ของคุณ รองรับแรงดันไฟ 100–240V อยู่แล้ว แต่ขาปลั๊กไม่ตรงกับญี่ปุ่น (เช่น ปลั๊กกลมแบบไทย) เพียงใช้อะแดปเตอร์แปลงขาเป็นแบบ Type A ก็สามารถใช้งานได้เลย
หมายเหตุ: อะแดปเตอร์ปลั๊กจะ “ไม่แปลงแรงดันไฟฟ้า” แต่ช่วยให้เสียบปลั๊กเข้ากับเต้ารับของญี่ปุ่นได้เท่านั้น
2. เครื่องแปลงแรงดันไฟ (Voltage Converter / Transformer)
ถ้าอุปกรณ์ของคุณ รองรับเฉพาะแรงดันไฟ 220–240V (เช่น เครื่องหนีบผม ไดร์เป่าผม เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า) ต้องใช้ “หม้อแปลงไฟ” เพื่อปรับแรงดันจาก 100V ของญี่ปุ่นให้เท่ากับอุปกรณ์ของคุณ มิฉะนั้นอาจทำให้เครื่องชำรุดหรือไหม้ได้
3. อุปกรณ์แรงดันไฟสองระบบ (Dual Voltage Devices)
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่ส่วนใหญ่ เช่น สมาร์ทโฟน แล็ปท็อป กล้องดิจิทัล หัวชาร์จ USB หรืออะแดปเตอร์ชาร์จมือถือ รองรับแรงดันไฟตั้งแต่ 100–240V อยู่แล้ว เพียงใช้อะแดปเตอร์ปลั๊ก Type A ก็สามารถใช้งานได้ทันที ไม่ต้องใช้หม้อแปลงใด ๆ
ตัวอย่างปลั๊กไฟที่ใช้ในญี่ปุ่น
ประเภท | ลักษณะ | การใช้งานทั่วไป | กำลังไฟ (กระแสไฟ) |
|---|---|---|---|
Type A | สองขาแบน ไม่มีสายดิน | อุปกรณ์ทั่วไป เช่น ที่ชาร์จมือถือ กล้อง | 15 แอมป์ |
Type B | สองขาแบน + ขากราวด์ | เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องต่อสายดิน เช่น ตู้เย็น ไมโครเวฟ | 15 แอมป์ |
💡เคล็ดลับ:
- เต้ารับในญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นแบบ Type A ถ้าอุปกรณ์ของคุณมีขากราวด์ (Type B) จะสามารถเสียบได้เฉพาะบางที่เท่านั้น
- หากต้องใช้อุปกรณ์กำลังไฟสูง เช่น ไดร์เป่าผม แนะนำให้ใช้รุ่น “แรงดันไฟสองระบบ” เพื่อความปลอดภัย
เคล็ดลับการชาร์จอุปกรณ์ในญี่ปุ่นให้ปลอดภัยและสะดวก

เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่น สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “ไฟชาร์จ” เพราะปลั๊กและแรงดันไฟที่นั่นต่างจากบ้านเราอยู่บ้าง ถ้าเตรียมไม่ดีอาจเสียบไม่เข้า หรือชาร์จไม่ติดได้เลยนะคะ มาดูเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณชาร์จมือถือ กล้อง หรือแล็ปท็อปได้อย่างสบายใจตลอดทริปกันค่ะ
1. ชาร์จมือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่เกือบทั้งหมด เช่น สมาร์ทโฟน แล็ปท็อป หรือแท็บเล็ต มักรองรับแรงดันไฟ 100–240 โวลต์ อยู่แล้ว เพียงพก “อะแดปเตอร์ปลั๊กแบบ Type A” ก็สามารถใช้งานได้ทันที ไม่ต้องใช้หม้อแปลงไฟ
💡 เคล็ดลับ: หัวชาร์จแบบ “USB Universal Adapter” ที่มีหลายพอร์ตในตัวจะช่วยให้คุณชาร์จมือถือ กล้อง และอุปกรณ์อื่น ๆ ได้พร้อมกันในครั้งเดียว สะดวกสำหรับคนที่พก gadget เยอะ
2. ใช้ไดร์เป่าผมหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก
ก่อนเสียบปลั๊กในญี่ปุ่น อย่าลืมตรวจสอบว่าไดร์ของคุณเป็นรุ่น แรงดันไฟสองระบบ (Dual Voltage) หรือไม่
- ถ้าใช่ → ตั้งค่าให้เป็น 100V แล้วใช้กับอะแดปเตอร์ปลั๊กได้เลย
- ถ้าไม่ใช่ → ห้ามเสียบตรงเด็ดขาด! เพราะแรงดันไฟที่ต่างกันอาจทำให้เครื่องไหม้หรือช็อตได้
💡 เคล็ดลับ: สำหรับสายบิวตี้ แนะนำให้ซื้อ “ไดร์เป่าผมขนาดพกพา 100V” ที่ออกแบบมาสำหรับใช้ในญี่ปุ่นโดยเฉพาะ หาซื้อได้ง่ายตามร้านอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่าง Bic Camera หรือ Yodobashi Camera
3. พกปลั๊กพ่วงเล็ก ๆ ติดกระเป๋า
หากคุณมีอุปกรณ์หลายชิ้น เช่น มือถือ 2 เครื่อง + กล้อง + Powerbank การพก “ปลั๊กพ่วงเล็กแบบไม่มีระบบกันไฟกระชาก” จากไทยไปด้วย จะช่วยให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น เพียงเสียบผ่านอะแดปเตอร์ Type A ตัวเดียว ก็สามารถชาร์จได้พร้อมกันหลายช่อง
💡 เคล็ดลับ: เลือกปลั๊กพ่วงที่มี “พอร์ต USB ในตัว” จะยิ่งช่วยประหยัดพื้นที่และน้ำหนักกระเป๋าไปอีกเยอะเลยค่ะ
สรุป
อุปกรณ์ | ต้องใช้อะแดปเตอร์ไหม? | ต้องแปลงไฟไหม? |
|---|---|---|
มือถือ / แล็ปท็อป | ✅ ใช่ | ❌ ไม่ต้อง |
กล้อง / พาวเวอร์แบงก์ | ✅ ใช่ | ❌ ไม่ต้อง |
ไดร์เป่าผม / เครื่องหนีบผม (รุ่นทั่วไป) | ✅ ใช่ | ✅ ต้อง |
ไดร์แรงดันไฟสองระบบ | ✅ ใช่ | ❌ ไม่ต้อง |
ปลั๊กพ่วงจากไทย | ✅ ใช่ | ❌ ไม่ต้อง |
ชาร์จอุปกรณ์ในญี่ปุ่นได้ที่ไหนบ้าง?

หมดห่วงเรื่องแบตหมดกลางทางได้เลย เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่หาปลั๊กชาร์จได้ง่ายกว่าที่คิด ไม่ว่าคุณจะอยู่ในเมืองใหญ่หรือสถานีรถไฟ ก็มีจุดให้เสียบชาร์จอยู่รอบตัว เพียงเตรียมอะแดปเตอร์แบบ Type A ไปด้วยก็พร้อมใช้งานทุกที่ และนี่คือจุดยอดนิยมที่นักเดินทางส่วนใหญ่นิยมชาร์จไฟกัน
1. ร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store)
ร้านดังอย่าง 7-Eleven, FamilyMart และ Lawson มักมีจุดชาร์จมือถือให้บริการ
- บางสาขาให้ชาร์จ ฟรี
- บางแห่งมี “ตู้ชาร์จพกพาแบบหยอดเหรียญ” (ประมาณ 100–200 เยนต่อรอบ)
💡 เคล็ดลับ: ถ้าเห็นสัญลักษณ์รูปปลั๊กไฟหรือคำว่า “Charge Spot” บนป้ายร้าน แปลว่ามีให้บริการแน่นอนค่ะ
2. ร้านกาแฟและร้านอาหาร
คาเฟ่ยอดนิยมอย่าง Starbucks, Tully’s, Doutor รวมถึงร้านอาหารบางแห่ง มักติดปลั๊กไว้ตามโต๊ะ อย่าลืมถามพนักงานเบา ๆ ว่า “Can I charge my phone?” ส่วนใหญ่จะยินดีให้ใช้เลยค่ะ
3. สถานีรถไฟและรถไฟความเร็วสูง
สถานีใหญ่ ๆ เช่น Tokyo Station, Shinjuku Station, Osaka Station จะมีจุดชาร์จหรือปลั๊กตามเก้าอี้พัก
ปล. รถไฟ ชินคันเซ็น (Shinkansen) มีปลั๊กไฟให้ทุกที่นั่งเกือบทุกขบวนแล้วด้วยนะ
💡 เคล็ดลับ: อย่าลืมพกสายชาร์จยาวสักหน่อย เพราะปลั๊กมักอยู่ใต้เก้าอี้หรือข้างผนัง
4. ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า
ห้างใหญ่อย่าง Tokyo Midtown, Shibuya Scramble Square, Aeon Mall มักมีจุดชาร์จหรือ “ล็อกเกอร์ชาร์จมือถือ” ให้บริการฟรีหรือคิดค่าบริการเล็กน้อย เหมาะสำหรับเวลาช้อปปิ้งยาว ๆ แล้วอยากพัก พร้อมเติมแบตมือถือไปด้วย
5. สนามบินหลักของญี่ปุ่น
ทั้ง สนามบินฮาเนดะ (Haneda) และ คันไซ (Kansai) มีจุดชาร์จและโต๊ะทำงานพร้อมปลั๊กไฟครอบคลุมทั่วอาคารผู้โดยสาร
💡 เคล็ดลับ: บางเกตมีช่อง USB-C ให้ด้วย ไม่ต้องพกหัวแปลงหลายแบบ
การรู้จักปลั๊กไฟญี่ปุ่นไว้ก่อนเดินทางช่วยให้ทริปของคุณราบรื่นไม่สะดุด แค่เตรียม อะแดปเตอร์แบบ Type A ติดกระเป๋าไว้ ก็สามารถชาร์จมือถือ กล้อง หรือแล็ปท็อปได้สบายทุกเมืองทั่วญี่ปุ่น เตรียมพร้อมเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ไว้ก่อน แล้วไปสนุกกับการเที่ยวญี่ปุ่นอย่างไร้กังวลกันนะคะ
คำถามที่พบบ่อย
ปลั๊กไฟที่ญี่ปุ่นเป็นแบบไหน?
ญี่ปุ่นใช้ปลั๊กไฟแบบ Type A สองขาแบน และ Type B สองขาแบน + ขากราวด์ ซึ่งแตกต่างจากปลั๊กกลมของไทยญี่ปุ่นใช้ไฟกี่โวลต์?
ญี่ปุ่นใช้แรงดันไฟฟ้ามาตรฐาน 100 โวลต์ และมีความถี่ไฟฟ้า 50 Hz ทางตะวันออก / 60 Hz ทางตะวันตกของประเทศถ้าเอาเครื่องใช้ไฟฟ้าจากไทยไปญี่ปุ่น ต้องใช้อะแดปเตอร์ไหม?
ต้องใช้ค่ะ เพราะไทยใช้ปลั๊กกลม Type C ส่วนญี่ปุ่นใช้ปลั๊กแบน Type A หากอุปกรณ์รองรับแรงดัน 100–240V สามารถใช้ได้เลยแค่มีอะแดปเตอร์แปลงขาสามารถชาร์จมือถือหรือแล็ปท็อปของไทยในญี่ปุ่นได้ไหม?
ได้ค่ะ อุปกรณ์สมัยใหม่ส่วนใหญ่รองรับแรงดันไฟ 100–240V เพียงใช้อะแดปเตอร์ Type A ก็ชาร์จได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้หม้อแปลงซื้ออะแดปเตอร์ปลั๊กสำหรับญี่ปุ่นได้ที่ไหน?
สามารถหาซื้อได้ตามร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทย เช่น Power Buy, HomePro หรือร้านออนไลน์ทั่วไป รวมถึงสนามบินและร้านอิเล็กทรอนิกส์ในญี่ปุ่น อย่าง Bic Camera และ Yodobashi ด้วยค่ะ



