
การเดินทางไปญี่ปุ่นเป็นความฝันของใครหลายคน ไม่ว่าจะเพื่อท่องเที่ยว ชมวัฒนธรรม ลิ้มรสอาหาร หรือทำธุรกิจ แต่ก่อนจะออกเดินทางนักท่องเที่ยวไทยต้องเข้าใจระบบวีซ่าญี่ปุ่นและเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อให้ทริปราบรื่นและไม่มีอุปสรรค Trip.com จะอธิบายทุกสิ่งที่เพื่อนๆ ควรรู้ทั้งหมด เพื่อให้เพื่อนๆ วางแผนการเดินทางได้อย่างมั่นใจและเต็มอิ่มกับประสบการณ์ที่ญี่ปุ่น
🔍 วีซ่าญี่ปุ่นคืออะไร?

วีซ่าญี่ปุ่นเป็นเอกสารสำคัญที่ออกโดยรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่ออนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถเดินทางเข้าสู่ประเทศได้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว เยี่ยมญาติ ศึกษาต่อ ทำงาน หรือเข้าร่วมกิจกรรมบางประเภท อย่างไรก็ตามสิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้คือ วีซ่าไม่ได้หมายความว่าจะได้รับสิทธิ์เข้าประเทศญี่ปุ่นโดย แต่เป็นเพียงการอนุญาตล่วงหน้าเท่านั้น เมื่อเดินทางถึงสนามบินหรือด่านตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่นยังคงมีอำนาจตัดสินใจขั้นสุดท้าย ว่าจะอนุญาตให้เข้าประเทศหรือไม่ รวมถึงจะกำหนดระยะเวลาที่คุณสามารถพำนักอยู่ได้กี่วัน
ประเด็นสำคัญที่ควรรู้เกี่ยวกับวีซ่าญี่ปุ่น
📃 วีซ่า ≠ การันตีเข้าประเทศ
- ถึงแม้จะมีวีซ่าแล้ว แต่การผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองยังขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ วีซ่าเป็นเพียงใบเบิกทางเบื้องต้น
📃 สถานะพำนัก (Status of Residence)
- เมื่อผ่านด่านตรวจเข้าเมือง จะได้รับสถานะพำนัก เช่น Temporary Visitor สำหรับการท่องเที่ยวหรือธุรกิจระยะสั้น หากเป็นวีซ่าประเภททำงานหรือเรียน สถานะก็จะเปลี่ยนไปตามนั้น
📃 อายุวีซ่าและระยะเวลาพำนัก
- อายุวีซ่า ช่วงเวลาที่วีซ่ายังมีผลบังคับใช้ และสามารถใช้เดินทางเข้าญี่ปุ่นได้
- ระยะเวลาพำนัก จำนวนวันที่ญี่ปุ่นอนุญาตให้อยู่ต่อครั้ง ซึ่งอาจไม่เท่ากับอายุวีซ่า
📃 ข้อจำกัดตามประเภทวีซ่า
- วีซ่าท่องเที่ยวไม่สามารถใช้ทำงานได้ และหากต้องการทำงานจริงจะต้องยื่นวีซ่าประเภททำงานพร้อมเอกสารรับรองคุณสมบัติจากญี่ปุ่น
📃 กรณียกเว้นวีซ่า
- ญี่ปุ่นทำข้อตกลงกับหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย ให้สามารถเดินทางระยะสั้นเพื่อท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า แต่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของด่านตรวจคนเข้าเมืองอย่างเคร่งครัด
📃 บริการ Visit Japan Web
- แม้จะไม่ใช่วีซ่า แต่ระบบดิจิทัลนี้ช่วยให้ผู้เดินทางกรอกข้อมูล ตม. และศุลกากรล่วงหน้า พร้อมสร้าง QR Code สำหรับใช้ที่ช่องตรวจคนเข้าเมือง ทำให้ขั้นตอนเร็วขึ้นและสะดวกมากกว่าเดิม
👥 คนไทยต้องขอวีซ่าญี่ปุ่นไหม?

หนึ่งในคำถามยอดฮิตของนักท่องเที่ยวชาวไทยก็คือไปญี่ปุ่นต้องขอวีซ่าหรือเปล่า? ซึ่งคำตอบในปี 2025 ก็คือไม่จำเป็น หากเดินทางเพื่อท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมระยะสั้น และอยู่ในญี่ปุ่นไม่เกิน 15 วัน เพราะญี่ปุ่นได้ทำข้อตกลงยกเว้นการขอวีซ่าสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางไทยมาตั้งแต่ปี 2013 และยังคงมีผลบังคับใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน
สิ่งที่คนไทยควรรู้เกี่ยวกับการเข้าญี่ปุ่นโดยไม่ต้องขอวีซ่า
📝 ระยะเวลาพำนัก
- คนไทยสามารถอยู่ญี่ปุ่นได้ไม่เกิน 15 วันต่อครั้ง หากต้องการอยู่เกินกว่านี้ เช่น เรียนระยะสั้น 1 เดือน หรือทำงานชั่วคราว จะต้องยื่นขอวีซ่าประเภทที่ตรงกับวัตถุประสงค์ล่วงหน้า
📝 เอกสารที่ควรมีติดตัว
- ตั๋วเครื่องบินขากลับหรือเดินทางต่อไปประเทศอื่น
- ใบจองที่พักหรือหลักฐานที่พักอาศัย
- แผนการเดินทางคร่าว ๆ
- เงินสดหรือวงเงินบัตรเครดิตที่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายระหว่างทริป
📝 การเข้าประเทศหลายครั้ง
- หากออกจากญี่ปุ่นแล้วกลับเข้ามาใหม่ สิทธิการพำนัก 15 วันจะเริ่มนับใหม่ แต่หากมีการเดินทางเข้า-ออกถี่ ๆ โดยไม่มีเหตุผลที่สมควร เจ้าหน้าที่อาจตั้งข้อสงสัยและมีสิทธิ์ซักถามเพิ่มเติม
📝 เด็กและเยาวชน
- เด็กที่ถือพาสปอร์ตไทยสามารถใช้สิทธิยกเว้นวีซ่าได้เช่นกัน หากเดินทางกับผู้ปกครอง ควรเตรียมเอกสารยืนยันความสัมพันธ์ หรือหนังสือยินยอมในกรณีที่เดินทางกับญาติหรือบุคคลอื่น
📝 Visit Japan Web (VJW)
- ถึงแม้จะไม่ใช่ระบบยื่นวีซ่า แต่ VJW เป็นบริการที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวกรอกข้อมูลศุลกากรและ ตม. ล่วงหน้า จากนั้นจะได้ QR Code ไปแสดงที่ด่านตรวจ ซึ่งช่วยให้ขั้นตอนการเข้าประเทศเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
📝 การเปลี่ยนแปลงนโยบาย
- ญี่ปุ่นอาจปรับปรุงกฎเกณฑ์การเข้าประเทศได้เสมอ ดังนั้นก่อนเดินทางทุกครั้ง ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ของสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย หรือเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น
📋 ประเภทวีซ่าญี่ปุ่นที่คนไทยควรรู้

แม้ว่าคนไทยส่วนใหญ่จะได้สิทธิ์ ยกเว้นวีซ่าสำหรับการเดินทางระยะสั้นไม่เกิน 15 วัน แต่ถ้ามีแผนจะพำนักในญี่ปุ่นนานกว่านั้น หรือมีวัตถุประสงค์การเดินทางที่แตกต่างออกไป เช่น ศึกษาต่อ ทำงาน หรือใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวที่ญี่ปุ่น การขอวีซ่าประเภทต่างๆ ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรรู้และทำความเข้าใจอย่างละเอียด ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นได้กำหนดประเภทวีซ่าหลากหลาย เพื่อรองรับนักเดินทางตามเป้าหมายที่แตกต่างกัน โดยสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
ประเภทวีซ่าหลักสำหรับคนไทย
📥 วีซ่าท่องเที่ยว (Temporary Visitor Visa)
- สำหรับผู้ที่ต้องการอยู่ในญี่ปุ่นระยะสั้นเกิน 15 วันขึ้นไป เช่น ไปเยี่ยมญาติหรือท่องเที่ยวแบบยาวๆ กรณีนี้ต้องยื่นขอวีซ่าล่วงหน้า โดยส่วนใหญ่จะอนุญาตให้พำนักได้ 30 - 90 วัน
📥 วีซ่าธุรกิจระยะสั้น (Short-term Business Visa)
- สำหรับผู้ที่เดินทางไปเจรจาธุรกิจ เข้าร่วมประชุม หรือกิจกรรมทางการค้า ระยะเวลาพำนักโดยทั่วไปไม่เกิน 90 วัน และไม่สามารถทำงานที่ได้รับค่าจ้างจากบริษัทญี่ปุ่นได้
📥 วีซ่าศึกษาต่อ (Student Visa)
- ใช้สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนในสถาบันการศึกษาที่ญี่ปุ่น ทั้งมหาวิทยาลัย โรงเรียนภาษาญี่ปุ่น หรือสถาบันวิชาชีพ ผู้สมัครต้องมีใบตอบรับจากสถาบันการศึกษาในญี่ปุ่น และแสดงหลักฐานการเงินเพียงพอต่อการใช้ชีวิต
📥 วีซ่าทำงาน (Working Visa)
- ออกให้สำหรับผู้ที่ได้งานจากบริษัทในญี่ปุ่นหรือมีคุณสมบัติเฉพาะด้าน เช่น วิศวกร ล่าม ครูสอนภาษา ฯลฯ โดยทั่วไปจะต้องมี Certificate of Eligibility (CoE) จากบริษัทหรือองค์กรในญี่ปุ่นเป็นหลักฐานประกอบการยื่น
📥 วีซ่าครอบครัว (Dependent Visa / Spouse Visa)
- สำหรับผู้ที่ต้องการอยู่กับคู่สมรสหรือครอบครัวที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น เช่น สามี/ภรรยาชาวญี่ปุ่น หรือผู้ที่ถือวีซ่าทำงาน/เรียนอยู่แล้วในญี่ปุ่น ระยะเวลาพำนักขึ้นอยู่กับวีซ่าหลักของผู้ที่เป็นคู่สมรสหรือผู้ปกครอง
📥 วีซ่าระยะยาวอื่นๆ (Long-term Stay Visa)
- เช่น วีซ่าผู้พำนักถาวร วีซ่าทักษะเฉพาะ (Specified Skilled Worker Visa) ซึ่งญี่ปุ่นใช้เพื่อดึงแรงงานต่างชาติในอุตสาหกรรมที่ขาดแคลน เช่น การดูแลผู้สูงอายุ ก่อสร้าง เกษตรกรรม และงานบริการอาหาร
📥 วีซ่าพิเศษ (Special Visas)
- สำหรับการเข้าประเทศด้วยวัตถุประสงค์เฉพาะ เช่น เข้าร่วมงานวิจัย โครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม หรืองานอาสาสมัครที่รัฐบาลญี่ปุ่นรับรอง
🗒️ สรุปประเภทวีซ่าญี่ปุ่น

เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ เรามาลองดูภาพรวมของประเภทวีซ่าญี่ปุ่นในรูปแบบตารางกัน ตารางนี้จะช่วยให้เห็นความแตกต่างของวัตถุประสงค์ ระยะเวลาพำนัก และเอกสารเบื้องต้นที่ใช้ยื่นได้ชัดเจนมากขึ้น
ประเภทวีซ่า | วัตถุประสงค์ | ระยะเวลาพำนักโดยทั่วไป | เอกสารหลักที่ใช้ยื่น |
Temporary Visitor (ท่องเที่ยว/เยี่ยมญาติ) | ท่องเที่ยว เยี่ยมครอบครัวหรือเพื่อน | 15 - 90 วัน (ขึ้นกับการอนุญาต) | ตั๋วเครื่องบิน ใบจองที่พัก แผนการเดินทาง หลักฐานการเงิน |
Short-term Business (ธุรกิจระยะสั้น) | ประชุม สัมมนา เจรจาธุรกิจ | ไม่เกิน 90 วัน | หนังสือเชิญจากบริษัทในญี่ปุ่น เอกสารบริษัท ตั๋วเดินทาง |
Student Visa (วีซ่านักเรียน) | เรียนในมหาวิทยาลัย โรงเรียนภาษาญี่ปุ่น หรือสถาบันวิชาชีพ | ตามหลักสูตร (6 เดือน - 4 ปี) | ใบตอบรับจากสถาบันการศึกษา หลักฐานการเงิน เอกสารรับรองจากญี่ปุ่น |
Working Visa (วีซ่าทำงาน) | ทำงานในบริษัทหรือองค์กรญี่ปุ่น เช่น วิศวกร ครู ล่าม | 1 - 5 ปี (ขึ้นกับสัญญาจ้าง) | สัญญาจ้างงาน Certificate of Eligibility (CoE) |
Dependent / Spouse Visa (ครอบครัว/คู่สมรส) | อยู่กับคู่สมรสหรือครอบครัวที่อาศัยในญี่ปุ่น | 1 - 3 ปี | สูติบัตร/ทะเบียนสมรส หลักฐานการเงินของผู้พำนักในญี่ปุ่น |
Long-term Stay (พำนักระยะยาว) | เช่น แรงงานทักษะเฉพาะ ผู้พำนักถาวร | 1 ปีขึ้นไป | เอกสารเฉพาะตามประเภท เช่น CoE หรือเอกสารสิทธิถาวร |
Special Visa (วีซ่าพิเศษ) | งานวิจัย อาสาสมัคร แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม | ระยะเวลาตามโครงการ | หนังสือเชิญหรือรับรองจากองค์กร/หน่วยงานญี่ปุ่น |
📨 เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการยื่นวีซ่า

การขอวีซ่าญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นประเภทใด สิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและถูกต้อง เพราะแม้เอกสารจะขาดเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้การพิจารณาล่าช้า หรือถูกปฏิเสธการยื่นได้ การเตรียมพร้อมล่วงหน้าจะช่วยให้ขั้นตอนทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่น
ประเภทวีซ่า | เอกสารที่ใช้ยื่น (หลัก ๆ) | หมายเหตุเพิ่มเติม |
ท่องเที่ยว (Temporary Visitor) | - หนังสือเดินทาง (เหลืออายุอย่างน้อย 6 เดือน) - แบบฟอร์มใบสมัครขอวีซ่า - รูปถ่าย 2 นิ้ว 1 ใบ (พื้นหลังขาว ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน) - สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชน- ตั๋วเครื่องบินไป - กลับ - ใบจองที่พักหรือหลักฐานการพักอาศัย - แผนการเดินทาง (เป็นรายวัน) - หลักฐานทางการเงิน (สเตทเมนท์ย้อนหลัง 3 - 6 เดือน) | เอกสารการเงินควรเป็นชื่อผู้สมัครเอง หากใช้บัญชีผู้อื่น ควรแนบหนังสือยินยอม |
ธุรกิจระยะสั้น | - หนังสือเดินทางและใบสมัคร - รูปถ่าย - จดหมายเชิญจากบริษัทในญี่ปุ่น - หนังสือรับรองการทำงานจากบริษัทไทย - เอกสารการเงินและตั๋วเครื่องบิน | เน้นหลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทไทย - ญี่ปุ่น |
นักเรียน (Student Visa) | - หนังสือเดินทางและใบสมัคร - รูปถ่าย - ใบตอบรับจากสถาบันการศึกษาในญี่ปุ่น - หลักฐานการชำระค่าเล่าเรียน (ถ้ามี) - หลักฐานการเงิน (บัญชีธนาคาร/หนังสือรับรองการสนับสนุน) - สำเนาทะเบียนบ้าน/บัตรประชาชน | ต้องมี Certificate of Eligibility (CoE) จากสถาบันในญี่ปุ่น |
ทำงาน (Working Visa) | - หนังสือเดินทางและใบสมัคร - รูปถ่าย - สัญญาจ้างงานจากบริษัทญี่ปุ่น - Certificate of Eligibility (CoE) - สำเนาเอกสารบริษัทผู้ว่าจ้าง | CoE ถือเป็นเอกสารหลักที่ขาดไม่ได้ |
ครอบครัว/คู่สมรส (Dependent/Spouse Visa) | - หนังสือเดินทางและใบสมัคร - รูปถ่าย - ทะเบียนสมรส/สูติบัตร/ทะเบียนบ้าน - หลักฐานการเงินของคู่สมรสที่อยู่ญี่ปุ่น- CoE (ถ้ามี) | ต้องแสดงหลักฐานความสัมพันธ์ชัดเจน เช่น รูปถ่ายร่วมกัน |
พำนักระยะยาว/วีซ่าพิเศษ | - หนังสือเดินทางและใบสมัคร- รูปถ่าย- CoE- เอกสารตามเงื่อนไขพิเศษ (จดหมายเชิญ/สัญญาโครงการ) | ขึ้นอยู่กับประเภทพำนัก เช่น วิจัย อาสาสมัคร หรือแรงงานทักษะ |
⏱️ อายุและระยะเวลาการพำนักของวีซ่าญี่ปุ่น

เรื่องที่หลายคนมักสงสัยเมื่อได้วีซ่าญี่ปุ่นก็คือ วีซ่าที่ได้มานั้นมีอายุการใช้งานนานเท่าไหร่? และเมื่อเดินทางเข้าไปแล้วสามารถพำนักอยู่ได้กี่วัน? การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง อายุวีซ่าและระยะเวลาพำนักถือว่าสำคัญมาก เพราะเป็นสิ่งที่กำหนดสิทธิในการอยู่ญี่ปุ่นอย่างถูกกฎหมาย
ความแตกต่างระหว่าง "อายุวีซ่า" และ "ระยะเวลาพำนัก"
🌈 อายุวีซ่า (Visa Validity)
- คือระยะเวลาที่วีซ่ายังคงใช้ได้ นับตั้งแต่วันที่ออกจนถึงวันที่หมดอายุ หากเลยกำหนดนี้ไป วีซ่าจะหมดสิทธิ์ทันที ไม่สามารถใช้เดินทางเข้าญี่ปุ่นได้
🌈 ระยะเวลาพำนัก (Period of Stay)
- คือจำนวนวันที่ผู้ถือวีซ่าได้รับอนุญาตให้อยู่ในญี่ปุ่น นับตั้งแต่วันที่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง หากอยู่เกินกำหนด จะถือเป็นการ Overstay ซึ่งมีผลทางกฎหมาย อาจถูกปรับเนรเทศและถูกห้ามเข้าญี่ปุ่นในอนาคต
ระยะเวลาการพำนักของวีซ่าประเภทต่างๆ
🌈 วีซ่าท่องเที่ยว (Temporary Visitor Visa)
- อนุญาตให้พำนักได้สูงสุด 15, 30 หรือ 90 วัน (แล้วแต่การอนุญาตของเจ้าหน้าที่ ตม.)
- สำหรับคนไทยที่ใช้สิทธิยกเว้นวีซ่า สามารถอยู่ได้ ไม่เกิน 15 วัน ต่อครั้ง
🌈 วีซ่าธุรกิจระยะสั้น
- พำนักได้สูงสุด 90 วัน
- ใช้สำหรับเข้าประชุม สัมมนา หรือติดต่อธุรกิจ
🌈 วีซ่านักเรียน (Student Visa)
- ระยะเวลาพำนักขึ้นอยู่กับหลักสูตร เช่น 6 เดือน, 1 ปี, 2 ปี หรือมากกว่า
- สามารถขอต่ออายุได้จนกว่าจะจบหลักสูตร
🌈 วีซ่าทำงาน (Working Visa)
- พำนักได้ 1 ปี, 3 ปี หรือสูงสุด 5 ปี ขึ้นกับสัญญาจ้างและการอนุมัติ
- ต้องต่ออายุตามเงื่อนไขเมื่อครบกำหนด
🌈 วีซ่าครอบครัว / คู่สมรส (Dependent/Spouse Visa)
- ระยะเวลาพำนัก 1 ปี, 3 ปี หรืออาจนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสถานะของคู่สมรส/ผู้พำนักในญี่ปุ่น
🌈 วีซ่าพำนักระยะยาวหรือพิเศษ
- เช่น วีซ่าผู้มีทักษะเฉพาะ (Specified Skilled Worker) หรือถาวร (Permanent Resident)
- ระยะเวลาอนุญาตอาจเป็น 1 ปี, 3 ปี, 5 ปี หรือถาวร
🏢 ยื่นวีซ่าญี่ปุ่นที่ไหน?

การยื่นวีซ่าญี่ปุ่นสำหรับคนไทยมีขั้นตอนที่ชัดเจนและเป็นระบบ ซึ่งต่างจากเมื่อก่อนที่ต้องยื่นตรงกับสถานทูตหรือสถานกงสุล ปัจจุบันญี่ปุ่นได้มอบหมายให้ ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าญี่ปุ่น (Japan Visa Application Center - JVAC) เป็นผู้ดูแลการรับเอกสารเบื้องต้นแทน ทำให้นักท่องเที่ยวสะดวกมากขึ้น เพราะมีหลายสาขา และมีเจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบความครบถ้วนของเอกสารก่อนส่งต่อให้สถานทูตพิจารณา
ช่องทางหลักในการยื่นวีซ่าญี่ปุ่น
⭕ ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าญี่ปุ่น (JVAC)
- มีสาขาหลักในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่
- ทำหน้าที่รับเอกสาร ตรวจสอบความถูกต้อง เก็บค่าธรรมเนียม และส่งเอกสารไปยังสถานทูตญี่ปุ่น
- ผู้สมัครสามารถติดตามสถานะการพิจารณาผ่านระบบออนไลน์ของ JVAC
⭕ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย (กรุงเทพฯ)
- โดยทั่วไปไม่รับยื่นตรง ยกเว้นบางกรณี เช่น วีซ่าพิเศษ วีซ่าเพื่อการทูต หรือกรณีที่ทางสถานทูตกำหนด
- ที่อยู่: 177 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
⭕ สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ เชียงใหม่
- รองรับผู้ที่อาศัยในเขตภาคเหนือ
- แต่ปัจจุบันส่วนมากก็ส่งต่อการรับยื่นผ่านศูนย์ JVAC เช่นเดียวกัน
📬 วิธีการสมัครวีซ่าญี่ปุ่น

การสมัครวีซ่าญี่ปุ่นสำหรับคนไทยในปี 2025 แม้จะมีหลายประเภท แต่กระบวนการโดยรวมค่อนข้างคล้ายกัน และเน้นเรื่องความครบถ้วนของเอกสาร การกรอกข้อมูลถูกต้อง และการยื่นผ่าน ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าญี่ปุ่น (JVAC)
ขั้นตอนการสมัครวีซ่าญี่ปุ่น
❗ ตรวจสอบประเภทวีซ่า
- เลือกประเภทวีซ่าที่ตรงกับวัตถุประสงค์การเดินทาง เช่น ท่องเที่ยว, ธุรกิจ, เรียน, ทำงาน, ครอบครัว
- ตรวจสอบระยะเวลาพำนักที่ต้องการ และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับประเภทนั้น
❗ เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน
- หนังสือเดินทางที่เหลืออายุอย่างน้อย 6 เดือน
- แบบฟอร์มใบสมัครวีซ่า (ดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ JVAC หรือรับที่ศูนย์)
- รูปถ่าย 2 นิ้ว พื้นหลังขาว ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน
- เอกสารประกอบอื่น ๆ ตามประเภทวีซ่า เช่น ตั๋วเครื่องบิน, ใบจองที่พัก, หนังสือเชิญ, CoE, ใบตอบรับจากสถาบันการศึกษา, หลักฐานการเงิน
❗ ตรวจสอบและกรอกแบบฟอร์ม
- กรอกข้อมูลภาษาอังกฤษให้ตรงกับหนังสือเดินทาง
- ระบุรายละเอียดอย่างชัดเจน เช่น ที่อยู่ในญี่ปุ่น, แผนการเดินทาง, ข้อมูลติดต่อฉุกเฉิน
- เซ็นชื่อให้เรียบร้อยในทุกจุดที่กำหนด
❗ จองคิวและยื่นเอกสาร
- จองคิวออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ JVAC เพื่อเข้ารับบริการ
- ยื่นเอกสารทั้งหมดที่ศูนย์ JVAC ตามวันและเวลาที่นัดหมาย
- เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสารเบื้องต้น หากครบถ้วนจะส่งต่อไปยังสถานทูตญี่ปุ่น
❗ ชำระค่าธรรมเนียม
- ชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าตามประเภทที่ยื่น
- การชำระสามารถทำได้ที่ศูนย์ JVAC โดยบางสาขามีบริการชำระผ่านธนาคารหรือบัตรเครดิต
❗ ติดตามสถานะการพิจารณา
- สามารถติดตามผลผ่านเว็บไซต์ JVAC
- ระยะเวลาพิจารณาทั่วไปประมาณ 5 - 7 วันทำการ
- ในบางกรณีอาจใช้เวลานานกว่านี้ หากต้องการเอกสารเพิ่มเติมหรือมีข้อสงสัยจากเจ้าหน้าที่
❗ รับพาสปอร์ตและผลวีซ่า
- เมื่อวีซ่าผ่านการอนุมัติ พาสปอร์ตจะถูกส่งคืนตามวิธีที่เลือก (รับด้วยตัวเองหรือจัดส่งทางไปรษณีย์)
- ตรวจสอบข้อมูลในวีซ่าว่าถูกต้องตรงกับชื่อ, ประเภทวีซ่า, ระยะเวลาพำนัก
💵 ค่าธรรมเนียมในการยื่นวีซ่าญี่ปุ่น

หนึ่งในข้อมูลสำคัญที่นักท่องเที่ยวและผู้เดินทางต้องทราบก่อนยื่นวีซ่าญี่ปุ่นคือ ค่าธรรมเนียม เพราะจะต้องชำระเมื่อยื่นเอกสาร และแต่ละประเภทวีซ่าจะมีอัตราที่แตกต่างกันตามวัตถุประสงค์การเดินทาง
☑️หลักการคิดค่าธรรมเนียม
- ค่าธรรมเนียมวีซ่าญี่ปุ่น ไม่รวมบริการเพิ่มเติมของศูนย์ JVAC เช่น ค่าบริการรับส่งพาสปอร์ตทางไปรษณีย์ หรือบริการจองคิว
- การชำระค่าธรรมเนียมจะทำได้ที่ ศูนย์ JVAC เท่านั้น โดยสามารถจ่ายเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตตามที่ศูนย์กำหนด
- อัตราค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับประเภทวีซ่าและจำนวนครั้งในการเข้าออก (Single Entry / Multiple Entry)
ประเภทวีซ่า | Single Entry | Multiple Entry | หมายเหตุ |
ท่องเที่ยว / เยี่ยมครอบครัว | 1,000 - 1,500 บาท | 2,500 - 3,000 บาท | วีซ่าหลายครั้งมักอนุญาต 1–5 ปี ขึ้นอยู่กับการพิจารณา |
ธุรกิจระยะสั้น | 1,000 - 1,500 บาท | 2,500 - 3,000 บาท | การยื่น Multiple Entry มักต้องมีประวัติเดินทางญี่ปุ่นหลายครั้ง |
นักเรียน | ไม่เสียค่าใช้จ่าย (บางกรณีอาจมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อยขึ้นอยู่กับสถานทูต) | - | ค่าธรรมเนียมหลักมักรวมในค่าเรียนหรือเอกสาร CoE |
ทำงาน / Dependent / Long-term / Special | 1,500 - 2,000 บาท | 3,000 - 4,000 บาท | อัตราอาจปรับตามประเภทงานหรืออายุวีซ่า และบางกรณีต้องชำระเพิ่มเติมตาม CoE |
🗓️ การขอวีซ่าญี่ปุ่นใช้เวลานานเท่าไหร่?

หลายคนสงสัยว่าการขอวีซ่าญี่ปุ่นจะใช้เวลานานแค่ไหนตั้งแต่ยื่นเอกสารจนถึงรับพาสปอร์ตกลับ ซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับประเภทวีซ่า ความสมบูรณ์ของเอกสาร และช่วงเวลาที่ยื่น
ระยะเวลาการพิจารณาวีซ่าญี่ปุ่น
📍 วีซ่าท่องเที่ยว (Temporary Visitor Visa)
- ระยะเวลาพิจารณาโดยทั่วไป 5 - 7 วันทำการ
- ในบางกรณีอาจนานขึ้น 1 - 2 สัปดาห์ หากเอกสารไม่ครบถ้วน หรือเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบเพิ่มเติม
📍 วีซ่าธุรกิจระยะสั้น
- พิจารณาประมาณ 5 - 10 วันทำการ
- เอกสารจากบริษัทญี่ปุ่นหรือไทยที่ไม่ชัดเจนอาจทำให้ล่าช้า
📍 วีซ่านักเรียน (Student Visa)
- ต้องมี Certificate of Eligibility (CoE) จากสถาบันการศึกษา
- ระยะเวลาโดยทั่วไป 1 - 2 สัปดาห์หลังจากยื่นเอกสารครบถ้วน
📍 วีซ่าทำงาน / Dependent / Long-term / Special
- ระยะเวลา 2 - 4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับประเภทงานและเอกสาร CoE
- วีซ่าบางประเภทอาจใช้เวลานานกว่านี้ หากต้องตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมกับองค์กรญี่ปุ่น
ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลา
📍 ความครบถ้วนของเอกสาร
- เอกสารไม่ครบ เช่น หลักฐานทางการเงินไม่เพียงพอ หรือรูปถ่ายไม่ตรงตามข้อกำหนด จะทำให้ขั้นตอนช้าลง
📍 ช่วงเวลายื่นวีซ่า
- ช่วงฤดูท่องเที่ยวสูงสุด เช่น ฤดูซากุระ หรือฤดูใบไม้เปลี่ยนสี การพิจารณาอาจล่าช้ากว่าปกติ
📍 การตรวจสอบเพิ่มเติม
- หากเจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม เช่น การเช็คประวัติเดินทางหรือความถูกต้องของ CoE ระยะเวลาจะเพิ่มขึ้น
🌏 ประเทศและภูมิภาคที่ไม่ต้องขอวีซ่าญี่ปุ่น

สำหรับนักท่องเที่ยวหลายชาติ ญี่ปุ่นมีนโยบายยกเว้นวีซ่า (Visa Exemption) เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางระยะสั้น โดยทั่วไปอนุญาตให้พำนัก ไม่เกิน 15 - 90 วัน ขึ้นอยู่กับสัญชาติและประเภทการเดินทาง สำหรับคนไทย ปัจจุบันต้องขอวีซ่าเพื่อเข้าญี่ปุ่น แต่ในหลายประเทศอื่นๆ สามารถเข้าได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า
ภูมิภาค | ประเทศ / เขตการปกครอง | ระยะเวลาพำนักสูงสุด | หมายเหตุ |
เอเชีย | ฮ่องกง | 90 วัน | ต้องถือหนังสือเดินทางฮ่องกง (HKSAR Passport) |
ไต้หวัน | 90 วัน | ต้องมีหนังสือเดินทางไต้หวัน (Taiwan Passport) | |
สิงคโปร์ | 90 วัน | ใช้เพื่อการท่องเที่ยวหรือธุรกิจระยะสั้น | |
เกาหลีใต้ | 90 วัน | รวมถึงหมู่เกาะเชจู | |
มาเก๊า | 90 วัน | ต้องถือหนังสือเดินทางมาเก๊า | |
ยุโรป | ออสเตรีย, เบลเยียม, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, กรีซ, ไอซ์แลนด์, อิตาลี, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์, โปรตุเกส, สเปน, สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์, อังกฤษ, ไอร์แลนด์ | 90 วัน | ใช้สำหรับท่องเที่ยวและธุรกิจระยะสั้น |
อเมริกาเหนือ | สหรัฐอเมริกา, แคนาดา | 90 วัน | ใช้ตามนโยบาย Visa Waiver Program |
โอเชียเนีย | ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ | 90 วัน | ต้องถือหนังสือเดินทางประเทศนั้น ๆ |
อเมริกาใต้ | บราซิล, ชิลี, อาร์เจนตินา | 90 วัน | ใช้สำหรับท่องเที่ยวระยะสั้น |
ตะวันออกกลาง / แอฟริกา | อิสราเอล | 90 วัน | เฉพาะการท่องเที่ยว / ธุรกิจระยะสั้น |
🛬 Visit Japan Web คืออะไร?

Visit Japan Web เป็นระบบออนไลน์ที่รัฐบาลญี่ปุ่นจัดทำขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกรอกข้อมูลการเดินทางและข้อมูลส่วนตัวก่อนเข้าประเทศ ลดความซ้ำซ้อนของเอกสาร และช่วยให้กระบวนการตรวจคนเข้าเมืองรวดเร็วขึ้น
✈️ จุดประสงค์หลักของ Visit Japan Web
- ลดระยะเวลาในการกรอกเอกสารเมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง
- ลดความซับซ้อนของเอกสารกระดาษ เช่น แบบฟอร์มใบตม. และแบบฟอร์มสุขภาพ
- รองรับการเข้าประเทศทั้ง ผู้ที่ต้องขอวีซ่า และ ผู้ที่ไม่ต้องขอวีซ่า
- เพิ่มความปลอดภัยและความแม่นยำของข้อมูลสำหรับเจ้าหน้าที่
✈️ ข้อดีของการใช้ Visit Japan Web
- กรอกเพียงครั้งเดียว สำหรับการเข้าออกหลายครั้งในอนาคต (ถ้าเป็นวีซ่าแบบ Multiple Entry)
- ข้อมูลถูกเก็บและตรวจสอบออนไลน์ ลดความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่
- ช่วยให้ขั้นตอนที่สนามบินรวดเร็ว ลดเวลารอคิวตรวจคนเข้าเมือง
- ผู้เดินทางสามารถพิมพ์ QR Code จากระบบ เพื่อนำไปสแกนที่จุดตรวจคนเข้าเมือง
✈️ ใครควรใช้ Visit Japan Web
- นักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางเข้าญี่ปุ่น ไม่ว่าจะ ขอวีซ่าหรือไม่ต้องขอวีซ่า
- นักธุรกิจหรือผู้เดินทางระยะสั้น ที่ต้องการเข้าประเทศหลายครั้ง (Multiple Entry)
- ครอบครัวและนักเรียนต่างชาติที่ต้องการกรอกข้อมูลล่วงหน้าเพื่อความรวดเร็ว
💻 ขั้นตอนการกรอก Visit Japan Web

การกรอกข้อมูลใน Visit Japan Web ช่วยให้การเข้าประเทศญี่ปุ่นรวดเร็วและสะดวกมากขึ้น นักท่องเที่ยวสามารถกรอกข้อมูลออนไลน์ล่วงหน้าก่อนวันเดินทาง
ขั้นตอนการกรอก Visit Japan Web
✅ เข้าสู่เว็บไซต์ Visit Japan Web
- ใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์หรือมือถือ
- ลิงก์ทางการ https://www.vjw.digital.go.jp
- เลือกภาษาอังกฤษหรือภาษาที่สะดวก
✅ ลงทะเบียนบัญชีผู้ใช้ (User Registration)
- กรอกอีเมลและรหัสผ่าน
- ระบบจะส่งอีเมลยืนยันเพื่อเปิดใช้งานบัญชี
- หลังจากยืนยัน สามารถเข้าสู่ระบบและกรอกข้อมูลผู้เดินทางได้
✅ กรอกข้อมูลส่วนตัวของผู้เดินทาง
- ชื่อ - นามสกุลตรงกับพาสปอร์ต
- วันเดือนปีเกิด
- สัญชาติและหมายเลขพาสปอร์ต
- หมายเลขโทรศัพท์และอีเมลสำหรับติดต่อ
✅ กรอกข้อมูลการเดินทาง
- วันที่มาถึงและออกจากญี่ปุ่น
- สถานที่พักในญี่ปุ่น เช่น โรงแรม, ที่พักเพื่อนหรือครอบครัว
- สายการบินและหมายเลขเที่ยวบิน
✅ กรอกข้อมูลสุขภาพและการแพทย์ (ถ้ามีข้อกำหนด)
- ประวัติการฉีดวัคซีนหรือผลตรวจโควิด-19
- แบบสอบถามอาการ เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ หากมีข้อกำหนดล่าสุด
✅ กรอกข้อมูลติดต่อฉุกเฉิน
- ชื่อผู้ติดต่อ
- เบอร์โทรศัพท์และที่อยู่
- ผู้ติดต่อสามารถเป็นเพื่อน ครอบครัว หรือที่พักในญี่ปุ่น
✅ ตรวจสอบข้อมูลและยืนยัน
- ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลทุกข้อ
- ระบบจะให้แก้ไขหากพบข้อผิดพลาด
- ยืนยันข้อมูลและบันทึก
✅ รับ QR Code
- ระบบจะสร้าง QR Code ส่วนตัว สำหรับผู้เดินทาง
- QR Code นี้ใช้สแกนที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่น
- สามารถพิมพ์หรือบันทึกลงมือถือเพื่อนำไปใช้
📂 ข้อควรรู้ก่อนเดินทาง

การวางแผนและเตรียมตัวก่อนเดินทางไปญี่ปุ่นช่วยให้การท่องเที่ยวราบรื่น ปลอดภัย และสนุกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในปี 2025 ที่มีมาตรการใหม่ๆ ทั้งเรื่องวีซ่าและ Visit Japan Web
ข้อควรรู้สำคัญ
📌 ตรวจสอบวีซ่าและเอกสาร
- คนไทยต้องขอวีซ่าล่วงหน้า ยกเว้นมีข้อยกเว้นเฉพาะ
- ตรวจสอบพาสปอร์ตให้เหลืออายุไม่น้อยกว่า 6 เดือน
- พกเอกสารการจองที่พัก ตั๋วเครื่องบิน และหลักฐานการเงิน
📌 กรอก Visit Japan Web ล่วงหน้า
- กรอกข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลการเดินทาง สุขภาพ และผู้ติดต่อฉุกเฉิน
- รับ QR Code เพื่อสแกนที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง
- แนะนำกรอกล่วงหน้าอย่างน้อย 3 - 5 วันก่อนวันเดินทาง
📌 การเตรียมเงินและบัตร
- ญี่ปุ่นยังใช้เงินสดมาก โดยเฉพาะในร้านเล็ก ตลาด และสถานที่ท่องเที่ยว
- พกบัตรเครดิต/เดบิตเผื่อใช้ในร้านค้าหรือโรงแรมใหญ่
- ตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียมการถอนเงินต่างประเทศ
📌 วางแผนการเดินทางภายในประเทศ
- สำรวจระบบขนส่ง เช่น JR Pass, รถไฟฟ้าใต้ดิน, รถบัส
- วางแผนเส้นทางล่วงหน้าเพื่อประหยัดเวลาและค่าเดินทาง
- ดาวน์โหลดแอปแผนที่และข้อมูลขนส่งที่ใช้ได้ในญี่ปุ่น
📌 เรื่องสุขภาพและประกันเดินทาง
- แนะนำซื้อประกันเดินทางครอบคลุมทั้งอุบัติเหตุและเจ็บป่วย
- หากมีโรคประจำตัว ควรพกยาประจำตัวพร้อมใบแพทย์
- ตรวจสอบข้อกำหนดเกี่ยวกับวัคซีนหรือผลตรวจโควิด-19 ก่อนเดินทาง
📌 วัฒนธรรมและมารยาท
- ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับมารยาท เช่น การต่อคิว การไม่ส่งเสียงดังในที่สาธารณะ
- เคารพกฎและป้ายสัญลักษณ์ เช่น ห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่สาธารณะ
- เรียนรู้คำทักทายพื้นฐาน
📌 สภาพอากาศและฤดูกาล
- เช็คพยากรณ์อากาศล่วงหน้าและเตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะสม
- ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเป็นช่วงนักท่องเที่ยวเยอะ ควรจองที่พักล่วงหน้า
🧳เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเที่ยวญี่ปุ่น

การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเดินทางไปญี่ปุ่นช่วยให้ทริปสนุกและราบรื่น ลดความกังวล และใช้เวลาในทริปได้อย่างคุ้มค่า
สิ่งที่ควรเตรียมก่อนเดินทาง
🚗 ตรวจสอบเอกสารการเดินทาง
- พาสปอร์ตต้องมีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
- เตรียมวีซ่าให้เรียบร้อย และตรวจสอบประเภทวีซ่าว่าตรงกับวัตถุประสงค์การเดินทาง
- พกสำเนาพาสปอร์ตและเอกสารสำคัญเผื่อกรณีฉุกเฉิน
🚗 กรอก Visit Japan Web ล่วงหน้า
- กรอกข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลการเดินทาง และข้อมูลสุขภาพ
- รับ QR Code เพื่อนำไปสแกนที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง
- แนะนำกรอกข้อมูลล่วงหน้าอย่างน้อย 3–5 วันก่อนวันเดินทาง
🚗 วางแผนเส้นทางและที่พัก
- จองที่พักล่วงหน้า โดยเฉพาะในช่วงฤดูท่องเที่ยวสูงสุด เช่น ใบไม้ผลิและใบไม้เปลี่ยนสี
- วางแผนเส้นทางเดินทางภายในเมือง เช่น รถไฟฟ้า, รถบัส, JR Pass
- ดาวน์โหลดแอปแผนที่และข้อมูลขนส่งสำหรับใช้ในญี่ปุ่น
🚗 เตรียมเงินและบัตร
- พกเงินสดเพียงพอสำหรับใช้จ่ายในร้านเล็ก ตลาด และค่าเดินทางบางประเภท
- ใช้บัตรเครดิต/เดบิตสำหรับการจ่ายในร้านค้าหรือโรงแรมใหญ่
- ตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียมการถอนเงินต่างประเทศ
🚗 เตรียมสุขภาพและประกันการเดินทาง
- ซื้อประกันเดินทางครอบคลุมทั้งอุบัติเหตุและเจ็บป่วย
- พกยาประจำตัวพร้อมใบแพทย์ หากมีโรคประจำตัว
- ตรวจสอบข้อกำหนดวัคซีนหรือผลตรวจโควิด-19 ตามข้อบังคับล่าสุด
🚗 เรียนรู้วัฒนธรรมและมารยาทพื้นฐาน
- เคารพกฎและป้ายสัญลักษณ์ เช่น ห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่สาธารณะ
- ปฏิบัติตามมารยาทต่อคนอื่น เช่น การต่อคิว การไม่ส่งเสียงดัง
- เรียนรู้คำทักทายพื้นฐานและคำว่าขอบคุณเพื่อใช้สื่อสาร
🚗 เตรียมอุปกรณ์และของใช้ส่วนตัว
- เสื้อผ้าและรองเท้าที่เหมาะสมกับฤดูกาลและกิจกรรม
- อุปกรณ์ชาร์จไฟและอะแดปเตอร์ที่เข้ากับปลั๊กไฟของญี่ปุ่น
- กล้องถ่ายรูป สมาร์ทโฟน และ Power Bank
การเดินทางไปญี่ปุ่นในปี 2025 ต้องให้ความสำคัญกับวีซ่า เอกสาร และการกรอก Visit Japan Web เพื่อให้การเข้าประเทศรวดเร็วและสะดวกมากขึ้น นอกจากนี้การเตรียมตัวเรื่อง การเงิน สุขภาพ วัฒนธรรม และการวางแผนเส้นทาง จะช่วยให้ทริปปลอดภัยและสนุกยิ่งขึ้น ไม่ว่าเพื่อนๆ จะไปท่องเที่ยว ธุรกิจ หรือศึกษาต่อ การวางแผนล่วงหน้า การกรอกข้อมูลให้ถูกต้อง และการเตรียมตัวอย่างรอบคอบ จะช่วยให้การเดินทางราบรื่นและเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่น่าจดจำ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ทั้งธรรมชาติ เมืองสวย อาหารอร่อย และวัฒนธรรมที่น่าหลงใหล เพียงแค่เพื่อนๆ เตรียมตัวให้พร้อม ทริปก็จะสนุกและราบรื่นอย่างแน่นอน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวีซ่าญี่ปุ่น
ยื่นขอวีซ่าญี่ปุ่นใช้เวลากี่วัน
ใช้เวลาอย่างน้อย 5 วันทำการ หลังจากวันที่ยื่นคำร้องที่ศูนย์ยื่นคำร้องขอวีซ่าญี่ปุ่นไปญี่ปุ่นต้องทํา Visit Japan ไหม
ไม่แนะนำ เพราะหากไม่กรอก Visit Japan Web ล่วงหน้า คุณจะต้องกรอกเอกสารหลายฉบับด้วยตนเองที่สนามบินให้ คน อื่น ยื่นวีซ่า แทนได้ ไหม
อาจจะสามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นยื่นแทนได้ โดยต้องมีเอกสารประกอบที่ถูกต้องตามข้อกำหนดของแต่ละสถานทูตหรือศูนย์รับคำร้อง




