
ถ้าคุณเคยวิ่งลากกระเป๋าในสนามบินแบบหอบแฮ่ก ๆ หรือเคยได้ยินเสียงประกาศ “ผู้โดยสารเที่ยวบินสุดท้าย โปรดขึ้นเครื่องทันที” แล้วหัวใจแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ขอแสดงความยินดี เพราะคุณคือหนึ่งในคนที่เข้าใจคำว่า “ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตนักเดินทาง” อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเพราะรถติดอย่างบ้าคลั่งตอนทางด่วนก่อนสุวรรณภูมิ, แถวโหลดกระเป๋าที่ขยับช้าราวกับอยู่ในสโลว์โมชั่น, หรือการต้องวิ่งแข่งกับเวลาในรองเท้าที่ไม่เหมาะกับการสปรินต์ บทความนี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องเจอสถานการณ์แบบนั้นอีก
Trip.com จะพาคุณไปรู้ว่า “เช็คอินขึ้นเครื่องสายสุด ได้กี่นาทีกันแน่” ก่อนที่ประตูจะปิดตาย และไม่มีใครเปิดให้คุณเข้าอีกต่อไป พร้อมแชร์เทคนิคเอาตัวรอดแบบจริงจัง ตั้งแต่การเช็คอินออนไลน์ การคำนวณเวลาปลอดภัย ไปจนถึงเคล็ดลับการเปลี่ยนเที่ยวบินภายในไม่กี่คลิก
สรุปสั้นๆ สำหรับคนรีบ | ถ้ากำลังจะสาย ทำ 3 สิ่งนี้ด่วนที่สุด!

เวลาคุณมาถึงสนามบินแล้วรู้ตัวว่ากำลังจะตกเครื่องไม่ต้องตื่นตระหนก สิ่งสำคัญคือ “รู้ว่าต้องทำอะไรก่อน” เพราะทุกนาทีมีค่ามากกว่าทอง คำแนะนำต่อไปนี้คือคู่มือเอาตัวรอดสำหรับคนที่อยากรู้ว่า เช็คอินขึ้นเครื่องสายสุด ได้กี่นาที ? และ ต้องจัดลำดับยังไงให้รอดในสนามบินจริง ๆ
ลำดับ | สิ่งที่ต้องทำทันที | วิธีทำอย่างรวดเร็ว |
|---|---|---|
1. เช็คอินออนไลน์ทันที | เปิดแอป Trip.com แล้วเลือก “เช็คอินออนไลน์” ได้เลย ไม่ต้องรอคิวเคาน์เตอร์ | ลดเวลาเช็คอินเหลือไม่ถึง 2 นาที สามารถเช็คอินล่วงหน้าได้ 24–48 ชั่วโมง ก่อนบินสำหรับบางสาย เช่น AirAsia หรือ VietJet |
2. เตรียมเอกสารให้พร้อมในมือ | ถือ Boarding Pass, บัตรประชาชน หรือ พาสปอร์ต ไว้ในมือ ไม่ต้องรื้อกระเป๋าหน้าเคาน์เตอร์ | ช่วยประหยัดเวลาได้หลายสิบนาทีและลดความเครียดเมื่อถึงจุดตรวจ |
3. มุ่งไปยังจุดที่ถูกต้องทันที | ถ้า เช็คอินออนไลน์ แล้ว และไม่มีสัมภาระโหลด → เดินตรงไปเกทได้เลย แต่ถ้ามี → ไปช่อง “Bag Drop” | เพิ่มโอกาสรอดเครื่องทันที ไม่เสียเวลาต่อคิวหน้าจุดผิด |
กฎเหล็กต้องรู้ | เคาน์เตอร์เช็คอินปิดก่อนเครื่องออกกี่นาที?

ไม่ว่าคุณจะบินในประเทศหรือต่างประเทศ “เวลาเช็คอิน” คือเส้นบาง ๆ ระหว่างคำว่า “ทัน” กับ “ตกเครื่อง” ที่หลายคนชอบมองข้าม เพราะคิดว่าแค่รีบไปหน้างานก็น่าจะทัน แต่ในความจริง ระบบสนามบินและสายการบินส่วนใหญ่มีเวลาปิดเช็คอินที่เข้มงวดมาก ถึงแม้เครื่องยังไม่ออก แต่ถ้าเลยเวลา ประตูก็ปิดทันทีแบบไม่รอใคร ตารางด้านล่างนี้คือเวลาปิดเคาน์เตอร์ เช็คอินขึ้นเครื่องสายสุด ที่คุณควรรู้ไว้ก่อนเดินทาง
✈️ เที่ยวบินในประเทศ (Domestic Flights)

สายการบิน | เปิดเคาน์เตอร์ล่วงหน้า | ปิดเคาน์เตอร์ก่อนเครื่องออก | เช็คอินออนไลน์ได้ล่วงหน้า | คำแนะนำเพิ่มเติม |
|---|---|---|---|---|
Thai Smile (WE) | 2 ชม. | 40 นาที | 24 ชม. | เหมาะกับผู้โดยสารที่มีสัมภาระน้อยและอยากได้บริการแบบ Full Service |
AirAsia (FD) | 2.5 ชม. | 45 นาที | 14 วัน | ควรเช็คอินออนไลน์ล่วงหน้าเสมอเพราะคิวหน้างานมักยาว |
Nok Air (DD) | 2 ชม. | 45 นาที | 24 ชม. | มีช่องโหลดกระเป๋าแยกสำหรับผู้เช็คอินออนไลน์แล้ว |
Bangkok Airways (PG) | 3 ชม. | 40 นาที | 24 ชม. | บริการเช็คอินล่วงหน้าในเมืองบางจุด เช่น สีลม / สนามสมุย |
ควรมาถึงสนามบิน อย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนเวลาออกเดินทาง เหมาะสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางจากสนามบินหลัก เช่น BKK, DMK, CNX, HKT
เที่ยวบินต่างประเทศ (International Flights)

สายการบิน | เปิดเคาน์เตอร์ล่วงหน้า | ปิดเคาน์เตอร์ก่อนเครื่องออก | เช็คอินออนไลน์ได้ล่วงหน้า | หมายเหตุ |
|---|---|---|---|---|
VietJet Air (VZ) | 2 ชม. | 50 นาที | 24 ชม. | สายราคาประหยัดยอดนิยม แต่เคาน์เตอร์จะปิดเร็วมาก |
Thai Airways (TG) | 3 ชม. | 60 นาที | 24 ชม. | มีเคาน์เตอร์หลายโซน ควรเผื่อเวลาเดินภายในสนามบิน |
Emirates (EK) | 3 ชม. | 60 นาที | 48 ชม. | เช็คอินออนไลน์ได้ไวสุดในกลุ่มสายตะวันออกกลาง |
Qatar Airways (QR) | 3 ชม. | 75 นาที | 48 ชม. | เคาน์เตอร์เช็คอินแยกตามชั้นโดยสาร ระดับ Business มีช่องเฉพาะ |
Scoot (TR) | 3 ชม. | 60 นาที | 48 ชม. | จุดตรวจสัมภาระละเอียดกว่าสายการบินทั่วไป |
ควรมาถึงสนามบินอย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนเวลาออกเดินทาง สำหรับสนามบินใหญ่เช่น สุวรรณภูมิ (BKK), ดอนเมือง (DMK), ภูเก็ต (HKT), เชียงใหม่ (CNX)
ทำไมเวลาถึงต่างกัน? ข้อมูลด้าน ตม. และความปลอดภัย
ข้อมูล | รายละเอียด | เหตุผลที่ต้องเผื่อเวลา |
|---|---|---|
ขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง (Immigration) | ตรวจหนังสือเดินทางและวีซ่า | ใช้เวลานาน โดยเฉพาะในช่วงพีคหรือมีกรุ๊ปทัวร์ลงพร้อมกัน |
การตรวจสัมภาระและของเหลว (Security Check) | ต้องนำของเหลวออกจากกระเป๋า แยกคอมพิวเตอร์ | ใช้เวลาเฉลี่ย 15–30 นาที โดยเฉพาะในสนามบินใหญ่ |
ระยะทางจากเคาน์เตอร์ถึง Gate | สนามบินขนาดใหญ่ เช่น BKK, SIN, DXB | ใช้เวลาเดินเฉลี่ย 10–20 นาที ถึงบางเกทอาจเกินครึ่งชั่วโมง |
การตรวจ Boarding Pass ก่อนขึ้นเครื่อง | ต้องตรวจซ้ำอีกครั้งก่อนเข้าเครื่อ |
ตารางเวลาเช็คอินเส้นตายของสายการบินยอดนิยม

สายการบิน | ประเภทเที่ยวบิน | เปิดเช็คอินก่อน | ปิดเช็คอินก่อนเครื่องออก | เช็คอินออนไลน์ได้ล่วงหน้า | หมายเหตุ |
|---|---|---|---|---|---|
Thai Airways (TG) | ระหว่างประเทศ | 3 ชม. | 60 นาที | 24 ชม. | แนะนำเผื่อเวลาเพราะผู้โดยสารเยอะ |
AirAsia (FD) | ในประเทศ / ระหว่างประเทศ | 2.5 ชม. | 45 นาที (Domestic) / 60 นาที (Intl) | 14 วัน | ถ้ามาสาย ให้ใช้ช่อง Self Check-in |
VietJet Air (VZ) | ในประเทศ / ระหว่างประเทศ | 2 ชม. | 50 นาที | 24 ชม. | เคาน์เตอร์โหลดกระเป๋าแยกจากทั่วไป |
Bangkok Airways (PG) | ทั้งคู่ | 3 ชม. | 40 นาที | 24 ชม. | มีบริการเช็คอินล่วงหน้าในเมือง |
Emirates (EK) | ระหว่างประเทศ | 3 ชม. | 60 นาที | 48 ชม. | ใช้ Boarding Pass ดิจิทัลได้ทุกสนามบิน |
Scoot (TR) | ระหว่างประเทศ | 3 ชม. | 60 นาที | 48 ชม. | ควรมาถึงก่อนเวลาเพราะมีจุดตรวจสัมภาระละเอียด |
"เช็คอินออนไลน์" คือฮีโร่ของคุณ | วิธีและข้อดีที่ต้องรู้
ถ้ามาถึงสนามบินแล้วเจอคิวเคาน์เตอร์ยาวเป็นงู หรือกลัวว่าจะเช็คอินไม่ทัน ฟีเจอร์ เช็คอินออนไลน์ ของ Trip.com คือสิ่งที่จะช่วยชีวิตคุณได้จริง ๆ เพราะมันคือการเชื่อมตรงกับสายการบิน ไม่ต้องสลับแอปไปมา ไม่ต้องต่อคิว และยังสามารถเก็บ Boarding Pass แบบออฟไลน์ไว้ใช้ได้ตลอด แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ตก็ตาม
วิธีเช็คอินออนไลน์ผ่านแอป Trip.com
- เปิดแอป Trip.com → ไปที่ “การจองของฉัน” หรือ "เร็วๆ นี้" จากนั้นเลือก เที่ยวบินที่คุณต้องการเช็คอิน

- เลือกไปที่ "เช็คอินและที่นั่ง" เพื่อเข้าสู่หน้ารายละเอียด จากนั้นคลิก "เพิ่ม" สำหรับการเช็คอินออนไลน์

- เลือกที่นั่ง (บางสายอนุญาตให้เลือกฟรี) จากนั้นกด "ยืนยัน"

- รับ Boarding Pass ผ่านมือถือ พร้อมแสดง QR Code ตอนผ่านเกท

ข้อดีของการเช็คอินออนไลน์ผ่าน Trip.com
ข้อดี | ประโยชน์จริงสำหรับผู้โดยสาร |
|---|---|
ใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที | ลดขั้นตอนจากสนามบินเกือบครึ่ง |
เช็คอินได้ทุกที่ ทุกเวลา | ไม่ต้องเผื่อเวลามากขนาดนั้น ถ้ามี Boarding Pass แล้ว |
เก็บ Boarding Pass ไว้ในมือถือแบบออฟไลน์ | ไม่ต้องกลัวอินเทอร์เน็ตหลุดหรือเครื่องดับ |
Trip.com จะแจ้งเมื่อถึงเวลาขึ้นเครื่อง | ป้องกันการลืมหรือมาสาย |
ไม่ต้องเสียค่าปรับหรือค่าตั๋วใหม่ | ช่วยหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายกรณีตกเครื่อง |
ไม่มีสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง? คุณคือผู้ชนะ! ตรงไปที่เกทได้เลย

สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางเบา ๆ แค่กระเป๋าถือ คุณสามารถเข้าเกทได้เลยหลังผ่านจุดตรวจความปลอดภัย ไม่ต้องไปเคาน์เตอร์อีกครั้ง ประหยัดเวลาได้อย่างน้อย 30 นาที
ขั้นตอน | สิ่งที่ต้องทำ | ใช้เวลาโดยประมาณ | ไปจุดไหนในสนามบิน | ทำไมถึงเร็วกว่า |
|---|---|---|---|---|
1. เช็คอินออนไลน์ล่วงหน้า | ทำได้ผ่าน Trip.com | 2–3 นาที | ทำได้จากบ้านหรือที่พัก | ได้ Boarding Pass ทันที ไม่ต้องต่อคิวเคาน์เตอร์ |
2. เตรียมเอกสารให้พร้อม | บัตรประชาชน (ในประเทศ) หรือพาสปอร์ต (ต่างประเทศ) + Boarding Pass | - | ถือไว้ในมือ | ยื่นได้เลยตอนตรวจความปลอดภัย |
3. ผ่านจุดตรวจความปลอดภัย (Security Check) | สแกน Boarding Pass และตรวจของเหลว / กระเป๋าถือ | 5–10 นาที | ทางเข้า Gate โซนผู้โดยสาร | หลังผ่านแล้วตรงไปเกทได้เลย |
4. เดินตรงไปที่ Gate ขึ้นเครื่อง | ตรวจ Boarding Pass อีกครั้งก่อนขึ้น | 5 นาที | ตามหมายเลขที่ระบุในบัตร | ไม่ต้องโหลดกระเป๋า จึงไม่ต้องรอขั้นตอนอื่น |
มีสัมภาระต้องโหลด? ไปที่เคาน์เตอร์พิเศษ "Bag Drop"

สายการบินอย่าง Bangkok Airways หรือ AirAsia จะมีช่อง “Bag Drop Only” สำหรับคนที่เช็คอินออนไลน์แล้ว เพียงวางกระเป๋าและสแกน Boarding Pass ก็จบภายในไม่กี่นาที
ขั้นตอน | สิ่งที่ต้องทำ | ใช้เวลาโดยประมาณ | จุดที่ต้องไป | เคล็ดลับจากสนามบินจริง |
|---|---|---|---|---|
1. เช็คอินออนไลน์ให้เรียบร้อยก่อนถึงสนามบิน | ทำผ่าน Trip.com ได้เลย ระบบจะออก Boarding Pass ให้ทันที | 2–3 นาที | - | ลดเวลาเช็คอินได้มากกว่าครึ่ง |
2. มาที่โซน “Bag Drop Only” | ป้ายจะเขียนชัด เช่น “Baggage Drop (Online Check-in)” | 10–15 นาที | บริเวณเคาน์เตอร์สายการบิน | ส่วนใหญ่จะอยู่ฝั่งซ้ายสุดของแถวเช็คอิน |
3. สแกน Boarding Pass + ชั่งน้ำหนักกระเป๋า | วางกระเป๋าไว้บนสายพาน เจ้าหน้าที่จะพิมพ์ Tag ติดให้ | 3–5 นาที | เคาน์เตอร์สายการบิน | ถ้าเกินน้ำหนัก ต้องจ่ายเพิ่มตรงนี้เลย |
4. ไปผ่านจุดตรวจความปลอดภัย | หลังโหลดกระเป๋าเสร็จ ก็เหมือนผู้โดยสารทั่วไป | 10–15 นาที | ทางเข้า Gate | ควรไปให้ทันก่อนเวลาปิด Gate อย่างน้อย 30 นาที |
สถานการณ์เลวร้ายที่สุด | ถ้าเช็คอินไม่ทัน ต้องทำอย่างไร?

ไม่ว่าจะเพราะรถติด ฝนตก หรือไปผิดอาคาร ทุกคนมีวันที่ “เกือบตกเครื่อง” ได้ทั้งนั้น ข่าวดีคือ ถ้าคุณรู้วิธีจัดการให้ถูกขั้นตอน ยังมีโอกาสรอดได้! ส่วนข่าวร้ายคือ ถ้ามัวแต่ยืนอึ้งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ บัตรโดยสารของคุณอาจกลายเป็นแค่เศษกระดาษในพริบตา ตารางต่อไปนี้คือสิ่งที่ต้องทำ ทีละขั้นตอน เพื่อเอาตัวรอดเมื่อ “เช็คอินไม่ทัน”
ขั้นตอนที่ 1 ติดต่อเจ้าหน้าที่สายการบินทันที
สิ่งที่ต้องทำ | ทำไมต้องทำ | วิธีทำให้เร็วที่สุด |
|---|---|---|
รีบเดินไปที่เคาน์เตอร์สายการบิน หรือจุดบริการลูกค้า | เจ้าหน้าที่เป็นคนเดียวที่มีสิทธิ์ “เปิดระบบ” ให้คุณได้อีกครั้ง | บอกเที่ยวบิน, เวลา, และชื่อให้ชัด เช่น “VZ108 กรุงเทพ–ฮานอย” |
หากอยู่ไกลจากเคาน์เตอร์ ให้โทร Call Center ของสายการบิน | เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ศูนย์ช่วยประสานกับทีมภาคสนามทันเวลา | ใช้เบอร์ในตั๋วหรือในแอป Trip.com จะเร็วที่สุด |
อย่าหนีหรือหายตัวไป | เพราะถ้าไม่ติดต่อภายในเวลา Boarding จะถูกตัดสิทธิ์โดยอัตโนมัติ | ยอมรับว่ามาสาย แล้วขอความช่วยเหลือทันทีคือวิธีรอดเดียว |
ขั้นตอนที่ 2 สอบถามเที่ยวบินถัดไป (Next Flight Available)
สิ่งที่ต้องทำ | รายละเอียด | ข้อดี / เหตุผล |
|---|---|---|
ขอให้เจ้าหน้าที่เช็กเที่ยวบินถัดไปในเส้นทางเดียวกัน | บางสายการบินมีไฟลต์ต่อภายใน 2–3 ชั่วโมง | ไม่ต้องซื้อใหม่ทั้งใบ แค่จ่ายส่วนต่างหรือค่าธรรมเนียมเล็กน้อย |
ถ้าจองผ่าน Trip.com ให้เปิด “การจองของฉัน” | จะเห็นตารางเที่ยวบินถัดไปและปุ่ม “เปลี่ยนเที่ยวบิน” ทันที | ระบบแปลเป็นภาษาไทยอัตโนมัติ ใช้ง่ายกว่าเว็บสายการบินต่างประเทศ |
บางกรณีสามารถ “Standby Flight” ได้ | หมายถึงรอที่สนามบิน หากมีที่นั่งว่างจะให้ขึ้นขบวนถัดไป | ประหยัดและไม่ต้องเสียค่าตั๋วเต็มราคา |
ขั้นตอนที่ 3 ตรวจสอบเงื่อนไขของตั๋ว
สิ่งที่ต้องทำ | ทำไมต้องตรวจสอบ | วิธีดูจาก Trip.com |
|---|---|---|
เปิดดู “รายละเอียดการจอง” ของคุณในแอป | แต่ละตั๋วมีเงื่อนไขไม่เหมือนกัน เช่น เปลี่ยนได้ฟรี / เสียค่าธรรมเนียม | Trip.com แสดงเป็นภาษาไทยทั้งหมด เข้าใจง่าย |
สังเกตคำว่า “Refundable / Changeable” | ถ้าเป็นตั๋วโปรโมชั่นพิเศษ อาจไม่สามารถคืนหรือเปลี่ยนได้ | ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ ให้เจ้าหน้าที่ช่วยแนะนำตัวเลือกใหม่ |
ถ้าเปลี่ยนได้ ให้ดำเนินการทันที | เพื่อจองที่นั่งใหม่ก่อนเต็ม | บางกรณีใช้ Trip Coins ชำระเพิ่มได้เลยในแอป |
เคล็ดลับป้องกันการตกเครื่องในครั้งต่อไป

ไม่มีใครอยากวิ่งในสนามบินพร้อมเหงื่อแตกเต็มหลัง หรือได้ยินเสียงประกาศชื่อเราว่า “ผู้โดยสารท่านสุดท้าย โปรดขึ้นเครื่องด่วน” เคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ จาก Trip.com เหล่านี้ จะช่วยให้คุณไม่ต้องเจอเหตุการณ์นั้นอีก แค่เตรียมให้เป็นระบบ ใช้เครื่องมือให้ถูก คุณจะ “บินแบบไม่ต้องลุ้น” ได้ทุกครั้ง
1. ตั้งการแจ้งเตือนเช็คอินในแอป Trip.com
สิ่งที่ต้องทำ | วิธีทำในแอป | ประโยชน์ที่ได้ | เหมาะกับใคร |
|---|---|---|---|
เปิดการแจ้งเตือน “เวลาเช็คอิน” | เข้าแอป Trip.com → ไปที่ “บัญชีของฉัน” → “ตั้งค่าการแจ้งเตือน” → เปิด “แจ้งเตือนเช็คอิน” | ระบบจะแจ้งอัตโนมัติเมื่อถึงเวลาที่สายการบินเปิดเช็คอิน ไม่ต้องคอยจำเอง | คนที่จองไฟลต์ล่วงหน้า หรือจองหลายเที่ยวพร้อมกัน |
เปิดการแจ้งเตือน “สถานะเที่ยวบิน” | เปิดฟีเจอร์แจ้งเตือนแบบ Real-time | ถ้าไฟลต์ดีเลย์ ระบบจะเลื่อนเวลาเตือนให้ตรงกับเวลาจริง | คนที่ต้องการอัปเดตเวลาเครื่องออกแบบเรียลไทม์ |
เคล็ดลับ | อย่าปิดการแจ้งเตือนของ Trip.com ในมือถือ เพราะระบบจะเตือนทั้งเช็คอินและเวลา Boarding อัตโนมัติ |
2. เผื่อเวลาเดินทางไปสนามบินเสมอ
ประเภทเที่ยวบิน | ควรมาถึงสนามบินก่อนเวลาเครื่องออก | เหตุผล | ตัวอย่างการวางแผนเวลา |
|---|---|---|---|
✈️ เที่ยวบินในประเทศ | 2 ชั่วโมง | มีเวลาสำหรับเช็คอิน โหลดสัมภาระ และผ่านจุดตรวจ | ถ้าไฟลต์ออก 09:00 น. ควรมาถึงสนามบินไม่เกิน 07:00 น. |
🌏 เที่ยวบินต่างประเทศ | 3 ชั่วโมง | ต้องผ่าน ตม., ตรวจของเหลว, และระยะทางเดินถึงเกท | ถ้าไฟลต์ออก 23:00 น. ควรถึงสนามบินราว 20:00 น. |
เคล็ดลับ | ตรวจเวลาปิด เคาน์เตอร์เช็คอิน เปิดก่อนกี่ชั่วโมง เสมอก่อนออกจากบ้าน เพื่อป้องกันการคำนวณพลาด |
3. จัดเตรียมเอกสารและกระเป๋าล่วงหน้า
สิ่งที่ควรเตรียม | รายละเอียด / คำแนะนำ |
|---|---|
เอกสารส่วนตัว | พกบัตรประชาชน (ในประเทศ) หรือพาสปอร์ต (ต่างประเทศ) ไว้ในช่องหยิบง่าย |
Boarding Pass | ถ้าเช็คอินออนไลน์แล้ว เก็บไว้ในมือถือ หรือปริ้นสำรอง 1 ใบ |
กระเป๋าเดินทาง | ตรวจน้ำหนักและสิ่งของต้องห้ามล่วงหน้า เช่น ของเหลวเกิน 100 มล. |
ของใช้จำเป็นและยา | แพ็กของสำคัญไว้กระเป๋าถือ เช่น ยา โทรศัพท์ พาวเวอร์แบงก์ ห้ามโหลดไว้ใต้เครื่องเด็ดขาด |
คำถามที่พบบ่อย
เช็คอินออนไลน์แล้ว ต้องไปที่เคาน์เตอร์อีกไหม?
ถ้าไม่มีสัมภาระโหลด สามารถไปเกทได้เลย แต่ถ้ามี ต้องไปที่ช่อง Bag Drop เพื่อโหลดกระเป๋าถ้าตกเครื่องเพราะเหตุสุดวิสัย เช่น รถติดหนัก สามารถขอเงินคืนได้ไหม?
ส่วนใหญ่ไม่สามารถขอคืนได้ แต่บางสายการบินอาจอนุญาตให้เปลี่ยนเที่ยวโดยเสียค่าธรรมเนียมไปถึงหน้าเกทสายไปนิดหน่อย แต่เครื่องยังจอดอยู่ จะขึ้นเครื่องได้ไหม?
ถ้าเจ้าหน้าที่ยังไม่ปิดประตู มีสิทธิ์ขึ้นได้ แต่ถ้าเครื่องปิดระบบความปลอดภัยแล้ว จะไม่อนุญาตแม้จะเห็นเครื่องอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ Bag Drop ปิดเวลาเดียวกับเคาน์เตอร์เช็คอินหรือไม่?
ส่วนใหญ่ปิดเวลาเดียวกัน หรือช้ากว่าเพียง 5–10 นาที ควรเช็กให้ชัดเจนจากสายการบินที่ใช้ใช้ Boarding Pass ในมือถือที่แคปหน้าจอไว้ได้หรือไม่?
ได้ในสนามบินส่วนใหญ่ แต่อย่าลืมปรับความสว่างหน้าจอให้สูงสุด เพื่อให้เครื่องสแกนอ่าน QR Code ได้ชัดเจน


