
จะมีสถานที่หนึ่งที่เปลี่ยนฤดูหนาวธรรมดาให้กลายเป็นเมืองเวทมนตร์ที่สร้างด้วยน้ำแข็ง คงหนีไม่พ้นเทศกาลน้ำแข็งฮาร์บิน (Harbin Ice and Snow Festival) เมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียงทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เทศกาลนี้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในงานฤดูหนาวที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยแต่ละปีจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาสัมผัสอุณหภูมิติดลบและประติมากรรมน้ำแข็งสุดอลังการที่ส่องประกายยามค่ำคืน ความยิ่งใหญ่ของงานไม่ได้มีเพียงแค่รูปปั้นน้ำแข็งขนาดมหึมาเท่านั้น แต่ยังมีแสงไฟ การแสดง กิจกรรมหิมะ และบรรยากาศโรแมนติกท่ามกลางอุณหภูมิ -20 องศา ที่หาไม่ได้จากที่ไหน
สำหรับปี 2568 แม้ข้อมูลบางส่วนยังอยู่ในระหว่างการอัปเดตจากทางการ แต่ก็มีประกาศเบื้องต้นแล้วว่าเทศกาลน้ำแข็งฮาร์บินปีนี้จะเปิดให้เข้าชมในช่วงต้นเดือนมกราคม โดยมีจุดจัดแสดงหลักสามแห่งเหมือนทุกปี ซึ่ง Trip.com จะพาไปรู้จักข้อมูลล่าสุด รวมถึงเคล็ดลับเที่ยวฮาร์บินให้คุ้มค่าสุดในหน้าหนาวนี้ ให้เป็นทริปที่สนุกสำหรับทุกคนกันไปเลย!!
อัปเดตสถานที่และช่วงเวลาของเทศกาลน้ำแข็งฮาร์บิน

กำหนดการจัดงาน (วันเปิด - ปิดอย่างเป็นทางการ)
เทศกาลน้ำแข็งฮาร์บินปี 2025 ประกาศจัดพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 มกราคม 2025 โดยจะเริ่มเปิดทดลอง (Soft Opening) ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคม 2024 เป็นต้นไป สำหรับผู้ที่อยากชมงานก่อนวันจริง ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของทุกปี ส่วนวันสิ้นสุดของงานยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่จากข้อมูลปี 2024 เทศกาลจะจัดยาวถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในขณะนั้น เพราะหากอุณหภูมิสูงกว่าปกติ น้ำแข็งอาจเริ่มละลายเร็วกว่าที่คาดไว้
เวลาเปิดและปิดของงานในแต่ละปีอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพอากาศ ก่อนวางแผนเดินทางควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ทางการของเทศกาลหรือแหล่งข่าวจากการท่องเที่ยวเมืองฮาร์บิน สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ Harbin Ice Festival
3 โซนหลักของเทศกาลที่ไม่ควรพลาด
เทศกาลน้ำแข็งฮาร์บินจัดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วเมือง แต่มี 3 โซนหลักที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของงาน ซึ่งแต่ละแห่งมีเสน่ห์เฉพาะตัวและควรแวะให้ครบ
Harbin Ice and Snow World

จุดไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกตั้งตารอ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยปราสาทน้ำแข็งขนาดยักษ์สูงหลายชั้น ประดับไฟหลากสีจนเมืองทั้งเมืองสว่างวาบราวกับหลุดเข้าไปในโลกแฟนตาซี ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดคือหลังพระอาทิตย์ตกประมาณ 17.00 น. ขึ้นไป
Sun Island

ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำซงฮวา (Songhua River) จุดเด่นคือประติมากรรมหิมะขาวโพลนแกะสลักอย่างประณีตในพื้นที่กว้างใหญ่ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชม ถ่ายรูป หรือเล่นกิจกรรมหิมะได้ทั้งวัน
Zhaolin Park

สวนใจกลางเมืองที่จัดแสดงโคมไฟน้ำแข็งหลากสีผสมกับไฟประดับสวยงามในบรรยากาศแบบดั้งเดิมของจีน ถือเป็นสถานที่จัดงานที่มีประวัติยาวนานที่สุดในเทศกาลนี้
ตารางเปรียบเทียบ 3 สถานที่จัดงานหลักของเทศกาลน้ำแข็งฮาร์บิน
สถานที่ | ไฮไลท์เด่น | ช่วงเวลาแนะนำ | ราคาตั๋ว (โดยประมาณ) |
Harbin Ice and Snow World | ปราสาทน้ำแข็งยักษ์ แสงไฟระยิบระยับ สไลเดอร์น้ำแข็ง มุมถ่ายรูปอลังการ | เย็นถึงค่ำ (16:00 - 22:00) | 300 - 400 หยวน (1,800 - 2,400 บาท) |
Sun Island | ประติมากรรมหิมะขนาดใหญ่ ดอกไม้หิมะและแลนด์มาร์กสวยงาม เหมาะถ่ายรูปกลางวัน | เช้า–บ่าย (09:00 - 16:00) | 200 - 300 หยวน (1,200 - 1,800 บาท) |
Zhaolin Park | โคมไฟน้ำแข็งสุดคลาสสิก ประดับด้วยไฟ LED มีการแสดงวัฒนธรรมจีน | เย็น - ค่ำ (16:00 - 21:00) | 150 - 200 หยวน (900 - 1,200 บาท) |
5 เหตุผลว่าทำไมต้องไปเยือนเทศกาลน้ำแข็งฮาร์บินสักครั้งในชีวิต

เทศกาลน้ำแข็งฮาร์บินไม่ได้เป็นแค่การจัดแสดงประติมากรรมน้ำแข็งธรรมดา แต่มันคือการเปลี่ยนทั้งเมืองให้กลายเป็นโลกแห่งน้ำแข็งที่เต็มไปด้วยแสง สี และเสียงสุดอลังการ จนได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 3 เทศกาลหิมะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกเลยทีเดียว
ความยิ่งใหญ่ระดับโลกที่หาที่ไหนไม่ได้
ทุกปีจะมีศิลปินจากทั่วโลกเดินทางมาร่วมสร้างประติมากรรมน้ำแข็งและหิมะกว่า 2 แสนลูกบาศก์เมตร ภายในพื้นที่จัดงานขนาดหลายร้อยไร่ แต่ละผลงานมีความสูงเท่าตึกหลายชั้น ไม่ว่าจะเป็นปราสาท น้ำพุ หรือสไลเดอร์น้ำแข็งขนาดยักษ์ ที่เมื่อเปิดไฟ LED ยามค่ำคืน เมืองทั้งเมืองจะเปลี่ยนเป็นโลกแฟนตาซีสวยสะกดใจ เหมือนเดินอยู่ในเอเรนเดลล์ของจริง
จุดเด่นคือทุกปีจะมีธีมใหม่ที่แตกต่างกัน เช่น สถาปัตยกรรมจีนโบราณ เมืองยุโรป หรือแลนด์มาร์กดังทั่วโลก ทำให้ผู้ที่เคยไปแล้วอยากกลับไปอีกครั้งเพราะบรรยากาศไม่เคยซ้ำเดิม
ศิลปะน้ำแข็งสุดประณีตจากช่างฝีมือระดับโลก
ความงดงามของเทศกาลนี้เกิดจากฝีมือของศิลปินนานาชาติที่มาร่วมแข่งขันแกะสลักผลงานด้วยเทคนิคเฉพาะตัว ทั้งการใช้แสงและเงา การผสมผสานระหว่างน้ำแข็งใสกับหิมะขาว เพื่อสร้างมิติให้กับผลงานแต่ละชิ้น บางชิ้นละเอียดถึงขนาดเห็นลวดลายสถาปัตยกรรมบนยอดโดม หรือเส้นริ้วบนเสื้อคลุมของรูปปั้นนักรบ เป็นต้น
มีกิจกรรมหิมะให้เล่นเพียบ
นอกจากเดินชมผลงานศิลปะน้ำแข็ง ยังมีกิจกรรมให้สนุกทั้งวัน ทั้ง ลานสไลเดอร์น้ำแข็ง (Ice Slide) ที่ยาวกว่า 300 เมตร, ล่องเรือชมวิวบนแม่น้ำซงฮวา (Songhua River), ขับสโนว์โมบิล (Snowmobile) รวมถึงกิจกรรมพื้นบ้านอย่างลากเลื่อนบนหิมะที่คนท้องถิ่นนิยมกันมาก เรียกได้ว่าเป็นงานเทศกาลที่คนทุกวัยสามารถร่วมสนุกได้จริงๆ
เมืองทั้งเมืองกลายเป็นฉากถ่ายรูปสุดอลัง
ฮาร์บินในช่วงเทศกาลจะสวยราวหลุดออกมาจากภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็น ถนนจงยาง (Zhongyang Street) ที่ประดับไฟระยิบระยับ หรือโบสถ์เซนต์โซเฟียที่กลายเป็นฉากหลังยอดฮิตของนักท่องเที่ยว ยิ่งถ้าได้ใส่โค้ตหนาๆ กับผ้าพันคอสีสด ถ่ายรูปท่ามกลางหิมะโปรยเบาๆ รับรองว่าได้ภาพสวยและคอนเทนต์ปังๆ แน่นอน
สัมผัสวัฒนธรรมและบรรยากาศแบบรัสเซียผสมจีน
ฮาร์บินมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพราะเป็นเมืองที่ได้รับอิทธิพลจากรัสเซียในอดีต อาคารหลายแห่งจึงมีกลิ่นอายยุโรป เช่น โบสถ์โดมทอง โรงแรมสไตล์นีโอคลาสสิก และร้านเบเกอรี่แบบรัสเซีย ทำให้การมาเที่ยวเทศกาลน้ำแข็งไม่ได้มีดีแค่ดูงานศิลปะ แต่ยังได้ดื่มด่ำบรรยากาศที่ผสมผสานสองวัฒนธรรมไว้อย่างลงตัว
- เที่ยวเดียว
- ไป-กลับ
BKK03:0520 ชม. 10 น.แวะพัก 1 จุดHRB00:15กรุงเทพ - ฮาร์บิน|พฤ. 22 ม.ค.|Shandong AirlinesMXN 2,201MXN 2,733ลด 19%ลด 19%MXN 2,733MXN 2,201
BKK02:2530 ชม. 10 น.แวะพัก 1 จุดHRB09:35กรุงเทพ - ฮาร์บิน|ศ. 23 ม.ค.|Shandong AirlinesMXN 2,204MXN 2,733ลด 19%ลด 19%MXN 2,733MXN 2,204
BKK03:0520 ชม. 10 น.แวะพัก 1 จุดHRB00:15กรุงเทพ - ฮาร์บิน|จ. 19 ม.ค.|Shandong AirlinesMXN 2,214MXN 2,733ลด 19%ลด 19%MXN 2,733MXN 2,214
BKK1:00 PM3 ชม. 5 น.บินตรงHRB2:00 PMกรุงเทพ - ฮาร์บิน|Sun, Dec 14|Shandong Airlinesค้นหาเที่ยวบินเพิ่มเติมค้นหาเที่ยวบินเพิ่มเติม
ราคาที่แสดงคำนวณจากราคาตั๋วในเส้นทางเดียวกันโดยเฉลี่ยรายสัปดาห์บน Trip.com
คู่มือวางแผนเที่ยวฮาร์บินด้วยตัวเอง

ถ้าพูดถึงการชม เทศกาลน้ำแข็งฮาร์บิน (Harbin Ice and Snow Festival) หลายคนอาจคิดว่าการเดินทางไปยังเมืองหนาวสุดของจีนนี้ซับซ้อน แต่จริง ๆ แล้วสามารถไปได้ไม่ยากเลย โดยเฉพาะในปี 2025 ที่จีนกลับมาคึกคักด้านท่องเที่ยวอีกครั้ง ทั้งสายการบิน โรงแรม และสิทธิ์ฟรีวีซ่าสำหรับคนไทย! บทความนี้จะพาคุณวางแผนเที่ยวฮาร์บินอย่างละเอียด ตั้งแต่การเดินทางจนถึงแอปที่ควรโหลดไว้ก่อนบิน
การเดินทางจากไทยไปฮาร์บิน (บินตรง vs. บินต่อเครื่อง)
การเดินทางจากไทยไปยังเมืองฮาร์บินปัจจุบันสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม โดยมีทั้งเที่ยวบินตรงและแบบต่อเครื่องให้เลือกตามงบประมาณและเวลาที่เหมาะสมของแต่ละคน
บินตรง
โดยเฉพาะตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงจัดเทศกาลน้ำแข็งฮาร์บิน มักจะมีสายการบินอย่าง Thai AirAsia หรือ Thai Lion Air เปิดให้บริการเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) - ฮาร์บิน (Harbin Taiping International Airport, HRB) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง เท่านั้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการเดินทางสบาย ไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง และมีเวลาเที่ยวได้เต็มวัน
บินต่อเครื่อง
หากไม่มีเที่ยวบินตรงในช่วงที่เดินทาง สามารถเลือกเส้นทางต่อเครื่องที่ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ หรือกว่างโจว โดยใช้เวลารวมประมาณ 9 - 11 ชั่วโมง วิธีนี้แม้จะใช้เวลานานกว่า แต่มีเที่ยวบินให้เลือกมาก และมักมีราคาประหยัดกว่าในบางช่วง
เรื่องต้องรู้! ฟรีวีซ่าจีนสำหรับคนไทย
ข่าวดีสำหรับนักท่องเที่ยวไทยในปี 2025! จีนยังคงมอบสิทธิ์ฟรีวีซ่าให้กับคนไทยต่อเนื่องจนถึงปี 2569 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ทำให้การเดินทางไปชมเทศกาลน้ำแข็งฮาร์บินในปีนี้สะดวกยิ่งขึ้น
รายละเอียดสำคัญของฟรีวีซ่าจีน
- คนไทยสามารถเข้าประเทศจีนได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าสำหรับการพำนักไม่เกิน 15 วัน
- ใช้ได้กับวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยว เยี่ยมญาติ หรือทำธุรกิจระยะสั้น
- ต้องถือหนังสือเดินทางที่มีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือน และมีตั๋วเครื่องบินขากลับหรือเอกสารแสดงการเดินทางต่อออกจากจีน
- ต้องมีที่พักชัดเจน เช่น ใบจองโรงแรม และเงินเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายระหว่างทริป
สิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติม
- หากต้องการพำนักเกิน 15 วัน หรือเดินทางหลายเมือง ควรขอวีซ่าท่องเที่ยวแบบปกติ (L Visa) ล่วงหน้า
- ฟรีวีซ่านี้ใช้ได้กับการเดินทางผ่านทุกด่านตรวจคนเข้าเมืองของจีน ทั้งทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ
- ควรพกหลักฐานการจองโรงแรมและตั๋วเครื่องบินเผื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบตอนเข้าประเทศ
การเดินทางในเมืองฮาร์บิน (แท็กซี่, Didi, รถไฟใต้ดิน)
ระบบขนส่งของเมืองนี้พัฒนาและสะดวกมาก แม้จะอยู่ในเมืองหนาวสุดของจีนก็ตาม ทั้งแท็กซี่ รถไฟใต้ดิน และแอปเรียกรถล้วนตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่อยากเที่ยวด้วยตัวเอง
แท็กซี่
เป็นทางเลือกยอดนิยมเพราะสะดวกและมีให้บริการตลอดวัน ค่าโดยสารเริ่มต้นประมาณ 8 - 10 หยวน (ราว 40 - 50 บาท) เหมาะสำหรับการเดินทางระยะสั้น เช่น จากโรงแรมไปถนนจงยางหรือสวนโคมไฟน้ำแข็ง แต่ควรมีชื่อสถานที่เป็นภาษาจีนไว้ให้โชเฟอร์ดู เพราะคนขับส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง
Didi
เป็นแอปเรียกรถคล้าย Grab ที่ได้รับความนิยมทั่วจีน ใช้งานง่ายและสามารถเลือกภาษาอังกฤษได้ในบางฟังก์ชัน เหมาะกับนักเดินทางรุ่นใหม่ที่ไม่อยากต่อรองราคาเอง เพียงปักหมุดจุดรับ - ส่ง รถจะมาถึงในไม่กี่นาที
รถไฟใต้ดิน
ระบบรถไฟใต้ดินของฮาร์บินมีหลายสาย ครอบคลุมสถานีหลักและจุดท่องเที่ยว เช่น Sun Island, Harbin Railway Station, Zhongyang Street ค่าโดยสารอยู่ที่ 2 - 5 หยวน ใช้เวลาไม่นานและประหยัดมาก
แนะนำที่พักใกล้เทศกาลน้ำแข็งฮาร์บิน
การเลือกที่พักถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะอุณหภูมิช่วงนี้อาจลดต่ำถึง -20°C การได้พักในที่ที่สะดวกต่อการเดินทาง อบอุ่น และมีวิวสวยๆ จะช่วยให้ทริปสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
โรงแรมบ้านสวนซันไอส์แลนด์ (Sun Island Garden Hotel)

ตั้งอยู่บนเกาะ Sun Island ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่จัดแสดงหลักของเทศกาล จุดเด่นคืออยู่ใกล้โซนประติมากรรมหิมะกลางวัน และสามารถเดินไปยังบริเวณจัดงานได้ภายในไม่กี่นาที ห้องพักออกแบบในสไตล์อบอุ่นทันสมัย มีเครื่องทำความร้อนครบครัน และวิวสวนหิมะสุดโรแมนติก เหมาะสำหรับคู่รักหรือครอบครัวที่อยากพักผ่อนแบบส่วนตัว
เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน, ฮาร์บิน (The Ritz-Carlton, Harbin)

โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ริมแม่น้ำซงหัว (Songhua River) ซึ่งสามารถมองเห็นวิวเทศกาลน้ำแข็งยามค่ำคืนได้จากหน้าต่างห้องพัก ตกแต่งหรูหราในโทนอบอุ่น พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งห้องอาหาร ห้องสปา และเลาจน์ที่มองเห็นวิวเมือง เป็นตัวเลือกยอดนิยมของนักเดินทางที่ต้องการความสบายระดับพรีเมียม
โรงแรมอันนามัน (Annamman Hotel)

เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการที่พักราคากลาง ๆ และใกล้ย่านช้อปปิ้งยอดฮิตอย่าง ถนนจงยาง (Zhongyang Street) ใช้เวลาเดินทางไปงานเทศกาลเพียง 15 - 20 นาที ห้องพักสะอาด มีเครื่องทำความร้อน และอยู่ใกล้ร้านอาหารท้องถิ่นมากมาย
4 แอปพลิเคชันที่ต้องมีติดเครื่องเมื่อไปเที่ยวจีน

การเที่ยวจีนในยุคนี้จะง่ายขึ้นมาก หากมีแอปพลิเคชันเหล่านี้ติดเครื่องไว้ เพราะไม่เพียงช่วยอำนวยความสะดวก แต่ยังทำให้การใช้ชีวิตในประเทศที่แทบไม่ใช้เงินสดอย่างจีนเป็นเรื่องง่ายสุดๆ
1. WeChat
เป็นแอปสารพัดประโยชน์ที่คนจีนใช้แทบทุกวัน ทั้งแชท จ่ายเงิน โอนเงิน หรือจองตั๋วต่าง ๆ นักท่องเที่ยวสามารถเชื่อมบัตรเครดิตต่างประเทศเข้ากับ WeChat Pay เพื่อชำระเงินตามร้านค้า ร้านอาหาร และแม้แต่แท็กซี่ได้ทันที
2. Alipay
อีกหนึ่งแอปชำระเงินยอดนิยมที่คนจีนและนักท่องเที่ยวใช้ควบคู่กับ WeChat Pay เพียงสแกน QR Code ก็สามารถจ่ายค่าอาหาร ตั๋วรถ หรือของฝากได้ทันที ไม่ต้องพกเงินสดให้ยุ่งยาก
3. Baidu Maps
แอปแผนที่ภาษาจีนที่แม่นยำที่สุดในประเทศ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการค้นหาสถานที่ ร้านอาหาร หรือเส้นทางขนส่งสาธารณะในฮาร์บิน สามารถแปลชื่อสถานที่เป็นภาษาอังกฤษได้ในบางส่วน
4. Didi
แอปเรียกรถที่ใช้งานเหมือน Grab ใช้ง่ายมาก เพียงปักหมุดปลายทาง รถจะมารับถึงที่ สามารถเลือกได้ทั้งแท็กซี่ รถส่วนตัว หรือบริการแบบพรีเมียม แนะนำเปิดฟังก์ชันภาษาอังกฤษไว้เพื่อความสะดวก
สรุปงบประมาณเที่ยวฮาร์บิน 3 วัน 2 คืนต่อคน
รายการ | งบประหยัด (บาท) | งบปานกลาง (บาท) | งบจัดเต็ม (บาท) |
ตั๋วเครื่องบิน (ไป-กลับ) | 12,000 - 15,000 | 18,000 - 22,000 | 28,000 - 35,000 |
ที่พัก (2 คืน) | 2,500 - 3,500 | 5,000 - 8,000 | 12,000 - 18,000 |
ค่าเข้าชมเทศกาลน้ำแข็ง | 1,500 - 2,000 | 2,500 - 3,500 | 4,000 - 5,500 |
ค่าอาหาร (3 วัน) | 1,200 - 1,800 | 2,500 - 3,500 | 5,000 - 7,500 |
ค่าเดินทางในเมือง (แท็กซี่/รถไฟ/แอป) | 800 - 1,200 | 1,500 - 2,500 | 3,000 - 4,500 |
รวมประมาณ | 18,000 - 23,500 | 29,500 - 40,500 | 52,000 - 70,500 |
เตรียมตัวรับมืออากาศหนาวติดลบ -30°C

การเตรียมตัวให้พร้อมกับสภาพอากาศที่หนาวติดลบถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะอากาศแบบนี้ไม่ใช่หนาวธรรมดา แต่เป็นหนาวที่แสบผิว หายใจแล้วรู้สึกเย็นเข้ากระดูก ดังนั้นก่อนเดินทางไปตะลุยเมืองน้ำแข็งสุดอลังการ มาดูวิธีแต่งตัวและดูแลตัวเองให้ปลอดภัยกันค่ะ
แต่งตัวอย่างไรให้อุ่น?
- การแต่งตัวแบบเลเยอร์คือพ้อยท์สำคัญในการเอาตัวรอดจากอากาศติดลบ หลักง่ายๆ คือ 3 ชั้นหลัก ที่อุ่นแต่ไม่อึดอัด
- ชั้นใน (Base Layer) เลือกเสื้อผ้าเนื้อบางแต่เก็บความร้อน เช่น เสื้อฮีทเทค หรือเสื้อผ้าเนื้อไหมพรมบาง
- ชั้นกลาง (Mid Layer) ใส่เสื้อสเวตเตอร์หรือเสื้อขนเป็ดบางๆ เพื่อกักเก็บอุณหภูมิ
- ชั้นนอก (Outer Layer) เสื้อโค้ทกันลมและกันน้ำ ควรเลือกแบบคลุมยาวถึงเข่าเพื่อกันลมหนาว
- ของเสริมที่ห้ามลืมได้แก่ หมวกไหมพรม ผ้าพันคอ ถุงมือกันลม และถุงเท้าขนแกะ
- ถ้าต้องอยู่ข้างนอกนานๆ แนะนำพกถุงร้อนไว้แปะในกระเป๋าเสื้อหรือรองเท้า จะช่วยให้ร่างกายอุ่นขึ้นมาก
เช็กลิสต์อุปกรณ์กันหนาวที่ขาดไม่ได้
- เสื้อโค้ทขนเป็ดกันลมและกันน้ำ
- ถุงมือหนาแบบสัมผัสหน้าจอได้
- หมวกไหมพรม / Ear Muff ปิดหู
- ผ้าพันคอหนานุ่ม
- ถุงเท้าขนแกะ หรือถุงเท้าความร้อน
- รองเท้ากันน้ำ พื้นยางกันลื่น
- ถุงร้อน (Hand Warmer / Foot Warmer)
- ครีมบำรุงผิวและลิปบาล์มกันแตก
- แว่นกันลม (โดยเฉพาะวันที่มีหิมะตกหนัก)
ข้อควรระวังด้านสุขภาพและความปลอดภัย
อุณหภูมิติดลบอาจส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง โดยเฉพาะคนที่ไม่คุ้นชินกับสภาพอากาศหนาวจัด สิ่งที่ควรระวังและเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า ได้แก่
- อย่าสัมผัสโลหะเปลือยด้วยมือเปล่า เพราะผิวอาจติดจนถลอกได้
- อย่าปล่อยให้ร่างกายเปียกหรือเหงื่อออกมาก เพราะจะทำให้หนาวเข้าร่างกายเร็วขึ้น
- ดื่มน้ำอุ่นเป็นระยะๆ เพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกาย
- อย่าดื่มแอลกอฮอล์กลางแจ้งมากเกินไป เพราะแม้จะรู้สึกอุ่นตอนแรก แต่จะทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนได้เร็ว
- หลีกเลี่ยงการอยู่นอกอาคารนานเกิน 2 ชั่วโมงโดยไม่มีการพัก เพื่อป้องกันอาการ Frostbite (ผิวหนังแข็งจากความเย็นจัด)
เก็บไฮไลท์ครบ! ตัวอย่างแผนเที่ยวฮาร์บิน 3 วัน 2 คืน
วันที่ 1 : เดินทางถึง, เช็คอิน, เดินเล่นถนนจงยาง (Zhongyang Street)

เมื่อเดินทางถึงสนามบินนานาชาติ Harbin Taiping แล้ว นักท่องเที่ยวสามารถนั่งแท็กซี่หรือใช้บริการ Didi Chuxing เพื่อเข้าสู่ตัวเมือง ใช้เวลาเดินทางราว 40 - 50 นาที สัมผัสอากาศหนาวที่ต้อนรับตั้งแต่ก้าวแรกออกจากสนามบิน ก่อนเช็คอินเข้าที่พักใกล้โซนใจกลางเมือง เช่น Zhongyang Street หรือ Songhua River เพื่อความสะดวกในการเดินเที่ยวช่วงค่ำ
ช่วงบ่ายถึงค่ำ แนะนำให้ไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินจงยาง (Zhongyang Street) จุดศูนย์กลางของเมืองฮาร์บินที่มีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยอาคารสถาปัตยกรรมยุโรปแบบบาโรกและรัสเซียเก่าแก่ เหมือนเดินอยู่ในเมืองยุโรปฤดูหนาว สองข้างทางเรียงรายด้วยร้านกาแฟอบอุ่น คาเฟ่ไอศกรีมรัสเซีย ร้านขายช็อกโกแลตร้อน และร้านขายของฝากพื้นเมืองอย่างตุ๊กตา Matryoshka หรือพวงกุญแจหิมะ
ยามค่ำคืนคือช่วงเวลาที่ถนนจงยางสวยที่สุด พร้อมเสียงดนตรีข้างถนนที่สร้างความโรแมนติกสุดๆ ปิดท้ายคืนแรกด้วยมื้อค่ำที่ร้านอาหารรัสเซียดั้งเดิม เช่น Modern Hotel Restaurant ที่ขึ้นชื่อเรื่องสเต็กและเบียร์ท้องถิ่น
วันที่ 2 : ช่วงเช้า Sun Island, ช่วงค่ำตะลุย Ice and Snow World

เริ่มต้นวันที่สองด้วยการมไปยังเกาะซันไอส์แลนด์ (Sun Island Scenic Area) สัญลักษณ์สำคัญของฮาร์บินที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำซงฮัว ที่นี่คือจุดจัดแสดง Harbin Snow Sculpture Art Expo นิทรรศการประติมากรรมหิมะขนาดยักษ์ที่สลักขึ้นอย่างวิจิตรบรรจงจากศิลปินนานาชาติ เดินชมรูปสลักรูปสัตว์ มังกรจีน ปราสาทน้ำแข็ง และแลนด์มาร์กของประเทศต่างๆ ที่ดูนุ่มนวลราวอยู่ในโลกเทพนิยาย หากอยากเก็บภาพสวยๆ ควรมาแต่เช้าเพื่อหลีกเลี่ยงนักท่องเที่ยวและได้แสงอ่อนของพระอาทิตย์
ช่วงค่ำไปเทศกาล Ice and Snow World จุดไฮไลท์ระดับโลกของฮาร์บิน ที่จะทำให้ตื่นตากับปราสาทน้ำแข็งยักษ์กว่า 600,000 ลูกบาศก์เมตรที่ส่องแสงระยิบระยับราวอัญมณีในคืนหิมะ ภายในงานมีทั้งลานสไลเดอร์น้ำแข็ง, โซนแสดงแสงสี, มุมถ่ายรูปสุดอลังการ และคาเฟ่ร้อนๆ ไว้ให้พักระหว่างชมงาน อย่าลืมเตรียมถุงร้อน พกมือถือในกระเป๋าชั้นใน และใส่ถุงเท้าสองชั้น เพราะอุณหภูมิช่วงกลางคืนอาจต่ำกว่า -25°C
วันที่ 3 : ชมโบสถ์เซนต์โซเฟีย, ซื้อของฝาก, เดินทางกลับ

ปิดท้ายทริปด้วยการแวะชมโบสถ์เซนต์โซเฟีย (Saint Sophia Cathedral) สัญลักษณ์ของเมืองฮาร์บินที่มีความงดงามในสไตล์ Byzantine โดมทรงหัวหอมสีเขียวมรกตตั้งเด่นอยู่กลางจัตุรัส ท่ามกลางหิมะขาวโพลน เป็นมุมถ่ายรูปยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ภายในโบสถ์ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะและภาพถ่ายเก่า ที่บอกเล่าเรื่องราวการพัฒนาเมืองในยุคอิทธิพลรัสเซีย
หลังจากเก็บภาพความประทับใจแล้ว สามารถเดินต่อไปยัง Harbin Central Mall หรือ Hongbo Shopping Center เพื่อเลือกซื้อของฝาก ไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลตรัสเซีย ขนมปังดำรัสเซีย หรือชาใบไม้ท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีของที่ระลึกจากเทศกาล เช่น โปสการ์ดรูปปราสาทน้ำแข็งและพวงกุญแจรูปหิมะ ที่น่ารักและพกกลับไทยได้ง่าย
ก่อนเดินทางกลับสนามบิน แนะนำให้แวะทานอาหารกลางวัน เช่น ซุปหม้อไฟเนื้อแกะหรือเกี๊ยวรัสเซียที่ร้านในโซน Downtown เพื่อเติมพลังปิดท้ายทริป เมื่อได้ทั้งภาพสวย อาหารอร่อย และของฝากครบ ถือเป็นการจบทริป 3 วัน 2 คืนในฮาร์บินอย่างเพอร์เฟค
เคล็ดลับเตรียมตัวให้พร้อมก่อนไปตะลุยเมืองน้ำแข็งฮาร์บิน

การเตรียมตัวล่วงหน้าคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้ทริปสนุกและปลอดภัยท่ามกลางอุณหภูมิติดลบเกือบ -30°C สิ่งแรกที่ควรให้ความสำคัญคือการแต่งกาย ควรเลือกเสื้อผ้าแบบเลเยอร์ คือใส่หลายชั้นแต่บาง เพื่อรักษาความอบอุ่นโดยไม่อึดอัด เช่น เสื้อฮีทเทคหรือเสื้อขนเป็ดชั้นใน ตามด้วยเสื้อไหมพรม และทับด้วยเสื้อโค้ทกันหนาวกันลม รองเท้าควรเป็นแบบกันน้ำพร้อมพื้นยางกันลื่น เพราะทางเดินในฮาร์บินส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง
สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกอย่างคือ การดูแลผิวและสุขภาพ อากาศหนาวจัดอาจทำให้ผิวแห้งแตกได้ง่าย ควรพกครีมบำรุงผิว โลชั่นลิปบาล์ม และถุงร้อนแบบใช้ครั้งเดียว นอกจากนี้ ควรดื่มน้ำอุ่นให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการออกกลางแจ้งนานเกิน 2 ชั่วโมงโดยไม่มีการพัก
ด้านการสื่อสารและการชำระเงิน ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถใช้ WeChat Pay หรือ Alipay เวอร์ชันต่างประเทศได้แล้ว (เพียงผูกกับบัตรเครดิตสากล) ทำให้สะดวกขึ้นมากเมื่อต้องจ่ายค่าแท็กซี่ ร้านอาหาร หรือของฝาก รวมถึงสามารถใช้แอป Baidu Maps และ Didi เพื่อเรียกรถและดูเส้นทางแบบเรียลไทม์ได้ด้วย
สุดท้ายหากอยากให้ทริปนี้สมบูรณ์แบบที่สุด อย่าลืมจองตั๋วเครื่องบินและที่พักล่วงหน้าอย่างน้อย 1 - 2 เดือน โดยเฉพาะช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ที่เป็นฤดูท่องเที่ยวหลัก ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Trip.com ที่รวมทุกอย่างไว้ในที่เดียว ทั้งเที่ยวบิน โรงแรม และแพ็กเกจเข้าชมเทศกาลน้ำแข็งสุดคุ้ม เพื่อให้ตะลุยเมืองฮาร์บินได้อย่างไร้กังวล และเก็บทุกโมเมนต์แห่งความประทับใจกลับมาเต็มหัวใจ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเทศกาลน้ำแข็งฮาร์บิน
เทศกาลน้ำแข็งฮาร์บิน 2026 จัดช่วงไหนถึงช่วงไหน?
เริ่มต้นประมาณวันที่ 21 ธันวาคม 2025 และจะเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 มกราคม 2026 โดยจะจัดต่อเนื่องไปจนถึงช่วงต้นเดือนมีนาคม 2026.ไปเที่ยวฮาร์บินด้วยตัวเองต้องเตรียมงบประมาณเท่าไหร่?
การเที่ยวฮาร์บินด้วยงบประมาณ 25,000 บาทต่อคนนั้นเป็นไปได้ โดยใช้เวลาประมาณ 6 วัน 5 คืน งบนี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดอากาศหนาวขนาดไหน? ต้องใส่เสื้อผ้ากี่ชั้นถึงจะพอ?
ควรรวมอย่างน้อย 3 ชั้นคือเสื้อชั้นในที่ให้ความอบอุ่น (เช่น ฮีทเทค) เสื้อชั้นกลางที่ให้ฉนวนกันความร้อน (เช่น เสื้อ fleece หรือเสื้อขนเป็ด) และเสื้อชั้นนอกที่ป้องกันลมและฝน (เช่น เสื้อโค้ทกันหนาว)


