
ใครกำลังวางแผนไปเที่ยวเกาหลีบ้างยกมือขึ้น เกาหลีใต้เป็นหนึ่งในจุดหมายยอดฮิตของคนไทย แต่สิ่งเล็ก ๆ ที่เพื่อน ๆ หลายคนอาจมองข้าม คือ ปลั๊กไฟ เพราะถ้าลืมเตรียมไปอาจทำให้ชาร์จมือถือ กล้อง หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ไม่ได้จนทริปต้องสะดุดเลยทีเดียว วันนี้ Trip.com ได้รวบรวมข้อมูลคู่มือปลั๊กไฟเกาหลีล่าสุด 2568 พร้อมเคล็ดลับเตรียมอุปกรณ์ไฟฟ้าไปเกาหลีให้ครบจบในที่เดียว ถ้าพร้อมแล้ว ลุยกันเลย
สรุปข้อมูลสำคัญ: ปลั๊กไฟเกาหลี VS ปลั๊กไฟไทย
สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังสับสนเกี่ยวกับความแตกต่างของปลั๊กไฟเกาหลีและปลั๊กไฟไทย วันนี้เราทำตารางสรุปให้เข้าใจง่ายในภาพเดียวเลยค่ะ
ตารางเปรียบเทียบปลั๊กไฟและระบบไฟฟ้า: เกาหลีใต้และไทย | |||||
รายการเปรียบเทียบ | รูปแบบปลั๊ก | แรงดันไฟฟ้า | ความถี่ | ต้องใช้หัวแปลงปลั๊กหรือไม่ | ต้องใช้หม้อแปลงไฟฟ้าหรือไม่ |
เกาหลีใต้ | Type C, Type F(ขากลม 2 ขา) | 220V | 60Hz | ต้องใช้ เพราะทั้งสองแห่งมีรูปทรงต่างกัน | อาจต้องใช้กับอุปกรณ์ที่ระบุ “110V เท่านั้น” เช่น ไดร์เป่าผม หรือที่หนีบผมรุ่นเก่า |
ไทย | Type A, B, C (ขาแบน 2ขา หรือขาผสม) | 220V | 50Hz | ||
ตั๋วเครื่องบินไปเกาหลีใต้
เกาหลีใต้ใช้ปลั๊กไฟแบบไหน?
ถ้าเพื่อน ๆ กำลังวางแผนไปเที่ยวเกาหลี ไม่ว่าจะไป โซล ปูซาน หรือเกาะเชจู สิ่งเล็ก ๆ ที่ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ “ปลั๊กไฟ” เพราะเกาหลีใช้ปลั๊กไฟไม่เหมือนไทยค่ะ เกาหลีจะใช้ระบบไฟฟ้าแรงดัน 220V ความถี่ 60Hz และใช้ปลั๊กไฟแบบ Type F และ C
รู้จักปลั๊ก Type F: ขากลมสองขาพร้อมคลิปกราวด์
ปลั๊ก Type F เป็นปลั๊กไฟมาตรฐานที่ใช้กันแพร่หลายในเกาหลี เยอรมนี และอีกหลายประเทศในยุโรป โดยมีลักษณะเป็นขากลม 2 ขา ทีมีขนาดใหญ่กว่า Type C เล็กน้อย และมีคลิปกราวด์โลหะด้านข้าง สำหรับระบายกระแสไฟส่วนเกิน
ปลั๊ก Type C จากไทยใช้ได้ไหม?
ปลั๊ก Type C ที่มีลักษณะเป็นขากลมสองขาเล็ก จากไทย สามารถเสียบใช้งานที่เกาหลีได้เลย ดังนั้น ถ้าอุปกรณ์ของเพื่อน ๆ ใช้หัว Type C ก็สามารถชาร์จได้โดยไม่ต้องใช้อะแดปเตอร์ค่ะ
ไปเที่ยวเกาหลีต้องใช้หัวแปลงปลั๊กไฟ (Adapter) หรือไม่?

คำตอบคือต้องใช้ค่ะ! เพราะปลั๊กไฟของเกาหลีไม่เหมือนกับของไทย ประเทศไทยใช้ปลั๊กแบบขาแบน Type A และ B ในขณะที่เกาหลีใช้ปลั๊กแบบขากลมสองรู คือ Type F และ C
โดยเราขอแนะนำ Universal Adapter ที่ลงทุนครั้งเดียวเที่ยวได้ทั่วโลก ใครที่เดินทางไปต่างประเทศบ่อย ๆ แนะนำให้ซื้อ Universal Adapter หัวแปลงปลั๊กไฟแบบสากลไปเลยค่ะ ข้อดีคือใช้ได้หลายประเทศในตัวเดียว เพราะรองรับ Type A B C F G ฯลฯ
ซื้อหัวแปลงปลั๊กไฟสำหรับเกาหลีได้ที่ไหน?
การพกหัวแปลงปลั๊กไฟติดกระเป๋าไว้ตลอดการเดินทางคือสิ่งสำคัญสุด ๆ เพราะเกาหลีใช้ปลั๊กแบบ Type F และ C คือ สองรูแบบกลม ซึ่งต่างจากปลั๊กในไทยที่เป็นแบบสองขาแบน หากไม่เตรียมไป อาจเจอปัญหา ชาร์จอะไรไม่ได้เลย อย่างไรก็ดี หากเพื่อน ๆ ลืมพกหัวแปลงปลั๊กไฟก็ไม่ต้องตกใจไป สามารถหาซื้อได้เช่นกันค่ะ
ตัวเลือกที่ 1: ซื้อจากประเทศไทย
ขอแนะนำว่าการซื้อจากไทยจะสะดวกและปลอดภัยกว่า เพราะเพื่อน ๆ จะได้เตรียมไว้ล่วงหน้า ไม่ต้องเสียเวลาหาซื้อที่เกาหลี โดยเพื่อน ๆ สามารถหาซื้อได้ตามร้านอุปกรณ์ไอที ซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่จำพวกบิ๊กซี โลตัส หรือแม้กระทั่งดิวตี้ฟรีและร้านสะดวกซื้อในสนามบิน รวมทั้งช่องทางออนไลน์อย่าง Lazada หรือ Shopee ฯลฯ ที่แสนจะสะดวกที่สุด เพียงเพื่อน ๆ พิมพ์ว่าหัวแปลงปลั๊กไฟเกาหลีหรือ Universal Adapter ก็จะเจอทันที สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 50 บาทขึ้นไป แล้วแต่แบรนด์ค่ะ
ตัวเลือกที่ 2: ซื้อที่เกาหลี
ถ้าลืมซื้อจากไทยมาก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะที่เกาหลีสามารถหาซื้อได้ง่ายพอสมควร โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ตามร้านสะดวกซื้อ CU GS25 หรือ 7-Eleven ในเมืองและสนามบิน รวมถึงย่านช้อปปิ้งอย่างเมียงดง ฮงแด ทงแดมุน และตามร้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น Hi-Mart หรือ Electro Mart ก็มีจำหน่ายค่ะ สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 5,000–15,000 วอน
แรงดันไฟฟ้าเกาหลี 220V และความถี่ 60Hz ใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าจากไทยได้ไหม?
ก่อนจะใช้ปลั๊กชาร์จมือถือหรือใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เกาหลี สิ่งสำคัญที่ควรรู้คือเกาหลีใช้แรงดันไฟฟ้า 220V ความถี่ 60Hz ซึ่งมีแรงดันไฟฟ้าเท่ากับประเทศไทยคือ 220V แต่ความถี่ต่างกัน โดยที่ความถี่ไทยใช้ 50Hz ฟังดูเหมือนเล็กน้อย ไม่มีผลกระทบนัก แต่ในบางกรณีความต่างนี้อาจมีผลต่อการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิดค่ะ
เช็คอุปกรณ์ของคุณ
ก่อนอื่นเริ่มจากเช็คอุปกรณ์หรืออะแดปเตอร์โดยพลิกดูฉลาก หากมีระบุว่า INPUT: 100–240V, 50/60Hz ก็หมายความว่าอุปกรณ์นี้รองรับแรงดันและความถี่ทั้งแบบไทยและเกาหลีได้เลย โดยอุปกรณ์ที่มักรองรับ 100–240V มักเป็นที่ชาร์จมือถือ อะแดปเตอร์โน้ตบุ๊ก ที่ชาร์จกล้อง หรือเครื่องโกนหนวดไฟฟ้ารุ่นใหม่ค่ะ
อุปกรณ์ที่ไม่ต้องใช้หม้อแปลง
อุปกรณ์ส่วนใหญ่ในยุคนี้ออกแบบมาให้ใช้งานได้ทั่วโลกอยู่แล้ว เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก กล้อง พาวเวอร์แบงค์ เพียงแค่มีหัวแปลงปลั๊กที่เข้ากับ Type C/F นอกจากนี้ เครื่องโกนหนวดไฟฟ้ามักมีระบบ Dual Voltage ที่ถูกออกแบบมาให้สามารถทำงานได้กับแรงดันไฟฟ้า 2 ระดับที่แตกต่างกันได้ อย่างไรก็ดี แนะนำให้พกหัวแปลงปลั๊กไปด้วย เพราะรูเสียบของเกาหลีเป็นแบบกลม 2 ขาค่ะ
อุปกรณ์ที่อาจต้องระวัง
บางเครื่องใช้ไฟฟ้ายังไม่รองรับแรงดัน 220V หรือมีความไวต่อความถี่ไฟฟ้า เช่น ไดร์เป่าผม ที่หนีบผม เครื่องม้วนผมรุ่นเก่า เตารีดพกพา รวมถึงเครื่องนวด หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ถ้าฉลากบนอุปกรณ์เขียนว่า “INPUT: 110V ONLY” ห้ามเสียบตรงเด็ดขาด เพราะจะทำให้เครื่องไหม้หรือพังทันทีค่ะ วิธีแก้ไขคือเพื่อน ๆ สามารถใช้หม้อแปลงไฟฟ้า หรือทางที่ดีคือซื้อรุ่นที่รองรับ 100–240V ไปเลย จะสะดวกและปลอดภัยมากกว่าค่ะ
ลืมที่ชาร์จ? 4 สถานที่ชาร์จแบตได้ง่าย ๆ ในเกาหลี

เผลอลืมเอาที่ชาร์จแบตมา หรือแบตหมดกลางทางตอนเที่ยวอยู่เกาหลี ทำยังไงดี? ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ เพราะที่เกาหลีมีจุดชาร์จแบตเยอะมาก ทั้งในเมืองใหญ่อย่างโซล ปูซาน หรือเจจู แค่รู้ว่าชาร์จที่ไหนได้ ทริปของเพื่อน ๆ ก็จะไม่สะดุดแน่นอน
คาเฟ่และร้านอาหาร
ส่วนมากร้านแนวคาเฟ่และห้างใหญ่ ๆ มักจะมีให้ลูกค้าใช้ โดยเฉพาะร้านคาเฟ่ชื่อดังอย่าง Starbucks, A Twosome Place, Ediya Coffee, Angel-in-us มักมีปลั๊กไฟให้ลูกค้าใช้เกือบทุกสาขา แค่เพื่อน ๆ สั่งกาแฟหนึ่งแก้วก็นั่งชาร์จได้สบาย ๆ แถมบางสาขายังมี USB port หรือแท่นชาร์จไร้สายบนโต๊ะด้วยนะ
สนามบินและสถานีรถไฟใต้ดิน
ในสถานีรถไฟใต้ดินของโซล เช่น สาย 2 หรือ 9 มักมีโซนชาร์จมือถือฟรี นอกจากนี้ บริเวณจุดนั่งพักหรือใกล้ประตูทางออกที่สนามบินอินชอนก็มีโต๊ะชาร์จพร้อมปลั๊ก Type F และ USB port ให้บริการฟรีเช่นกัน อย่างไรก็ดี เพื่อน ๆ ควรพกหัวแปลงปลั๊กแบบ Type C/F ติดไว้เสมอ เพื่อใช้กับปลั๊กสาธารณะนะคะ
โรงแรมที่พัก
โรงแรมส่วนใหญ่ในเกาหลีมีปลั๊กไฟหลายจุดในห้องพัก และบางแห่งมีแท่นชาร์จไร้สาย (Wireless Charging Dock) ให้ด้วย ถ้าเพื่อน ๆ ลืมที่ชาร์จสามารถสอบถามที่เคาน์เตอร์ได้เลย เพราะหลายแห่งมักมีสายชาร์จสำรองให้ยืมหรือจำหน่ายในราคาย่อมเยาค่ะ
ร้านสะดวกซื้อ
ร้านสะดวกซื้อในเกาหลีบางแห่งอาจมีจุดชาร์จมือถือให้บริการ และบางสาขามีโต๊ะนั่งพร้อมปลั๊กไฟหรือแท่นชาร์จไร้สายให้ ทั้งนี้ ตามร้านสะดวกซื้อมักมีค่าบริการคิดตามระยะเวลาใช้งานชาร์จค่ะ
บทสรุปส่งท้าย
สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีแพลนจะไปเกาหลี ก็อย่าได้มองข้ามเรื่อง ปลั๊กไฟ เพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าคืออีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การเดินทางสะดวก ลื่นไหล แค่เตรียมอะแดปเตอร์ ปลั๊กพ่วง พาวเวอร์แบงค์ ไปให้พร้อม ทริปเกาหลีของเพื่อน ๆ ก็จะไม่มีสะดุดอย่างแน่นอน มาค้นหาเที่ยวบินและที่พักที่ใช่สำหรับทริปเกาหลีครั้งนี้ของเพื่อน ๆ ได้เลยที่ Trip.com
เนื้อหาที่น่าสนใจเพิ่มเติม
คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับปลั๊กไฟเกาหลี
ถ้าลืมเอาหัวแปลงปลั๊กไปเกาหลี ทำยังไงดี?
สามารถหาซื้อได้ตามสนามบิน ร้านสะดวกซื้อ (เช่น CU, GS25, 7-Eleven) หรือร้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในเกาหลี มักจะมีหัวแปลงปลั๊ก (Adapter) วางขายทั่วไป ราคาสนนอยู่ที่ประมาณ 5,000–15,000 วอน เท่านั้น ที่สำคัญแนะนำให้ซื้อแบบ Universal Adapter ไปเลย เพื่อใช้ได้กับหลายประเทศปลั๊กไฟที่เกาหลีมีสามรูไหม?
โดยทั่วไป เกาหลีใต้ใช้ปลั๊กสองรูกลม (Type C หรือ F) แต่บางโรงแรมหรืออาคารใหม่ ๆ อาจมี ปลั๊กแบบสามรู (Type F) ซึ่งเป็นแบบที่มีสายดินเพิ่ม ดังนั้นควรพกหัวแปลงที่รองรับทั้งสองแบบจะปลอดภัยที่สุดใช้ Power Bank จากไทยที่เกาหลีได้ไหม?
ได้เลยค่ะ Power Bank จากไทยส่วนใหญ่รองรับแรงดันไฟ 100–240V อยู่แล้ว เพียงแค่เตรียมหัวแปลงปลั๊กที่เข้ากับรูเสียบของเกาหลี ก็สามารถชาร์จได้ตามปกติ อย่างไรก็ดี กฎเบื้องต้นของสายการบินเกาหลีห้ามนำ Power Bank ใส่กระเป๋าโหลดใต้เครื่องเด็ดขาด ต้องถือขึ้นเครื่องเท่านั้นแรงดันไฟ 60Hz ของเกาหลี จะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าจากไทยพังไหม?
โดยทั่วไปไม่ส่งผลเสียใด ๆ ต่อเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าสมัยใหม่ เช่น มือถือ แล็ปท็อป กล้อง มักรองรับแรงดันไฟ 100–240V ความถี่ 50–60Hz อยู่แล้ว แนะนำให้ดูที่ตัวอุปกรณ์หรืออะแดปเตอร์ก่อนใช้ ถ้ามีระบุว่า “Input: 100–240V 50/60Hz” ก็สามารถใช้งานที่เกาหลีได้อย่างปลอดภัยโรงแรมในเกาหลีมีหัวแปลงปลั๊กให้ยืมไหม?
โรงแรมส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะระดับ 3 ดาวขึ้นไป) มักมีหัวแปลงปลั๊กให้ยืมหรือให้ใช้ฟรีที่เคาน์เตอร์ต้อนรับ แต่จำนวนอาจมีจำกัด หากไปช่วงเทศกาลหรือฤดูท่องเที่ยวควรพกของตัวเองไปด้วยเพื่อความชัวร์ และบางโรงแรมอาจมีจำหน่ายในล็อบบี้ด้วย ซึ่งมีราคาไม่สูงมาก



