5 จุดห้ามพลาด เที่ยว ชิราคาวาโกะ มรดกโลก ญี่ปุ่น พร้อมวิธีเดินทาง

ชิราคาวาโกะ หมู่บ้านโบราณ ดีกรีเมืองมรดกโลก ยกให้เป็นอีก 1 เมืองฮิลใจในประเทศญี่ปุ่นเลยละ ด้วยวิวทิวทัศนอันสวยงาม ตั้งอยู่กลางหุบเขาในจังหวัดกิฟุและโทยามะ ด้วยความสวยงามเหมือนย้อนยุคกลับไปในสมัยโบราณ หรือถ้ายิ่งไปช่วงหน้าหนาว ที่มีหิมะปกคลุมเต็มทั่วทั้งหมู่บ้านไปหมด ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาในโลกการ์ตูนหรือเทพนิยายยังไงยังงั้นเลย ทำให้ ชิราคาวะโกะ กลายเป็นอีก 1 เมืองที่เที่ยวในญี่ปุ่นที่ห้ามพลาด ยิ่งใครที่เป็นสายชิล อยากให้ธรรมชาติฮิลใจ หรือชอบเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองค่ะ

มารู้จักกับ “ชิราคาวาโกะ” ให้มากขึ้น

หมู่บ้าน ชิราคาวาโกะ ตั้งอยู่กลางหุบเขาในเขตจังหวัดกิฟุและโทยามะ (Gifu and Toyama Prefectures) ซึ่งจะอยู่ทางตอนกลางของเกาะฮอนชู จุดเด่นของ ชิราคาวาโกะ คือสถาปัตยกรรม บ้านเรือนที่มีอายุเก่าแก่มากกว่า 250 ปี สร้างกระจายไปทั่วตามที่ราบแคบขนานไปกับแม่น้ำโชกาวะ (Shokawa River) และได้ยังได้รับการบูรณะ ดูแลรักษาเป็นอย่างดี ทั้งความเก่าแก่สวยงามของบ้านเรือนที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มีความเป็นมาประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ และความสวยงามสมบูรณ์ของธรรมชาติที่ยังคงเหมือนเดิม ทั้งแม่น้ำที่ตัดผ่าน ความสวยงามจนลืมหายใจของหมู่บ้าน ที่ถูกหุบเขาโอบกอดไว้ สิ่งนี้เองจึงทำให้ ชิราคาวาโกะ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 1995 อีกด้วย

ในหมู่บ้าน ชิราคาวาโกะ โดยรวมจะมีทั้งหมด 16 หมู่บ้าน แต่ที่ฮิตสุด ๆ เป็นหมู่บ้านหลัก วิวสวยงาม และมีขนาดใหญ่ที่สุด จะเป็น หมู่บ้านโอกิมาจิ (Ogimachi)

อยากไป ชิราคาวาโกะ ต้องเดินทางอย่างไร?

ข้อดีของการมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเลยคือ เขามีรถไฟ ระบบขนส่งสาธารณะที่สามารถพาเราไปในสถานที่ต่าง ๆ ภายในประเทศนี้ได้แบบทั่วถึงทุกภูมิภาค ทำให้การเดินทางไปเที่ยวที่ ชิราคาวาโกะ ไม่ได้ยาก หรือลำบากใด ๆ แม้ว่าสถานที่นี้จะอยู่ในโซนชนบท ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา ท่ามกลางธรรมชาติก็ตามค่ะ

โดยการเดินทางไป ชิราคาวาโกะ

• สามารถสามารถนั่งรถไฟจากโอซาก้า (Osaka) หรือ นาโกย่า (Nagoya) มาลงที่เมืองคานาซาวา (Kanazawa) แล้วต่อรถบัสประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที
• จากนาโกย่า (Nagoya) นั่งรถไฟเข้าเมืองทาคายาม่า (Takayama) แล้วต่อรถบัส Takayama Nohi Bus Center อีกประมาณ 50 นาที ถึงหมู่บ้าน ก็ได้เช่นกัน
• เช่ารถขับเอง

5 จุดห้ามพลาดใน ชิราคาวาโกะ เมืองมรดกโลก

1. ชิราคาวาโกะ : บ้านทรงโบราณ

แน่นอนว่าใครที่ได้มาเยือน หมู่บ้านชิราคาวาโกะ ทั้งที ต้องไม่พลาดที่จะมาเยี่ยมชมบ้านทรงโบราณที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ ภายในหมู่บ้านจะมีบ้านเก่าแก่ ดั้งเดิมของญี่ปุ่นอยู่ตลอด สามารถเที่ยวเล่น ถ่ายรูป ซื้อของ และมีที่พักที่เป็นสไตล์โฮมสเตย์อีกด้วย

ส่วนไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เลย คือ การไปถ่ายรูป เดินชมบ้าน “กัสโชสึคุริ” (Gassho-zukuri) ค่ะ โดยบ้านกัสโชสึคุรินี้ เป็นบ้านชาวนาโบราณที่มีอายุเก่าแก่มาก เป็นบ้านแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม มีหลังคาชันเข้าหากัน 60 องศา โดย "กัสโช" ซึ่งแปลว่า “พนมมือ” บ้านโบราณแบบกัสโชสึคุริ จึงมีลักษณะคล้ายสองมือที่พนมเข้าหากัน ตัวบ้านจะมีความยาวประมาณ 18 เมตร และมีความกว้าง 10 เมตร วัสดุในการสร้างบ้านล้วนแต่มาจากวัสดุจากธรรมชาติล้วน ๆ ไม่ใช้ตะปู หรือวัสดุก่อสร้างใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งแสดงออกถึงภูมิปัญหาการสร้างบ้านของคนสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบให้หลังคามีความชันเพื่อให้หิมะและน้ำฝนที่ตกลงมาไหลลงพื้น มีช่องหน้าต่างเพื่อให้แสงสว่าง และระบายอากาศได้ ซึ่งมาต่างช่วงเวลา ต่างฤดูกาลความสวยงามก็แตกต่างแปลกตากัน ไม่ซ้ำวิวเลยค่ะ

2. ชิราคาวาโกะ : วัดเมียวเซนจิ (Myozen-ji Temple)

ถึงจะไม่ใช่วัดที่เก่าแก่ที่สุดในหมู่บ้าน ชิราคาวาโกะ แต่วัดเมียวเซนจิ (Myozen-ji Temple) กลับเป็นวัดที่นักท่องเที่ยวทั่วโลก ต่างให้ความสนใจมาก ๆ ด้วยความสวยงามของวัด สถาปัตยกรรมที่ไม่เหมือนวัดอื่น ๆ ในญี่ปุ่นที่เราเคยไปอย่างแน่นอน โดยวัดเมียวเซนจิ จะตั้งอยู่ทางเหนือของหมู่บ้านชิราคาวาโกะ สถาปัตยกรรมจะสวยงาม แปลกตา ประตูของหอระฆัง มุงหลังคาแบบ “กัสโชสึคุริ” คล้ายคลึงกับบ้านโบราณ คงความเก่าแก่ไว้ได้อย่างครบถ้วน ทำให้วัดแห่งนี้ กลายเป็นมรดกที่มีความสำคัญมากไม่แพ้บ้านโบราณหลังอื่น อีกทั้งภายในวัดยังเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น สำหรับจัดแสดงงาน เครื่องใช้ต่าง ๆ ในสมัยก่อนของชาวบ้านอีกด้วย

3. ชิราคาวาโกะ : จุดชมวิวเท็นชุคาคุ (Tenshukaku Observatory)

ได้ไปถ่ายภาพ เช็กอิน เดินชม ชิม ช้อป ดื่มด่ำความสวยงามของบ้านเรือนโบราณแบบใกล้ ๆ แล้ว ถ้าใครเป็นสายบู๊ มาทั้งทีขอเก็บวิว เก็บบรรยากาศสวย ๆ เหมือนภาพในโลกเทพนิยายนี่ไว้ด้วยตัวเองซักหน่อย แนะนำ จุดชมวิวเท็นชุคาคุ (Tenshukaku Observatory) นี้เลยค่ะ

บอกเลยว่าจุดชมวิวนี้ถือเป็นจุดที่พลาดไม่ได้เลย หลายคนที่โดนตก ก็เพราะเห็นภาพวิวกว้างของหมู่บ้าน เห็นความสวยงามของบ้านโบราณที่ถูกหุบเขาโอบล้อมจากจุดชมวิวจุดนี้เนี่ยแหละ ซึ่งจุดชมวิวนี้ จะต้องขึ้นไปอยู่บนเนินเขาใกล้หมู่บ้าน แต่ไม่ต้องกังวลนะว่าจะต้องเดินขาลากกันขึ้นไป เพราะเขามีบริการรถรับ - ส่ง ขึ้นไปยังจุดชมวิวนี้ได้เลย หรือใครอยากดื่มด่ำเดินชมบรรยากาศไปเรื่อย ๆ ก็สามารถทำได้ค่ะ (ไม่ได้ไกลในระดับที่เดินไม่ไหว แต่เดินขึ้นทางชันก็ต้องทำใจนะ) ยิ่งถ้าใครมาในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะสีขาวปกคลุมหนาแน่นไปหมดทั้งหมู่บ้าน ยิ่งสวยงามจับใจจริง ๆ ค่ะ

4. ชิราคาวาโกะ : ศาลเจ้าชิรากาวะ ฮาจิมัง (Shirakawa Hachiman Shrine)

นอกจากวัดเมียวเซนจิแล้ว ใน ชิราคาวาโกะ ยังมีศาลเจ้าที่เก่าแก่อีกแห่ง ที่น่ามามู มาเที่ยวไม่แพ้กัน ที่นี่คือ ศาลเจ้าชิราคาวะ ฮะจิมัน เป็นศาลเจ้านิกายชินโต และเป็นศาลเจ้าเก่าแก่แห่งเดียวในหมู่บ้านชิราคาวาโกะอีกด้วย

แต่ความพิเศษของศาลเจ้านี้ ไม่ได้มีเรื่องความเก่าแก่ หรือศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แค่ที่นี่เขามี หอผลิตสาเกโดบุโรคุ (Doburoku) ซึ่งเป็นสาเกที่หมักจากข้าวในหมู่บ้านเอง (ความเชื่อเขาว่ากันว่า เป็นสาเกศักดิ์สิทธิ์ที่จะใช้ในเทศกาลโดบุโระคุ) โดยในช่วงเดือนกันยายน - ตุลาคม ของทุกปี ศาลเจ้าจะมีงานเทศกาลสาเก ถือเป็นช่วงที่คึกคักมาก ๆ อีกด้วย

5. ชิราคาวาโกะ : ชิราคาวาโกะโนะยุออนเซ็น (Shirakawago no Yu)

เดินเที่ยว เดินเล่นมาเยอะแล้ว ใครอยากนอนแช่ออนเซ็นสบาย ๆ หรือใครที่ชื่นชอบการแช่ออนเซ็น ในชิราคาวาโกะเขาก็มีนะ แนะนำ ชิราคาวาโกะโนะยุออนเซ็น (Shirakawago no Yu) เลยค่ะ ที่นี่ถือเป็นออนเซ็นยอดฮิตของหมู่บ้านชิราคาวาโกะ คุณสามารถผ่อนคลายไปพร้อม ๆ กับออนเซ็น และวิวธรรมชาติจากออนเซ็นกลางแจ้งเลียบริมแม่น้ำโช ฮิลทั้งกาย ฮิลทั้งใจ ไม่มีอะไรจะสุขไปมากกว่านี้แล้ว

แต่นอกจากบริการออนเซ็นเฉพาะวันแล้ว Shirakawago no Yu ยังมีห้องพักให้บริการด้วย มีทั้งแบบญี่ปุ่น และยุโรปตามความชอบ ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่ไม่อยากไปเช้าเย็นกลับ ไม่อยากพัก Homestay ต้องการความเป็นส่วนตัว ต้องชื่นชอบแน่ ๆ ค่ะ

เป็นยังไงกันบ้าง กับเมืองมรกดโลกอย่าง “ชิราคาวาโกะ” อีก 1 เมืองในประเทศญี่ปุ่นที่หลาย ๆ คนขอยกให้เป็นจุดหมายปลายทางสำคัญ โดยเฉพาะใครที่เป็นสายธรรมชาติ หรือชอบท่องเที่ยวไปทั่วทุกภูมิภาคในประเทศญี่ปุ่น สุดท้ายแล้ว เห็นแค่ภาพแบบนี้มันก็ไม่ฟินเท่ากับเห็นเอง เจอเอง เที่ยวเองหรอกค่ะ ว่าแล้วก็ทำทริปไปเที่ยวชิราคาวาโกะกันดีกว่า!