ฟุตบอลโลก 2022 (FIFA World Cup Qatar 2022) มหกรรมลูกหนังอันดับหนึ่งของโลกที่แฟนบอลทั่วโลกต่างรอคอย เตรียมพบกับศึกฟาดแข้งระหว่าง 32 ทีมสุดโหด ซึ่งเป็นตัวแทนที่ผ่านการคัดเลือกมาอย่างดุเดือดจากประเทศสมาชิกฟีฟ่าทั้งหมด 211 ประเทศ ฟุตบอลโลกครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 22 โดยมีประเทศกาตาร์เป็นเจ้าภาพ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นในประเทศตะวันออกกลาง ศึกครั้งนี้จัดเต็มทั้งสนามใหม่สุดหรูหราอลังการท่ามกลางทะเลทราย พร้อมทั้งยกขบวนศิลปินระดับโลกจำนวนมากมาร่วมสร้างความบันเทิงเอาใจแฟนบอลทั่วโลก
ทาง Trip.com เชิญชวนมาเกาะขอบจอ และพร้อมพาคุณไปเกาะขอบสนามด้วยดีลเด็ดๆ ทั้งตั๋วเครื่องบินและที่พักหลายแห่งให้คุณเลือกสรร ศึกฟาดแข้งครั้งนี้จะยิ่งใหญ่ขนาดไหน ติดตามพร้อมกันในนัดเปิดสนามวันที่ 20 พฤศจิกายน จนกระทั่งสิ้นสุดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 ในวันที่ 18 ธันวาคม 2022 รวมเป็นเวลาทั้งหมด 28 วัน
กาตาร์ เจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 ศึกดวลแข้งครั้งประวัติศาสตร์
ฟุตบอลโลก กาตาร์ 2022 เป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของวงการฟุตบอลโลก เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ประเทศตะวันออกกลางได้รับสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่ฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1930 ที่ประเทศอุรุกวัยจากทวีปอเมริกาใต้เป็นเจ้าภาพ และฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ทวีปเอเชียได้เป็นเจ้าภาพ หลังจากประเทศญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ที่เป็นเจ้าภาพร่วมกันในปี 2002 ซึ่งหลังจากที่ประเทศกาตาร์ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงการลูกหนังอย่างมาก ทั้งเรื่องของอุณหภูมิที่ร้อนระอุ ช่วงเวลาในการแข่งขัน และความเหมาะสมในการเป็นเจ้าภาพ เนื่องจากกาตาร์เป็นผู้ท้าชิงสิทธิ์เจ้าภาพฟุตบอลโลกเพียงรายเดียวที่ไม่เคยเข้าร่วมแข่งฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาก่อน แต่ทางฝั่งกาตาร์ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมด้วยการเป็นเจ้าภาพการแข่งกีฬาระดับชาติมาแล้วหลายครั้ง ทั้งมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ปี 2006 ที่จัดขึ้นที่เมืองโดฮา และการแข่งขันฟุตบอลเอเชียนคัพในปี 2011
เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์
“Source: Radoslaw Prekurat/ unsplash”
ประเทศกาตาร์จัดการกับเรื่องสภาพอากาศที่ร้อนระอุทะลุ 40 องศาเซลเซียส โดยการเปลี่ยนช่วงเวลาในการแข่งขันเป็นช่วงปลายปีในเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม เพื่อให้สภาพอากาศกระทบกับนักเตะและผู้ชมน้อยที่สุด แต่ก็นับเป็นการตัดสินใจที่สะเทือนวงการลูกหนังไม่น้อย เพราะเป็นการเปลี่ยนประเพณีฟุตบอลโลกจากเดิมที่จัดในช่วงกลางเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคมมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 1930
ทะเลทรายร้อนระอุในกาตาร์
“Source: Darshan Gajara/ unsplash”
ความพิเศษหนึ่งที่แฟนบอลจะต้องจดจำศึกฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ไว้ในประวัติศาสตร์ คือจำนวนทีมที่เข้ามาแข่งขันในรอบสุดท้ายจะเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป ทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้เพิ่มจำนวนทีมในรอบสุดท้ายเป็น 48 ทีม โดยแบ่งเป็น 16 กลุ่ม และเพิ่มจำนวนแมตช์ 64 เป็น 80 นัด เพื่อเป็นส่วนช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลให้ครอบคลุมทั่วทั้งโลก
Stadium 974 สนามแข่งแห่งหนึ่งสำหรับฟุตบอลโลก 2022
“Source: Ben Koorengevel/ unsplash”
ผลคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 สรุปรายชื่อ 32 ทีมจากทุกโซน
สรุปผลการคัดเลือก 32 ทีมสุดแข็งแกร่งที่ได้ผ่านเข้าไปเล่นศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย หลังจากฝ่าฟันรอบคัดเลือกอย่างเข้มข้นก็ได้ตัวแทนครบ 32 ประเทศ ซึ่งทีมสุดท้ายที่ได้ตั๋วไปกาตาร์ได้สำเร็จก็คือประเทศคอสตาริกา คว้าชัยนัดเพลย์ออฟชนะนิวซีแลนด์จากโซนโอเชียเนีย เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งมีเพียงกาตาร์ที่เป็นเจ้าภาพเท่านั้นที่ยังไม่เคยออกศึกฟุตบอลโลกมาก่อน ส่วนอีก 31 ทีมที่เหลือล้วนเคยฟาดลวดลายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน โดยผลสรุปการคัดเลือกแบ่งตามโซนได้ดังนี้
โซนยุโรป 13 ทีม : อังกฤษ, สเปน, ฝรั่งเศส, เบลเยียม, เยอรมนี, เซอร์เบีย, โครเอเชีย, สวิตเซอร์แลนด์, เนเธอร์แลนด์, โปแลนด์, โปรตุเกส, เดนมาร์ก, เวลส์
โซนเอเชีย 6 ทีม : กาตาร์ (เจ้าภาพ), อิหร่าน, ซาอุดีอาระเบีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย
โซนอเมริกาเหนือ อเมริกากลาง และแคริบเบียน (คอนคาเคฟ) 4 ทีม : สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, เม็กซิโก, คอสตาริกา
โซนอเมริกาใต้ 4 ทีม : อาร์เจนตินา, บราซิล, เอกวาดอร์, อุรุกวัย
โซนแอฟริกา 5 ทีม : กานา, โมร็อกโก, แคเมอรูน, เซเนกัล, โมร็อกโก
Lusail Stadium สนามแข่งรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022
“Source: Visit Qatar/ unsplash”
โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 เปิดสนามฟาดแข้ง 20 พ.ย. นี้
ฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย มีกำหนดการเตะนัดแรกในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2565 โดยเป็นนัดเปิดสนามระหว่างเจ้าภาพกาตาร์ ปะทะกับเอกวาดอร์ที่สนามอัล เบย์ท สเตเดียม ในเมืองอัล คอร์ ซึ่งเป็นคู่เดียวที่ลงเตะในวันดังกล่าว เพื่อรักษาธรรมเนียมที่ให้เจ้าภาพลงเตะเป็นชาติแรก จากนั้นจึงแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มคู่ถัดไปในวันที่ 21 พฤศจิกายน และแข่งขันต่อเนื่องจนถึงวันที่ 2 ธันวาคม สำหรับ 16 ทีมสุดท้ายที่ผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์จะแข่งขันระหว่างวันที่ 3-6 ธันวาคม และตามด้วยนัดก่อนรองชนะเลิศในวันที่ 9-10 ธันวาคม ส่วนรอบรองชนะเลิศจะแข่งขันในวันที่ 13-14 ธันวาคม สำหรับทีมที่แพ้ในรอบนี้ต้องไปเตะนัดชิงอันดับ 3 ในวันที่ 17 ธันวาคม ส่วนทีมที่ชนะจะได้เข้าไปเล่นนัดชิงชนะเลิศวันที่ 18 ธันวาคม เวลา 18:00 ที่สนามลูเซล ไอคอนิก สเตเดียม
ศึกเปิดสนามระหว่างกาตาร์กับเอกวาดอร์ในศึกฟุตบอลโลก 2022 เริ่มเตะวันที่ 20 พฤศจิกายน เวลา 23:00 ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งตรงกับเวลา 19:00 ในประเทศกาตาร์ ส่วนพิธีเปิดฟุตบอลโลก 2022 จะเริ่มต้นเวลา 22:00 โดยประมาณ สำหรับเวลาเตะนัดอื่นๆ นั้นจะแบ่งออกเป็น 5 ช่วงเวลา ตามเวลาประเทศไทย ได้แก่ 17:00, 20:00, 22:00, 23:00 และรอบดึกที่สุดคือ 2:00
สนามแข่ง Education City Stadium
“Source: Hatem Boukhit/ unsplash”
ภายนอกสนามแข่ง Education City Stadium
“Source: Hatem Boukhit/ unsplash”
ฟุตบอลโลก 2022 ถ่ายทอดสดทางไหน อัปเดตข้อมูลที่แฟนบอลไทยรอคอย
ฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายจะเริ่มในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้แล้ว แต่ในปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าคนไทยจะได้ชมฟรีหรือไม่ เนื่องจากประเทศไทยเป็นชาติเดียวในอาเซียนที่ยังไม่ได้ถือลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022 จากทางฟีฟ่า ในขณะที่ประเทศอาเซียนอื่นๆ ได้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดเรียบร้อยแล้ว เหตุผลหลักคาดว่าเกิดจากการยื่นเรื่องล่าช้า และปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์มูลค่า 1.6 พันล้านบาท เนื่องจากในประเทศไทยมีกฎที่เรียกว่า Must Have ซึ่งกำหนดให้เผยแพร่มหกรรมกีฬาทางฟรีทีวีเพื่อให้คนไทยชมฟรีอย่างทั่วถึง และมีกฎ Must Carry ที่กำหนดให้ผู้ที่ได้รับอนุญาตจาก กสทช. นำไปออกอากาศฟรี จึงไม่มีสถานีโทรทัศน์ในไทยซื้อลิขสิทธิ์ ซึ่งมหกรรมกีฬาทั้ง 7 รายการ ได้แก่ ฟุตบอลโลก, โอลิมปิกเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์, เอเชี่ยนพาราเกมส์, ซีเกมส์, อาเซียนพาราเกมส์ และพาราลิมปิกเกมส์ สำหรับความคืบหน้าล่าสุดนั้นทาง กสทช. ได้กำหนดวันพิจารณาเรียบร้อยแล้วว่าจะอนุมัติงบประมาณดังกล่าวหรือไม่
เพลงประจำศึกฟุตบอลโลก 2022 สีสันที่ขาดไม่ได้
สีสันอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในศึกฟุตบอลโลกแต่ละครั้งคือ “เพลงประจำการแข่งขัน” สำหรับฟุตบอลโลก 2022 นี้ เพลงประจำการแข่งขัน ที่ใช้คือเพลง Hayya Hayya (Better Together) โดยมีไอชา ศิลปินชื่อดังของกาตาร์มาร้องร่วมกับ ตรินิแดด คาร์โดน่า นักร้องชาวอเมริกัน และดาวิโด้ ศิลปินชาวไนจีเรีย ซึ่งคอนเซ็ปต์ของเพลงนี้คือการผสมผสานเสียงของศิลปินจากอเมริกา แอฟริกา และตะวันออกกลางให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อให้เพลงนี้เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าดนตรีและฟุตบอลสามารถรวมโลกใบนี้ไว้ด้วยกันได้
จองโรงแรมราคาถูกที่สุดในกาตาร์
“ลาอีบ” มาสคอตสุดน่ารักประจำศึกฟุตบอลโลก 2022
มาสคอตหรือสัญลักษณ์นำโชคประจำฟุตบอลโลกก็เป็นอีกสีสันที่แฟนบอลจับตามอง สำหรับฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่ประเทศกาตาร์นั้นมีมาสคอตสุดน่ารักที่ชื่อว่า “ลาอีบ” เป็นมาสคอตประจำการแข่งขัน ลาอีบ (La'eeb) เป็นภาษาอารบิก หมายถึง ผู้เล่นที่มีทักษะยอดเยี่ยม ลาอีบมีหน้าตาเป็นเด็กผู้ชายสวมผ้าคลุมชุดประจำชาติกาตาร์ มีคาแร็คเตอร์ที่เป็นมิตร มีความสดใส สนุกสนาน ขี้เล่น รักการผจญภัย และพร้อมจะมอบความสุขให้กับทุกคน
มาสคอตที่เป็นสัญลักษณ์นำโชคในศึกฟุตบอลโลกเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1966 ที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพ โดยมีมาสคอตเป็นสิงโตที่ชื่อว่า “เวิลด์คัพวิลลี่ (World Cup Willie)” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอังกฤษ ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างมาสคอตประจำการแข่งขันฟุตบอลโลกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
“อัล ริห์ลา” ลูกฟุตบอลที่พุ่งเร็วที่สุด
พระเอกสำคัญของงานฟุตบอลโลก 2022 ที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ใช้ลูกฟุตบอลที่มีชื่อเรียกว่า “อัล ริห์ลา (Al Rihla)” เป็นภาษาอาหรับ มีความหมายว่า The Journey หรือ การเดินทาง โดยสื่อถึงการเดินทางของเกมฟุตบอลเพื่อพัฒนาวงการกีฬาในท้องถิ่นทั่วโลก ลูกฟุตบอลนี้ถูกออกแบบให้มีสีสันสวยงาม ลายของลูกฟุตบอลสื่อให้เห็นถึงวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมของกาตาร์ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากธงชาติของกาตาร์และรูปทรงของเรือที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของประเทศกาตาร์
ปัจจุบันการแข่งขันฟุตบอลมีความรวดเร็วมากขึ้น คุณภาพและประสิทธิภาพสำหรับการเคลื่อนที่อย่างแม่นยำของลูกฟุตบอลจึงมีความสำคัญมากขึ้นด้วยเช่นกัน อัล ริห์ลา ออกแบบโดยอาดิดาส โดยคำนึงถึงสามสิ่งหลัก คือ ความเร็ว ความแม่นยำ และการเคลื่อนที่ขณะอยู่ในอากาศอย่างมั่นคงที่สุด และยังมีการนำเทคโนโลยี CRT-CORE ใส่ในส่วนแกนกลางลูกฟุตบอล และเทคโนโลยี SPEEDSHELL ที่นำมาผลิตพื้นผิวของลูกฟุตบอล นอกจากนี้ อัล ริห์ลา ยังเป็นฟุตบอลลูกแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกที่คำนึงถึงเรื่องภาวะโลกร้อน ผลิตโดยใช้วัสดุที่ไม่ทำลายธรรมชาติด้วยกระบวนการผลิตที่สร้างขยะน้อยที่สุด มีการใช้หมึกและกาวที่ผลิตจากน้ำแทนพลาสติกพีวีซี และยังเป็นลูกฟุตบอลที่ผลิตขึ้นโดยไม่ผ่านขั้นตอนที่ก่อให้เกิดสาร CFC หรือสารเคมีใดๆ ที่นำมาสู่ภาวะเรือนกระจก
ประวัติศาสตร์ และเหตุการณ์สำคัญของฟุตบอลโลก
ฟุตบอลโลกเป็นรายการแข่งขันกีฬาระดับมหาชนที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลก จนถือได้ว่าเป็นมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก และมีการจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกๆ 4 ปี ฟุตบอลโลกเริ่มต้นจากแนวความคิดของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติที่เรียกว่าฟีฟ่า ซึ่งทางฟีฟ่ามีความต้องการที่จะทำให้การแข่งขันฟุตบอลเป็นกีฬาระดับโลก แนวความคิดนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1914 และต้องใช้เวลายาวนานถึง 16 ปีกว่าจะมีการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในปี 1930 ในยุคของ จูลส์ ริเมต์ ซึ่งเป็นประธานฟีฟ่าในตอนนั้น
ฟุตบอลโลกครั้งแรกเกิดขึ้นที่ประเทศอุรุกวัยในปี 1930 โดยมีประเทศเข้าร่วมทั้งหมด 13 ประเทศ คู่ชิงชนะเลิศในครั้งนั้นคือประเทศอุรุกวัยปะทะกับอาร์เจนตินา ซึ่งผลการแข่งขันปรากฏว่า อุรุกวัยเอาชนะไปได้ 4 ประตูต่อ 2 ส่งผลให้อุรุกวัยได้ครองแชมป์ฟุตบอลโลกเป็นสมัยแรก ส่วนในครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในปี 1934 โดยมีประเทศอิตาลีเป็นเจ้าภาพ ครั้งนี้มี 16 ประเทศที่เข้าร่วม โดยที่ประเทศอุรุกวัยแชมป์เก่าไม่ได้เข้าร่วม ในครั้งนี้ประเทศอิตาลีได้แชมป์โลกสมัยแรก หลังจากนั้นอีก 4 ปี ทางฟีฟ่าก็ได้จัดฟุตบอลโลกครั้งที่ 3 ขึ้นในปี 1938 บนแผ่นดินฝรั่งเศส ในปีนี้อิตาลีสามารถป้องกันแชมป์ไว้ได้ นับเป็นการได้แชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัยติดต่อกันครั้งแรก ส่วนฟุตบอลโลกครั้งที่ 4 เกิดขึ้นในปี 1950 ซึ่งห่างจากครั้งที่ 3 เป็นระยะเวลานานถึง 12 ปี เนื่องจากช่วงเวลานั้นได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งในครั้งนี้มีประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขัน 15 ประเทศ โดยมีประเทศบราซิลเป็นเจ้าภาพ ซึ่งอุรุกวัยได้แชมป์ไปครองเป็นสมัยที่ 2 จากนั้นในปี 1954 ก็เกิดฟุตบอลโลกครั้งที่ 5 โดยเยอรมันตะวันตกได้แชมป์เป็นสมัยแรก หลังจากนั้นในฟุตบอลโลกครั้งที่ 6 และ 7 ประเทศบราซิลก็ได้ครองแชมป์สองสมัยติดต่อกันในปี 1958 และปี 1962 ตามลำดับ ซึ่งเป็นประเทศที่สองที่ป้องกันแชมป์โลกได้ต่อจากประเทศอิตาลี ต่อมาในปี 1966 ประเทศอังกฤษที่เป็นต้นตำรับของฟุตบอลได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกครั้งที่ 8 ซึ่งทีมชาติอังกฤษก็ได้คว้าแชมป์โลกไปครองเป็นครั้งแรก
เกิดเหตุการณ์สำคัญในปี 1970 ซึ่งทางฟีฟ่าได้ประกาศเงื่อนไขว่า ถ้าประเทศใดได้แชมป์โลก 3 สมัยจะได้ถ้วยบอลโลก “จูลล์ ริเมต์” ไปครอบครองเป็นกรรมสิทธิ์ ซึ่งในปีนี้ประเทศเม็กซิโกเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกครั้งที่ 9 แล้วนัดชิงชนะเลิศในปีนั้นก็เป็นการแข่งขันระหว่างบราซิลกับอิตาลี ซึ่งเป็นประเทศที่ได้แชมป์โลกมาแล้ว 2 สมัยทั้งคู่ หากใครชนะก็จะได้ถ้วยจูลล์ ริเมต์ไปครองทันที ผลออกมาก็คือทีมชาติบราซิลสามารถเอาชนะทีมชาติอิตาลีไปได้ 4 ประตูต่อ 1 ทำให้บราซิลเป็นชาติแรกที่ได้แชมป์ 3 สมัย และได้ถ้วยจูลล์ ริเมต์ไปครองเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง สำหรับฟุตบอลโลกครั้งที่ 10 ในปี 1974 ทางฟีฟ่าได้ใช้ถ้วยบอลโลกใบใหม่ที่เรียกว่า “ถ้วยฟีฟ่าเวิลด์คัพ” ซึ่งในปีนี้เยอรมันตะวันตกเป็นเจ้าภาพและได้แชมป์สมัยที่ 2 ต่อมาในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่ 11 ในปี 1978 อาร์เจนตินาเป็นเจ้าภาพและได้แชมป์ในดินแดนของตัวเอง
ในปี 1982 ทางฟีฟ่าได้เพิ่มจำนวนทีมจาก 16 ทีมเป็น 24 ทีม และอิตาลีได้คว้าแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 3 ซึ่งเป็นประเทศที่ 2 ต่อจากบราซิล ต่อมาในปี 1986 ได้จัดขึ้นในประเทศเม็กซิโกอีกครั้ง เนื่องจากประเทศโคลอมเบียได้ถอนตัวจากการเป็นเจ้าภาพ และฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้เกิดวลีเด็ดคือ “หัตถ์ของพระเจ้า” เหตุการณ์เกิดในการพบกันระหว่างอาร์เจนตินากับอังกฤษในรอบ 8 ทีมสุดท้าย นักฟุตบอลชื่อมาราโดน่าได้ใช้มือปัดลูกฟุตบอลเข้าประตูโดยที่กรรมการในสนามไม่เห็น จึงตัดสินเป็นลูกที่ได้ประตู ส่งผลให้ทีมชาติอาร์เจนตินาเข้ารอบและทะลุจนถึงรอบชิงชนะเลิศ จนทีมชาติอาร์เจนตินาที่ได้แชมป์โลกสมัยที่ 2
ในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่ 14 ปี 1990 อิตาลีได้เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 2 และเยอรมนีก็ได้แชมป์โลกซึ่งเป็นแชมป์สมัยที่ 3 ตามบราซิลและอิตาลี ถัดมาในฟุตบอลโลกครั้งที่ 15 ปี 1994 บราซิลได้คว้าแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 4 และจากนั้นในฟุตบอลโลกครั้งที่ 16 เมื่อปี 1998 ก็ได้มีประเทศเข้าร่วมมากขึ้นจาก 24 ประเทศเป็น 32 ประเทศ เนื่องจากการแตกประเทศของยูโกสลาเวียและการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ก่อให้เกิดประเทศใหม่ๆ ขึ้นมากมาย ในปีนี้ประเทศฝรั่งเศสได้เป็นเจ้าภาพอีกครั้งและยังสามารถเอาชนะแชมป์โลก 4 สมัยอย่างประเทศบราซิลได้สำเร็จในรอบชิงชนะเลิศ ด้วยสกอร์ 3 ประตูต่อ 0 จนทำให้ทีมชาติฝรั่งเศสได้แชมป์โลกเป็นสมัยแรกในบ้านของตัวเอง ถัดมาในการแข่งฟุตบอลโลกครั้งที่ 17 ปี 2002 เป็นครั้งแรกที่มีการจัดฟุตบอลโลกในดินแดนทวีปเอเชียและยังเป็นครั้งแรกที่มีเจ้าภาพร่วม ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่นและประเทศเกาหลีใต้ ในปีนี้ประเทศบราซิลได้แชมป์เป็นสมัยที่ 5 ถัดมาในฟุตบอลโลกครั้งที่ 18 ปี 2006 ประเทศเยอรมนีเป็นเจ้าภาพ ซึ่งประเทศอิตาลีได้แชมป์เป็นสมัยที่ 4
ในปี 2010 ได้จัดฟุตบอลโลกครั้งที่ 19 ขึ้นในทวีปแอฟริกาเป็นครั้งแรก โดยมีเจ้าภาพเป็นประเทศแอฟริกาใต้ ในปีนี้ประเทศสเปนได้แชมป์โลกเป็นสมัยแรก จากนั้นในการแข่งฟุตบอลโลกครั้งที่ 20 ปี 2014 ประเทศบราซิลได้เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 2 ซึ่งบราซิลตั้งใจคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 6 ในบ้านเกิดของตัวเองให้ได้ แต่ก็ต้องพบความผิดหวังเพราะพ่ายแพ้ให้กับเยอรมนีแบบขาดลอย 7 ประตูต่อ 1 โดยในรอบชิงนั้นเยอรมนีได้เฉือนชนะอาร์เจนตินาในช่วงต่อเวลา ส่งผลให้เยอรมนีได้แชมป์ 4 สมัยเท่ากับอิตาลี ส่วนในฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดเมื่อปี 2018 ได้จัดขึ้นในรัสเซีย ซึ่งประเทศฝรั่งเศสได้ครองแชมป์เป็นสมัยที่ 2
ฟุตบอลโลกถือได้ว่าเป็นมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกที่แฟนบอลทั่วโลกต่างเฝ้ารอ ซึ่งการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ก็มีเรื่องราวมากมายและมีความเปลี่ยนแปลงที่จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้จัดขึ้นในประเทศตะวันออกกลางเป็นครั้งแรก โดยมีประเทศกาตาร์เป็นเจ้าภาพ มาร่วมลุ้น ร่วมเชียร์ และร่วมบันทึกความทรงจำอันน่าประทับใจครั้งนี้
ประเทศกาตาร์
“Source: Masarath Alkhaili/ unsplash”
FAQเกี่ยวกับฟุตบอลโลกกาตาร์ 2022
-
ฟุตบอลโลกเริ่มแข่งวันที่เท่าไหร่
20 พฤศจิกายน 2565 เวลา 23:00
-
พิธีเปิดบอลโลกวันที่เท่าไหร่
20 พฤศจิกายน 2565 เวลา 22:00
-
บอลโลกรอบชิงแข่งเมื่อไหร่
วันที่ 18 ธันวาคม 2565 เวลา 18:00
-
ฟุตบอลโลกรอบชิงแข่งที่ไหน
สนามลูเซล ไอคอนิก สเตเดียม เมืองลูเซล ประเทศกาตาร์
-
เจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022
กาตาร์