
การเดินทางโดยเครื่องบินขณะตั้งครรภ์อาจเป็นเรื่องที่คุณแม่หลายท่านกังวลใจ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความปลอดภัยของทารกในครรภ์ หรือความสะดวกสบายในการเดินทาง คำถามยอดฮิตอย่าง “คนท้องขึ้นเครื่องบินปลอดภัยไหม?” มักผุดขึ้นมาเป็นอันดับแรก และคำตอบนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งสุขภาพของคุณแม่และอายุครรภ์ ซึ่งแต่ละสายการบินก็มีข้อบังคับที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น เพื่อการเดินทางที่ราบรื่นแล้ว นอกจากการศึกษาข้อบังคับต่าง ๆ ของสายการบิน การเตรียมตัวให้ดีตั้งแต่ขั้นตอนการจองตั๋วก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน บทความนี้ Trip.com จะพาคุณแม่ทุกท่านมาไขข้อข้องใจกันค่ะ
คนท้องขึ้นเครื่องบินปลอดภัยไหม?
โดยปกติการตั้งครรภ์จะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 อายุครรภ์ 1-12 สัปดาห์ ช่วงที่ 2 อายุครรภ์ 12-28 สัปดาห์ และช่วงที่ 3 อายุครรภ์ 28-40 สัปดาห์ ซึ่งช่วงที่ควรระวังเป็นพิเศษเมื่อต้องโดยสารเครื่องบินคือช่วงที่ 1 และช่วงที่ 3 โดยช่วงที่ 1 เนื่องจากอายุครรภ์ยังน้อยมาก คุณแม่ยังมีโอกาสแท้งได้ และจะมีอาการแพ้ท้องหนักกว่าช่วงอื่นด้วยค่ะ
อัปเดตล่าสุด! กฎและข้อบังคับของสายการบินสำหรับสตรีมีครรภ์
ก่อนจองตั๋ว คุณแม่ควรตรวจสอบอายุครรภ์ของตนเอง เพื่อเทียบกับเงื่อนไขข้อกำนดแต่ละสายการบิน และเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยที่สุด ถ้าพร้อมแล้วก็มาชมตารางด้านล่างนี้กันเลย
ตารางเปรียบเทียบนโยบายสายการบินชั้นนำสำหรับผู้โดยสารตั้งครรภ์
สายการบิน | อายุครรภ์ที่สามาารถเดินทางได้โดยไม่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์ | อายุครรภ์ที่ต้องแสดงเอกสารใบรับรองแพทย์ | อายุครรภ์ที่ไม่อนุญาตให้เดินทางกับสายการบิน | ข้อกำหนด/เอกสารสำคัญ |
ภายในระยะเวลา 28 สัปดาห์ | อายุครรภ์ 28 สัปดาห์ขึ้นไป | อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ขึ้นไป | แสดงเอกสารประจำตัว, หลักฐานการเดินทางเบื้องต้น, ใบรับรองแพทย์ รวมถึงใบอนุญาตให้เดินทางจากแพทย์กรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน | |
ภายในระยะเวลา 28 สัปดาห์ | อายุครรภ์ในช่วง 28 – 34 สัปดาห์ | อายุครรภ์ 35 สัปดาห์ขึ้นไป | ใบรับรองแพทย์ ที่มีอายุไม่เกิน 30 วัน | |
ภายในระยะเวลา 28 สัปดาห์ | อายุครรภ์ในช่วง 28 – 36 สัปดาห์ (กรณีทารกแฝดกำหนดอายุครรภ์ในช่วง 28 – 32 สัปดาห์) | -อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ขึ้นไปและ 32 สัปดาห์ขึ้นไปสำหรับทารกแฝด | แสดงเอกสารประจำตัว, หลักฐานการเดินทางเบื้องต้น, ใบรับรองแพทย์ รวมถึงใบอนุญาตให้เดินทางจากแพทย์กรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน | |
ภายในระยะเวลา 28 สัปดาห์ | อายุครรภ์ในช่วง 28 – 36 สัปดาห์ | อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ขึ้นไป | แสดงใบรับรองแพทย์ | |
ภายในระยะเวลา 28 สัปดาห์ | อายุครรภ์ในช่วง 28 - 35 สัปดาห์ | อายุครรภ์ 35 สัปดาห์ขึ้นไป | จำเป็นต้องแจ้งอายุครรภ์ให้สายการบินทราบ พร้อมแสดงเอกสารการฝากครรภ์ | |
ภายในระยะเวลา 27 สัปดาห์ | อายุครรภ์ในช่วง 27 - 32 สัปดาห์ | อายุครรภ์ 32 สัปดาห์ขึ้นไป | แสดงใบรับรองแพทย์ที่มีอายุไม่เกิน 7 วัน |
ขอบคุณข้อมูลจาก: เว็บไซต์สายการบิน
จากตารางด้านบนนี้ น่าจะเป็นตัวช่วยตัดสินใจสำหรับคุณแม่หลาย ๆ ท่านในการเลือกเดินทางกับสายการบินได้ประมาณหนึ่งแล้ว ซึ่งโดยมากสายการบินมักอนุญาตให้เดินทางโดยไม่ใช้ใบรับรองแพทย์เมื่อมีอายุครรภ์ในช่วง 27–28 สัปดาห์ และสำหรับช่วงที่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์คือ 28–34/36 สัปดาห์ ซึ่งขึ้นอยู่แต่ละสายการบิน ทั้งนี้ หากมีอายุครรภ์เกิน 35–36 สัปดาห์ สายการบินมักไม่อนุญาตให้เดินทางกับสายการบิน นอกจากนี้ เอกสารที่สำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือ ใบรับรองแพทย์ โดยแต่ละสายการบินจะมีอายุกำหนด 7- 30 วัน แตกต่างกันตามลักษณะครรภ์และภาวะแทรกซ้อน
เคล็ดลับหา "โปร" ตั๋วเครื่องบินสำหรับคุณแม่นักเดินทาง
จองล่วงหน้าและยืดหยุ่นวันเดินทาง
ตั๋วประเภทยืดหยุ่น จะให้สิทธิ์ผู้โดยสารทำการเปลี่ยนแปลงวันเดินทาง หรือ สามารถยกเลิกตั๋วได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม หรือหากต้องเสียก็เสียในอัตราที่ต่ำกว่าตั๋วปกติ จึงเหมาะอย่างมากกับสถานการณ์ของคุณแม่ตั้งครรภ์ที่แผนการเดินทางอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขอบอกว่า Trip.com ก็มีบริการนี้นะคะ
ใช้เครื่องมือเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินของ Trip.com
Trip.com แพลตฟอร์มการเดินทางแบบครบวงจรที่เชื่อถือได้ ให้ข้อมูลเที่ยวบินแบบเรียลไทม์และเครื่องมือเปรียบเทียบราคาเพื่อช่วยคุณแม่ค้นหาตั๋วที่ดีที่สุด นอกจากนี้ Trip.com ยังร่วมมือกับสายการบินและธนาคารเพื่อให้เหล่าคุณแม่ได้ราคาและโปรโมชั่นที่ดีที่สุดอีกด้วย
พิจารณาประกันการเดินทาง
ควรซื้อประกันการเดินทางและตรวจสอบว่าประกันครอบคลุมกรณีที่จำเป็นต้องเปลี่ยนการเดินทางฉุกเฉินเนื่องจากภาวะต่าง ๆ เช่น เลือดออก ปวดท้อง หรือบุตรในครรภ์ดิ้นน้อยลงหรือไม่ ทั้งนี้ คุณแม่ที่ครรภ์เป็นพิษ ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนการเจ็บครรภ์หรือมีความเสี่ยงที่จะคลอดก่อนกำหนดไม่ควรเดินทาง
เช็คลิสต์เตรียมตัวให้พร้อม เพื่อไฟลท์ที่สบายที่สุด

เตรียมพร้อมก่อนการเดินทาง
เตรียมเอกสารให้ครบถ้วนตามข้อกำหนดของสายการบินและพบแพทย์ที่ฝากท้องก่อนวางแผนเดินทาง เพื่อให้แพทย์ประเมินว่าสามารถเดินทางได้หรือไม่ โดยแพทย์จะประเมิณความเสี่ยงของการเดินทาง และความพร้อมของสุขภาพของคุณแม่
ณ สนามบิน
แนะนำให้คุณแม่แจ้งสายการบินเพื่อทราบอายุครรภ์ล่วงหน้าก่อนถึงด่านตรวจความปลอดภัย เนื่องจากบริเวณนี้มีเครื่องตรวจจับโลหะค่ะ
ขณะที่อยู่บนเครื่อง
เลือกที่นั่งติดริมทางเดินจะสะสบายที่สุด เพราะเข้า-ออกง่าย นอกจากนี้ควรดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำและขยับร่างกายยืดเส้นยืดสายบ่อย ๆ นะคะ
บทสรุปส่งท้าย

การเดินทางด้วยเครื่องบินขณะตั้งครรภ์จึงจะไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป หากคุณแม่เตรียมตัวมาดีและรู้กฎเกณฑ์ของสายการบินต่าง ๆ และจากข้อมูลทั้งหมดนี้จึงจะเห็นว่า กุญแจสำคัญของการเดินทางอย่างราบรื่นของคนท้องขึ้นเครื่องบินอยู่ที่ ‘อายุครรภ์’ และ ‘เอกสาร’ โดยเฉพาะใบรับรองแพทย์ (Fit to Fly) ซึ่งแต่ละสายการบินก็จะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันออกไป
นอกจากการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นนี้แล้ว การเลือกจองตั๋วแบบยืดหยุ่น พร้อมทำประกันการเดินทางที่ครอบคลุมและการเตรียมตัวให้พร้อมทั้งก่อนเดินทางและระหว่างเดินทาง ก็มีส่วนช่วยให้คุณแม่รู้สึกสบายใจและปลอดภัยตลอดทริปมากยิ่งขึ้น
เหนือสิ่งอื่นใดนั้น ก็อย่าลืมสิ่งสำคัญที่สุดนั่นก็คือ ปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลก่อนการเดินทางเสมอ เพื่อประเมินความพร้อมของสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์ เมื่อแพทย์ยืนยันการเดินทางแล้วก็ถึงเวลาเลือกเที่ยวบินที่เหมาะสม ค้นหาและเปรียบเทียบเที่ยวบินได้ที่ Trip.com เพื่อการเดินทางที่ราบรื่นและเต็มไปด้วยรอยยิ้มในทุก ๆ เที่ยวบิน
บทความอื่น ๆ ที่คุณอาจสนใจ
คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับคนท้องขึ้นเครื่องบิน
ต้องใช้ใบรับรองแพทย์ (Fit to Fly) ตอนขึ้นเครื่องบินหรือไม่
โดยส่วนมากแล้ว สายการบินมักกำหนดให้คุณแม่ที่อายุครรภ์ตั้งแต่ 28 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 36 สัปดาห์ สามารถขึ้นเครื่องบินได้หากมีใบรับรองแพทย์ที่ระบุว่าสภาวะครรภ์ปกติ หรือใบ Fit to Fly ทั้งนี้ บางสายการบินอาจกำหนดช่วงระยะเวลาของอายุครรภ์แตกต่างเล็กน้อย โปรดสอบถามข้อมูลแต่ละสายการบินก่อนการเดินทางตั้งครรภ์แฝดสามารถขึ้นเครื่องบินได้ถึงอายุครรภ์เท่าไหร่
ส่วนมากแล้ว การตั้งครรภ์แฝดมักมีความเสี่ยงสูงกว่าการตั้งครรภ์ปกติ สายการบินจึงกำหนดให้อายุครรภ์แฝดไม่เกิน 32 สัปดาห์ ทั้งนี้ บางสายการบินอาจกำหนดช่วงระยะเวลาของอายุครรภ์แตกต่างเล็กน้อย โปรดสอบถามข้อมูลแต่ละสายการบินก่อนการเดินทางควรเลือกที่นั่งตรงไหนบนเครื่องบินดีที่สุดสำหรับคนท้อง
ที่นั่งริมทางเดิน เพื่อความสะดวกในการเข้า-ออก เนื่องจากคนท้องมักเข้าห้องน้ำบ่อย และยังมีพื้นที่สำหรับยืดเส้นยืดสายอีกด้วย นอกจากนี้ ที่นั่งแถวหน้าสุดก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะมีพื้นที่วางขากว้างขึ้น สำหรับที่นั่งที่แนะนำให้หลีกเลี่ยงเลยคือบริเวณทางออกฉุกเฉิน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสายการบินมักไม่อนุญาตให้คุณแม่ตั้งครรภ์นั่ง และยังขัดระเบียบการบินอีกด้วยการเดินผ่านเครื่องสแกนที่สนามบินปลอดภัยต่อลูกในท้องหรือไม่
ช่วงอายุครรภ์ในช่วงที่ 1 (อายุครรภ์ 1-12 สัปดาห์) สามารถเดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะได้ ไม่ส่งผลอันตรายต่อทารกในครรภ์ แต่หากมีภาวะแท้งคุกคาม ควรหยุดการเดินทางไว้ก่อน


