Basilica Papale di San Francesco Review

เมืองที่สวยงามบนยอดเขา ทิวทัศน์ยามเย็นสวยงามมาก! มหาวิหารสวยงามมากและการตกแต่งภายในก็งดงาม น่าเสียดายที่ห้ามถ่ายรูป! มีกิจกรรมภายในโบสถ์และดูสักพัก ทิวทัศน์ภายนอกท้องฟ้าสีฟ้าในตอนเย็นพร้อมกับพระอาทิตย์ตกสวยงามราวกับภาพวาด!

นั่งรถไฟ 2480 จากสถานีรถไฟ Termini โรม ใช้เวลาสองชั่วโมงก็ถึงอัสซีซีประมาณสิบโมงเช้า ที่ตั้งของจังหวัดนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นใจกลางเมืองอิตาลีเพราะติดกับทัสคานาเท่าไหร่แสงก็ถูกปกคลุมด้วยหลัง ที่นี่และทัสคานามีเนินเขาขึ้นและลงหมู่บ้านแปลกตาทิวทัศน์กว้างใหญ่และเมืองโบราณยุคกลางดั้งเดิมและแน่นอนว่ามีอาหารที่น่ารับประทาน พื้นที่นี้เคยเป็นของชาวเวงบริเรียและอีเทอร์รูเรียก่อนคริสต์ศักราชและต่อมาถูกยึดครองโดยชาวโรมันและต่อมาได้ประสบความเสื่อมโทรมจากการรุกรานของชาติพันธุ์หลายศตวรรษต่อมาในศตวรรษกลางซึ่งถูกปกครองโดยจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอาจเป็นเพราะประเพณีของคาทอลิก นักบุญคาทอลิกมากมายเกิดที่นี่เข้าสู่ศตวรรษที่ 16 กับการพัฒนาของอุตสาหกรรมและธุรกิจและการเกิดขึ้นของทุนนิยมโทสคานาที่อยู่ใกล้เคียงได้ยึดเอาลมของเวงบรีเรียที่เปล่งประกายจากที่นั่นส่องสว่างยุโรปทั้งหมด แน่นอนการล่มสลายของเวงบรียังทําให้เมืองโบราณยุคกลางหลายแห่งได้รับการอนุรักษ์ไว้ ไซซี่เป็นภาพย่อของโอเวอร์บรีอาเมริกันแต่สิ่งที่โดดเด่นกว่าคือที่นี่เป็นบ้านเกิดของซานฟรานซิสโกนักบุญคาทอลิก เกี่ยวกับชื่อของเขามีหลายภาษาจีนแปลโดยตรงคือเซนต์ฟรานซิสโกดูเหมือนคุ้นเคยเล็กน้อย ใช่ซานฟรานซิสโกในสหรัฐอเมริกาคือซานฟรานซิสโกชื่อมาจากที่นี่ นี้เป็นเพราะชาวสเปนเชื่อในคาทอลิกและพวกเขาได้เปิดอาณานิคมไปยังอเมริกาซานฟรานซิสโกเป็นชื่อสถานที่ที่พบบ่อย เซนต์ฟรานซิโกเกิดในปี 1182 และเสียชีวิตในปี 1226 และอายุเพียง 44 ปี ในชีวิตระยะสั้นและตํานานของเขาชีวิตแรกเป็นเท็จแต่มันสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ของชีวิตในครึ่งหลังของเขา เกี่ยวกับการประเมินชีวิตของเขาในรายละเอียดและฉันจะไม่พูดในบทความนี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี 2000 โบสถ์ St. Francis Gothic โบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในอิตาลีสร้างขึ้นในปี 1361 ตัวโบสถ์มีโครงสร้างที่วิจิตรงดงามสร้างขึ้นบนเนินเขาประกอบด้วยโบสถ์บน โบสถ์ชั้นล่าง และสุสานที่ฝังศพของ St. Francisko และอารามที่แนบมา ชั้นล่างของโบสถ์มืดและทั้งหมดปกคลุมด้วยภาพวาดเปียกที่สวยงามจากมือที่มีชื่อเสียงเช่นเชมบูอี้มาร์ตินี่ อย่างไรก็ตามแสงภายในไม่เพียงพอคุณสามารถเพลิดเพลินกับแสงจํากัดและแสงเทียน ด้านขวาของพระวิหารหลักเป็นภาพพระพิฆเนศและด้านซ้ายคือชีวิตของพระฟางเจกซึ่งมีภาพพระแม่ลูกที่วาดโดยโรลันโซติเป็นคลาสสิก แม่พระจ้องมองหน้าพระฟางเจกและแสดงความรักที่รักมาก ว่ากันว่าภาพนี้ ยิ่ง สะดุดตา ยิ่งตอนพระอาทิตย์ตกดิน เลยเรียกอีกอย่างว่า “แม่พระตอนเย็น” บนแท่นบูชายังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเปียกหลายภาพซึ่งควรวาดตามบันทึก หนังสือ ของเหล่าสาวกโจท้อ และห้องเสื้อผ้าเล็กๆ ทางด้านขวายังเก็บไว้ด้วย โบสถ์ชั้นล่าง และที่สําคัญคือ ฟางเจกศักดิ์สิทธิ์ในห้องใต้ดิน และสุสานของเหล่าสาวกทั้งสี่พระองค์ ภายในยังมีหลวงพ่อที่ฟังการแก้แค้นและขอพรจากผู้หลงทาง หลุมฝังศพแห่งนี้เคยปิดไว้เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกล่วงละเมิดของใคร จนกระทั่งมีน้ําหนักหนักในปี พ.ศ. 1818

อาคารแบ่งเป็น 3 ชั้น ด้านล่างโบสถ์อยู่ใต้ดิน ทํามิสซาได้ ภาพเขียนสีน้ํามันในพระอุโบสถมี ได้แก่ เชมบูอี้ โจโต ซิมมอนนี่ ปิโตโรเลนเซติ ฯลฯ หรือแม้แต่ผลงานของปีเตอร์ ‧ โรคาวาลีนี่ สวยงามมาก เสียดายถ่ายรูปไม่ได้ ฟางจิโกเป็นนักบวชที่อ่อนน้อมถ่อมตนและเป็นครั้งแรกที่จูบกับผู้ป่วยโรคลมชัก ดูแลคนจนมากก่อน

เมืองเล็กๆ ในศตวรรษกลางแห่งนี้เป็นที่ตั้งของซานฟรานซิสโกผู้ก่อตั้งของฟางเจกส์และเซนต์คาร่า d'Assisi ผู้ก่อตั้งสภาสตรียากจน ในปี 2000 โบสถ์ใหญ่ของเซนต์ฟางจี้ในเมืองได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกและมีกําแพงที่สร้างขึ้นโดย Giotto ภาพวาด. ไม่ใช่เมืองใหญ่ที่สูงตระหง่านในเมฆ แต่มีท้องฟ้าอยู่ภายในเหมือนกัน ภายในไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป รู้สึกว่าทั้งโบสถ์สร้างภายในภูเขา การตกแต่งไม่หรูหรามาก แต่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ แม้จะไม่ใช่จิตรกรรมฝาผนังของโจทัวก็ควรค่าแก่การชม โบสถ์แห่งนี้ เป็นสถานที่ที่มีคนมากที่สุดในอาซีซีทั้งหมด แต่นักท่องเที่ยวที่ถ่ายรูปในจัตุรัสหน้าประตูมีลูกแมวสองหรือสามตัว ห้องน้ําในโบสถ์นี้มีราคา 0.6 ยูโร และผู้คนจะเข้าแถวเมื่อมีคนมากขึ้น

โบสถ์ใหญ่ของ San Francisco ใน Axi ส่วนใหญ่เป็นอาคารหินอ่อนสีกุหลาบซึ่งเพิ่มสีสันโรแมนติกในสายตาของฉัน โบสถ์ ⛪️ แบ่งออกเป็นสองชั้น ภาพวาดภายในสวยงามและงดงามเป็นพิเศษ