ปักหมุดที่เที่ยว “อุทยานแห่งชาติ” ยอดฮิตทั่วไทย ชีวิตนี้ต้องไปสักครั้ง

มาเติมเต็มความสดชื่นให้ร่างกายและจิตใจ ทิ้งความวุ่นวายของโลกภายนอก แล้วกลับไปหาธรรมชาติกันดีกว่า ขอแนะนำที่เที่ยวอุทยานแห่งชาติยอดนิยมให้คุณเตรียมตัวไปเที่ยวกันได้ทั้งปี เพราะประเทศไทยมีภูมิอากาศแบบร้อนชื้น ฤดูร้อนสิ้นสุดเดือน เม.ย. จากนั้นจะเข้าฤดูฝน 6 เดือน ซึ่งในช่วงรอยต่อระหว่างฤดูฝนกับฤดูหนาว เรียกได้ว่าเป็นฤดูใบไม้ร่วงของประเทศไทย เมื่อสิ้นสุดหน้าฝนแล้วจึงตามด้วยฤดูหนาวอีก 3 เดือน จึงทำให้ธรรมชาติมีความหลากหลายและมีแหล่งท่องเที่ยวกระจายในแต่ละภาคให้เที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะหน้าร้อน หน้าฝน หรือหน้าหนาวก็ไม่หวั่น และไม่ต้องห่วงว่าจุดหมายปลายทางของคุณจะใกล้หรือไกล เพราะทุกการเดินทางจะเป็นเรื่องง่ายที่ Trip.com

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของคนรักธรรมชาติ และเป็นแดนสวรรค์ของสัตว์ป่าน้อยใหญ่ ใครที่อยากดื่มด่ำกับอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางป่าเขากับเสียงนกร้อง ที่นี่ถือเป็นอันดับหนึ่งในใจใครหลายคน แถมยังเดินทางจากกรุงเทพฯ แค่ประมาณ 200 กม. เท่านั้น และยังมาเที่ยวได้ทุกฤดูกาลอีกด้วย

จองที่พักใกล้เขาใหญ่

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย อยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ปราจีนบุรี นครนายก และสระบุรี อุทยานแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวางและความอุดมสมบูรณ์ จึงมีวิวทิวทัศน์ที่หลากหลายและสวยงาม ทั้งป่าเขียวขจี ถ้ำ น้ำตก พรรณไม้ที่หาชมได้ยาก พร้อมทั้งเหล่าสัตว์ป่านานาชนิด

กิจกรรมที่ห้ามพลาดเมื่อมาถึงอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ก็คือการส่องนกหายาก อาทิ ไก่ฟ้า นกเงือก นกโกโรโกโส และนกอีกมากมายกว่า 282 ชนิด ซึ่งพบมากในบริเวณผากล้วยไม้ น้ำตกเหวสุวัต หนองผักชี ค่ายหมอบุญส่ง และอีกหลายพื้นที่ในอุทยาน อีกหนึ่งไฮไลต์ของสายลุยก็คือการกางเต็นท์นอนชมดาวท่ามกลางธรรมชาติ หากมาในเดือน พ.ย. ถึง ก.พ. ก็จะได้สัมผัสลมหนาวโดยไม่ต้องไปไกลถึงภาคเหนือ

น้ำตกเหวสุวัต

นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางขึ้นอุทยานได้ 2 ทาง ได้แก่ ด่านปากช่อง จ.นครราชสีมา และด่านเนินหอม จ.ปราจีนบุรี ซึ่งสามารถขับรถขึ้นได้สะดวกทั้งสองทาง ด่านเปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 6:00-18:00 โดยมีค่าเข้าอุทยาน ดังนี้

ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน

ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท (คนไทย)

ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท (คนต่างชาติ)

ผู้สูงอายุและผู้พิการ ไม่เสียค่าบริการ

เวลาด่านเปิดทำการ :

ทุกวัน 06:00 - 18:00 น.

ที่ตั้ง :

ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว, ตู้ปณ. 9, ตำบลหมูสี, อำเภอปากช่อง, จังหวัดนครราชสีมา 30130

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์

หมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา เป็นหมู่เกาะในทะเลอันดามันที่ขึ้นชื่อเรื่องแนวปะการังน้ำตื้นขนาดใหญ่ที่สวยงามและสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ถือเป็นอีกหนึ่งสุดยอดแหล่งดำน้ำที่นักดำน้ำตื้นต้องมาสัมผัสสักครั้งในชีวิต มีทั้งปะการังหลากหลายสายพันธุ์ กัลปังหา ดอกไม้ทะเล และเหล่าปลาสวยงามตระการตารวมถึงปลาหายาก เช่น ปลานกแก้ว ปลาสิงโต ปลานกขุนทอง และปลาการ์ตูน เป็นต้น และถ้าโชคดีก็มีโอกาสได้พบเห็นฉลามวาฬกับปลากระเบนราหูที่พบได้ไม่บ่อยนัก

หมู่เกาะสุรินทร์ประกอบด้วยเกาะสำคัญ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะไข่ เกาะกลาง และเกาะรี นอกจากนี้ยังมีเกาะเล็กเกาะน้อยและแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง เช่น อ่าวช่องขาด อ่าวสุเทพ อ่าวจาก อ่าวเต่า กองหินริเซริล และหมู่บ้านชาวมอแกน เป็นต้น แนะนำให้เริ่มต้นทริปที่เกาะสุรินทร์เหนือ เพราะเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ลานกางเต็นท์ ร้านอาหาร และจุดจอดเรือเพื่อไปดำน้ำยังเกาะต่างๆ

หมู่เกาะสุรินทร์เปิดฤดูท่องเที่ยวทุกปีตั้งแต่กลางเดือน ต.ค. จนถึงกลางเดือน พ.ค. จากนั้นจะปิดเกาะในฤดูฝน เพราะเป็นฤดูมรสุมที่มีฝนตกหนักและคลื่นลมแรง

การเดินทางที่รวดเร็วที่สุดจากกรุงเทพฯ คือโดยสารเครื่องบินกรุงเทพ-ภูเก็ต จากนั้นต่อรถไปยังท่าเรือบ้านน้ำเค็มหรือท่าเรือคุระบุรี จ.พังงา แล้วนั่งเรือสปีดโบ๊ทมายังหมู่เกาะสุรินทร์

จองที่พักใกล้

ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน

ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท (คนไทย)

ผู้ใหญ่ 500 บาท เด็ก 250 บาท (คนต่างชาติ)

เวลาเปิดทำการ :

ทุกวัน 7:30-20:30 น.

ที่ตั้ง :

ต.คุระ, อ.คุระบุรี, พังงา 82150

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

ดอยอินทนนท์เป็นจุดที่สูงที่สุดในประเทศไทย ทิวทัศน์เป็นเขาสลับซับซ้อน มีทะเลหมอกกว้างใหญ่โอบล้อม ป่าอุดมสมบูรณ์ และน้ำตกสวยงามตระการตา ฤดูที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวมากที่สุดคือฤดูหนาว ในเดือน ธ.ค.-ม.ค. คุณจะได้สัมผัสอากาศเย็นจับใจ พร้อมวิวทะเลหมอกกว้างไกลบรรจบเส้นขอบฟ้า และในช่วงเช้าที่อุณหภูมิติดลบก็มีโอกาสเห็นน้ำค้างแข็งหรือแม่คะนิ้งอีกด้วย ส่วนฤดูฝนก็มีบรรยากาศสดชื่น มีสายหมอกปะทะละอองฝนที่งดงามอย่างลงตัว จึงสามารถมาเที่ยวได้เกือบทั้งปี เว้นแต่ควรหลีกเลี่ยงฤดูร้อนในเดือน มี.ค.-เม.ย. เนื่องจากอากาศร้อนและแห้ง

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในเขต อ.จอมทอง อ.แม่แจ่ม อ.แม่วาง และ อ.ดอยหล่อ เมื่อไปถึงจะเห็นพระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริตั้งตระหง่านอยู่บนยอดดอย รายล้อมด้วยสวนดอกไม้และทิวทัศน์อันงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ บริเวณโดยรอบมีแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมหลากหลายให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศธรรมชาติ เช่น กิ่วแม่ปาน อ่างกา น้ำตกแม่กลาง น้ำตกแม่ยะ น้ำตกสิริธาร และมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรมอีกหลายแห่ง เช่น การปลูกพืชแบบขั้นบันไดที่หมู่บ้านแม่กลางหลวง ป่าบงเปียง และศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ เป็นต้น

การเดินทางที่รวดเร็วที่สุด คือโดยสารเครื่องบินจากสนามบินดอนเมืองหรือสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งบินตรงถึงสนามบินเชียงใหม่ในเวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงกว่าเท่านั้น หรืออีกหนึ่งช่องทางในราคาสบายกระเป๋า คือนั่งรถไฟตู้นอนออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพง-สถานีรถไฟเชียงใหม่

ดอยอินทนนท์เปิดให้บริการเวลา 5:00-18:00 ซึ่งนอกเหนือจากเวลานี้จะไม่สามารถเข้าออกได้ ดังนั้นหากอยากชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกให้ทันเวลา แนะนำให้พักใน อ.จอมทอง แล้วค่อยขึ้นดอยในช่วงเช้าหรือจะพักค้างคืนในอุทยานก็ได้เช่นเดียวกัน

ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน

ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 30 บาท (คนไทย)

ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาท (คนต่างชาติ)

เวลาเปิดทำการ :

ทุกวัน 5:00-18:00 น.

ที่ตั้ง :

หมู่ 7, ต.บ้านหลวง, อ.จอมทอง, จ.เชียงใหม่ 50160

อุทยานแห่งชาติเขาสก

อุทยานแห่งชาติเขาสกเป็นป่าที่ยิ่งใหญ่สุดอลังการในภาคใต้ มีทิวทัศน์งดงามโอบล้อมรอบด้าน ทั้งพื้นที่ป่า ภูเขา ทะเลสาบ และถ้ำ ให้คุณทำกิจกรรมได้อย่างจุใจ ทั้งการเดินป่า ชมนก ชมไม้ ล่องแพ พายเรือ และกิจกรรมสนุกๆ อีกเพียบ อุทยานแห่งชาติเขาสกมี 2 ส่วน ส่วนแรกคือบริเวณเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน อยู่ทางตอนเหนือของอุทยานแห่งชาติเขาสก เป็นแหล่งทำกิจกรรมทางน้ำ เช่น พายเรือคายัก ล่องเรือชมเขื่อน ล่องห่วงยาง ล่องแพไม้ เมื่อมาถึงจุดนี้ต้องแวะถ่ายรูปกับเขาสามเกลอที่ได้ชื่อว่าเป็นกุ้ยหลินเมืองไทย ส่วนที่สองคืออุทยานแห่งชาติเขาสก ภายในอุทยานมีน้ำตกเล็กใหญ่หลายแห่ง เช่น น้ำตกธารสวรรค์และน้ำตกโตนกลอย เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแหล่งเดินป่าศึกษาเส้นทางธรรมชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช หากใครมาที่นี่ต้องแวะถ่ายรูปคู่กับดอกบัวผุด ซึ่งเป็นดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและบานเพียงปีละครั้งเท่านั้น พบได้ในช่วงเดือน พ.ค.-ธ.ค.

การเดินทางมาที่อุทยานแห่งชาติเขาสก สามารถใช้บริการรถสาธารณะได้หลายวิธีเพื่อมาที่ จ.สุราษฎร์ธานี เช่น รถไฟกรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานี หรือรถไฟจากสถานีรถไฟพุนพิน จากนั้นนั่งรถประจำทางสายสุราษฎร์ธานี-ตะกั่วป่า–ภูเก็ต นอกจากนี้ยังสามารถขึ้นรถทัวร์จากสถานีขนส่งสายใต้มาที่สุราษฎร์ธานี เมื่อถึงสุราษฎร์ธานีแล้ว ขึ้นรถสายสุราษฎร์ธานี-ภูเก็ต บนทางหลวงหมายเลข 401 ซึ่งจะผ่านทางเข้าอุทยานและสามารถเช่ารถรับจ้างเข้าไปข้างในได้เลย

จองที่พักใกล้

ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน

ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท (คนไทย)

ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท (คนต่างชาติ)

เวลาเปิดทำการ :

ทุกวัน 7:00-19:00 น.

ที่ตั้ง :

ต.คลองศก, อ.พนม, จ.สุราษฎร์ธานี

อุทยานแห่งชาติผาแต้ม

เมื่อพูดถึงอุทยานแห่งชาติผาแต้ม สิ่งแรกที่ใครหลายคนนึกถึงก็คือ ผาชะนะได ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์แสงแรกของประเทศไทย ภาพแสงสีทองอร่ามบนทะเลหมอกกว้างใหญ่เป็นภาพตรึงใจที่ต้องแวะมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง และที่บริเวณนี้ยังสามารถชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำโขงและประเทศลาวได้อย่างชัดเจนอีกด้วย อีกหนึ่งไฮไลต์ที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม คือภาพเขียนสีโบราณที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย มีอายุไม่ต่ำกว่า 3,000-4,000 ปี เป็นภาพเขียนรูปคน สัตว์ วัตถุ และรูปทรงเรขาคณิต ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาด

อุทยานแห่งชาติผาแต้มมีลักษณะทางธรณีวิทยาที่โดดเด่น โดยเฉพาะเสาเฉลียงที่มีลักษณะเป็นหินทรายอายุหลายร้อยล้านปี เกิดจากสภาพดินฟ้าอากาศและพายุฝนกัดเซาะเป็นเวลานานจนมีรูปร่างสวยแปลกตา ภายในอุทยานยังมีน้ำตกที่สวยงามอีกหลายแห่ง เช่น น้ำตกแสงจันทร์หรือน้ำตกลงรู โดยสายน้ำจะไหลลงมาผ่านรูหิน เกิดเป็นละอองน้ำฟุ้งกระจาย และน้ำตกสร้อยสวรรค์ที่มีจุดเด่นคือแอ่งน้ำรูปทรงแปลกตา และหากเป็นช่วงต้นฤดูหนาวจะมีดอกไม้บานหลากสีสันไปทั่วบริเวณ

ฤดูกาลท่องเที่ยวสำหรับอุทยานแห่งชาติผาแต้ม สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ซึ่งเวลาในการขึ้นและลงจะแบ่งเป็นรอบ โดยเริ่มตั้งแต่ 4:30 จนถึงรอบสุดท้ายในเวลา 18:00 และสามารถพักค้างคืนในอุทยานได้

การเดินทางที่สะดวกที่สุด คือโดยสารเครื่องบินจากกรุงเทพ-อุบลราชธานี และเดินทางด้วยรถยนต์มาที่ อ.โขงเจียม จากนั้นเข้ามาที่อุทยานแห่งชาติและจอดรถที่หน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวได้เลย

ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน

ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท (คนไทย)

ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท (คนต่างชาติ)

เวลาเปิดทำการ :

ทุกวัน 4:30-18:00 น.

ที่ตั้ง :

ต.ห้วยไผ่, อ.โขงเจียม, จ.อุบลราชธานี 34220

อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ

ยอดเขาคิชฌกูฏเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทพลวงและหินลูกพระบาท เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยทั่วประเทศหลั่งไหลมาสักการะทุกปี เชื่อกันว่าใครที่ได้มานมัสการรอยพระพุทธบาทบนเขาคิชฌกูฏ เสมือนได้เฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะได้บุญกุศลอันยิ่งใหญ่และมีแต่ความสุขความเจริญ จึงมีการจัดงานนมัสการรอยพระพุทธบาทเป็นประจำทุกปี โดยฤดูกาลท่องเที่ยวประจำปีจะเริ่มในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 จนกระทั่งทำพิธีปิดเขา (เปิดให้ขึ้นประมาณ 2 เดือน) นอกเหนือจากนี้ไม่สามารถขึ้นเขาได้ ซึ่งทางวัดจะมีการบวงสรวงและประกาศวันเปิดอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำจันทบุรีและน้ำตกกระทิง สภาพแวดล้อมเป็นป่าดิบเขา ป่าดิบชื้น ป่าไม้ผลัดใบ มีสมุนไพร กล้วยไม้นานาชนิด และพืชหายาก เช่น ไม้กฤษณา และเนื่องจากเป็นป่าสูงชันจึงมีสัตว์ป่าชุกชุม เช่น กระทิง เสือ หมี เก้ง และนกชนิดต่างๆ

การเดินทางจากกรุงเทพไปจันทบุรี สามารถเดินทางได้ทั้งรถทัวร์และรถตู้ เมื่อถึงวัดพระบาทพลวงต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดรถ เนื่องจากทางขึ้นเขามีความลาดชันมาก วิธีที่จะขึ้นไปถึงยอดเขาได้มี 2 วิธี คือการเดินเท้าขึ้นไป ซึ่งใช้เวลาประมาณ 7-8 ชั่วโมง หรือการนั่งรถโฟร์วีลที่ทางวัดจัดไว้บริการ

ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน

ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท (คนไทย)

ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท (คนต่างชาติ)

เวลาเปิดทำการ :

ส่วนอุทยานเปิดทุกวัน 8:00-16:30 น. แต่เปิดให้ขึ้นยอดเขาคิชฌกูฏเฉพาะช่วงเทศกาลประจำปีเท่านั้น

ที่ตั้ง :

อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ, ต.พลวง, อ.เขาคิชฌกูฏ, จ.จันทบุรี 22210

อุทยานแห่งชาติตะรุเตา

อุทยานแห่งชาติตะรุเตา เป็นแดนสวรรค์ของคนรักทะเล ด้วยท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์และธรรมชาติอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ภูเขา ทะเล ป่าชายเลน ป่าชายหาด ป่าพรุ และยังมีแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ และสัตว์ทะเลหายากหลายสายพันธุ์ ที่นี่จึงเปรียบเสมือนขุมทรัพย์แห่งทะเลอันดามัน และได้เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของประเทศไทย อีกทั้งยังได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียนอีกด้วย อุทยานแห่งชาติตะรุเตาแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ หมู่เกาะตะรุเตาและหมู่เกาะอาดัง-ราวี ซึ่งมีเกาะจำนวนรวมกันมากถึง 51 เกาะ และมีเกาะขนาดใหญ่ทั้งหมด 7 เกาะ ได้แก่ เกาะตะรุเตา เกาะอาดัง เกาะราวี เกาะหลีเป๊ะ เกาะกลาง เกาะบาตวง และเกาะบิสสี

อุทยานแห่งชาติตะรุเตาเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวตั้งแต่ 16 พ.ย.- 15 พ.ค. ของทุกปี เนื่องจากเดือน มิ.ย.-ต.ค. เป็นฤดูมรสุมที่มีฝนตกและคลื่นลมแรง

ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน

ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท (คนไทย)

ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท (คนต่างชาติ)

เวลาเปิดทำการ :

8:00-18:00 น. เฉพาะฤดูกาลท่องเที่ยว วันที่ 16 พ.ย.-15 พ.ค. ของทุกปี

ที่ตั้ง :

หมู่ 2, ต.ปากน้ำ, อ.ละงู, จ.สตูล 91110

อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด

เกาะเสม็ด อีกหนึ่งที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก เกาะเสม็ดเป็นเกาะในอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ลักษณะของเกาะเป็นรูปสามเหลี่ยม จึงมีอ่าวและชายหาดเรียงรายกันเป็นแนวยาว นักท่องเที่ยวนิยมมานอนพักผ่อน เล่นน้ำ หรือกิจกรรมทางน้ำ เช่น เจ็ตสกี เรือใบ บานาน่าโบ๊ท อีกทั้งยังมีกิจกรรมแบบ One Day Trip ที่จะพาคุณขึ้นเรือเที่ยวชมรอบเกาะ แวะดำน้ำดูปะการังที่เกาะทะลุ เกาะถ้ำค้างคาว และแวะถ่ายรูปกับทะเลแหวกอันโด่งดังที่เกาะกรวย นอกจากเที่ยวทะเลกันจุใจแล้ว อีกจุดไฮไลต์สำคัญสำหรับคนรักการถ่ายรูปก็คือเขาแหลมหญ้า นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายรูปสะพานไม้ทอดยาวกับแนวหินสีขาวโพลนริมหาด และบริเวณนี้ยังเป็นจุดกางเต็นท์ยอดนิยมอีกด้วย

เกาะเสม็ดอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ จึงมีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติจำนวนมากโดยเฉพาะในช่วงวันหยุด หลายครั้งที่ประสบปัญหาเรื่องที่พักเต็มจึงควรจองที่พักล่วงหน้า

การเดินทางไปยังเกาะเสม็ด สามารถใช้บริการรถโดยสารประจำทางจากกรุงเทพ-บ้านเพ, กรุงเทพ-ระยอง-บ้านเพ หรือรถตู้กรุงเทพ-ระยอง จากนั้นมาลงเรือโดยสารที่ท่าเรือบ้านเพไปยังท่าเรือเกาะเสม็ด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที หรือสามารถใช้บริการเรือสปีดโบ๊ทได้

ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน

ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท (คนไทย)

ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท (คนต่างชาติ)

เวลาเปิดทำการ :

ทุกวัน 8:00-17:00 น.

ที่ตั้ง :

อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด, ต.เพ, อ.เมือง, จ.ระยอง 21160

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

อุทยานแห่งชาติภูกระดึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตตลอดกาลที่นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาปีละหลายหมื่นคน และได้ชื่อว่าเป็นบทพิสูจน์กายและใจ ด้วยเส้นทางเดินเท้ากว่า 9 กม. และเป็นทางขึ้นเขาถึง 5 กม. เส้นทางไกลอันสูงชันนี้ ถึงแม้เป็นอุปสรรคสุดโหด แต่ทุกคนล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นความเหนื่อยที่คุ้มค่าและต้องมาให้ได้สักครั้งในชีวิต

อุทยานแห่งนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.- 31 พ.ค. ของทุกปี จุดเช็คอินหนึ่งที่ห้ามพลาดก็คือ ผานกแอ่น ซึ่งเป็นจุดชมทะเลหมอกพร้อมกับพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยสดงดงามมาก และยังมีจุดชมวิวสวยๆ อีกหลายแห่ง เช่น ผาหล่มสัก ผาหมากดูก ผาเหยียบเมฆ และมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติชื่อดังอีกเพียบ เช่น สระอโนดาด น้ำตกโผนพบ น้ำตกเพ็ญพบใหม่ และน้ำตกถ้ำใหญ่ ส่วนใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศที่เที่ยวฤดูใบไม้ร่วง แนะนำให้มาในช่วงเดือน ธ.ค.-ก.พ. เนื่องจากต้นเมเปิลจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงทั้งต้น เป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจอย่างแน่นอน

การเดินทางไปภูกระดึง แนะนำให้โดยสารเครื่องบินไปยังสนามบินจังหวัดเลย จากนั้นให้ต่อรถ บขส. จากเมืองเลยไปที่ บขส. ภูกระดึง แล้วขึ้นรถสองแถวไปที่อุทยาน ซึ่งอุทยานจะเปิดให้ขึ้น-ลง วัน จ.-พฤ. เวลา 06:00-13.00 ส่วนวัน ศ.-อา. เวลา 05:30-13:00 หลังจากเวลา 13:00 น. จะไม่อนุญาตให้ผ่านขึ้นเขาทุกกรณี เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางในเวลาค่ำ เนื่องจากต้องใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง

ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน

ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท (คนไทย)

ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท (คนต่างชาติ)

ค่าบริการลูกหาบสัมภาระ กิโลกรัมละ 30 บาท

เวลาเปิดทำการ :

วันจันทร์-พฤหัสบดี 6:00-13:00 น. วันศุกร์-อาทิตย์ 5:30-13:00 น. เฉพาะฤดูกาลท่องเที่ยว วันที่ 1 ต.ค.- 31 พ.ค. ของทุกปี

ตั้งอยู่ที่ :

ต.ศรีฐาน, อ.ภูกระดึง, จ.เลย 42180

FAQเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ