ประเทศญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีนักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะคนไทย แต่จะเดินทางไปต่างประเทศ สิ่งหนึ่งที่สำคัญและขาดไม่ได้ก็คือการสื่อสาร เพราะเมื่อเราเดินทางออกจากประเทศไทยแล้ว เลขหมายหรือบริการอินเทอร์เน็ตที่เคยใช้ในไทย จะไม่สามารถใช้งานได้ในทันที eSim ญี่ปุ่น จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เมื่อคุณเดินทางไปเที่ยวยังประเทศญี่ปุ่นค่ะ
- จุดหมายปลายทางญี่ปุ่น
- เน็ต500MB/วัน
- กำหนดเวลา1วัน
- ราคา31.90บาท
- จุดหมายปลายทางญี่ปุ่น
- เน็ต1GB/วัน
- กำหนดเวลา3วัน
- ราคา139.00บาท
- จุดหมายปลายทางญี่ปุ่น
- เน็ต1GB/วัน
- กำหนดเวลา7วัน
- ราคา245.00บาท
eSim ญี่ปุ่น คืออะไร
eSim ญี่ปุ่น ต่างจากซิมการ์ดทั่วไปตรงที่ eSim จะเป็นซิมอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะติดตั้งอยู่ภายในโทรศัพท์มือถือ โดยที่ไม่ต้องถอดสับเปลี่ยนซิมการ์ด แต่โทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นๆ จะต้องรองรับการใช้งาน eSim ด้วย
ค่าธรรมเนียม eSim ญี่ปุ่น
Trip.com มีแพ็กเกจ eSim ให้นักท่องเที่ยวใช้งานอย่างหลากหลาย ออกแบบมาเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวในญี่ปุ่นโดยเฉพาะ สำหรับการเข้าพักระยะสั้น หรือผู้ที่มีต้องการใช้งานข้อมูลสูง ก็จะมีแผนใช้งานแบบไม่จำกัด ให้เลือกใช้อยู่เหมือนกัน โดยราคาก็จะแตกต่างออกไป ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ต้องการใช้และระยะเวลาในการเข้าพัก โดยแพ็กเกจจะเป็นดังนี้
- ใช้งานไม่จำกัด 3 วัน 118 บาท
- ใช้งานไม่จำกัด 7 วัน 216 บาท
- ใช้งานไม่จำกัด 12 วัน 331 บาท
โดยสามารถเลือกใช้บริการตามความต้องการได้อย่างยืดหยุ่น ตลอดการเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น และ eSim ยังเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกยอดฮิต ที่นักท่องเที่ยวนิยมเลือกใช้อีกด้วย
วิธีการตั้งค่า eSim ญี่ปุ่น
ก่อนจะเริ่มต้นใช้ eSim ญี่ปุ่น ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่า โทรศัพท์มือถือของคุณรองรับการใช้งาน eSim หรือไม่
การติดตั้ง
- ตรวจสอบ QR Code ที่ได้รับทางอีเมล เพื่อเปิดใช้งาน eSim ญี่ปุ่น
- เปิด Setting บนสมาร์ทโฟนและเลือกข้อมูลมือถือ (iOS) หรือ การจัดการซิมการ์ด (Android)
- เลือกเพิ่มแผนบริการข้อมูลมือถือ และสแกน QR Code ที่ได้รับ หลังจากนั้นทำการติดตั้งให้เสร็จสมบูรณ์
วิธีการใช้งาน
- หลังจากติดตั้ง eSim เรียบร้อยแล้ว ให้ทำการปิดใช้งานซิมการ์ดบนเครื่องของคุณ
- เปิด Data Roaming เพื่อเริ่มใช้งานอินเทอร์เน็ต
- หากต้องการปิดใช้งาน ให้เข้าไปที่ Setting และไปที่ ข้อมูลมือถือ (iOS) หรือ การจัดการซิมการ์ด (Android) และเปลี่ยนเป็นปิด เพื่อทำการปิดใช้งาน eSim
✨ 1. ติดตั้งผ่าน QRcode
2. ติดตั้งด้วยตนเอง
3.เลือกแผน
4.วิธีการใช้งานแผน eSim
👇รุ่นที่เกี่ยวข้อง:
หากคุณกำลังวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่น eSim ญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่คุณไม่ควรลืมที่จะซื้อหรือเปิดใช้งานก่อนเดินทางเลย เพราะปัจจุบัน การเดินทางไม่ว่าไปที่ประเทศไหนก็แล้วแต่ จำเป็นต้องใช้อินเทอร์เน็ต เพื่อดูสถานที่ท่องเที่ยว รถไฟ โรงแรม ร้านอาหาร หรือแม้แต่การสแกนจ่ายเงินในการจับจ่ายใช้สอยต่างๆ ถ้าเกิดว่าไม่มีอินเทอร์เน็ต การเที่ยวในทริปนั้นของคุณอาจจะไม่สะดวกขึ้นมาได้ ดังนั้น eSim ญี่ปุ่น จะเป็นตัวช่วยดีๆ ที่ทำให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตตลอดการเดินทางของคุณสะดวกสบายและราบรื่นแน่นอนค่ะ
เปรียบเทียบผู้ให้บริการ eSim ญี่ปุ่น
ผู้ให้บริการ eSim ญี่ปุ่น | รายละเอียด |
eSim Japan | ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ $5.36 - $30.86 ในระยะเวลา 3-12 วัน โดยสามารถใช้ข้อมูลได้แบบไม่จำกัด สามารถติดต่อกับผู้ให้บริการหากเกิดปัญหาการใช้งานได้ทั้งในรูปแบบอีเมลและกรอกแบบฟอร์มเว็บไซต์ |
Mobal | ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ $17.24 - $44.00 สำหรับ 8, 16 และ 31 วัน โดยจะมีแพ็กเกจตั้งแต่ 1GB, 3GB, 30GB และ 50GB เริ่มต้นใช้งานโดยการกดลิงก์จากอีเมล |
Airalo | ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ $6.04 - $34.90 สำหรับ 7-30 วัน จะส่งลิงก์ที่ไปยัง QR Code หลังจากสั่งซื้อเสร็จสิ้น หากติดปัญหาการใช้งาน สามารถติดต่อผ่านแชทออนไลน์หรือกรอกแบบฟอร์มเว็บไซต์ |
Sakura Mobile | ราคาเริ่มต้นที่ $17.96 สำหรับ 1GB 3 วัน โดยสามารถเปิดใช้งานผ่านอีเมลที่ส่งให้ activated |
Ubigi | ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ $3.23 - $87.10 แพ็กเกจเริ่มต้น 500MB ต่อ 1 วัน ไปจนถึง 50GB ต่อ 1 เดือน |
SoftBank | ราคาเริ่มต้น $12.11 - $43.61 สำหรับแพ็กเกจ 5-15 วัน โดยสามารถเปิดใช้งานได้หลังจากได้รับ QR Code ยืนยัน |
Frewie | ราคาเริ่มต้น $15.66 - $107.27 สำหรับ 5-30 วัน เปิดใช้งานผ่าน QR Code |
เคล็ดลับในการเลือก eSim ญี่ปุ่น
- ราคาจับต้องได้ เหมาะสมแล้วหรือเปล่า? ก่อนที่จะเลือก eSim ญี่ปุ่นมาใช้สำหรับการเดินทางในทริปนี้ สิ่งต้องพิจารณาเป็นอย่างแรกเลยก็คือราคา เพราะ eSim แต่ละแพ็กเกจนั้น มีราคาต่างกันไปตามจำนวนและระยะเวลาในการใช้งาน แต่ถ้าจะให้คุ้มที่สุด ก็ต้องสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้เต็มแม็กตลอดระยะเวลาที่เดินทางในญี่ปุ่น ใช้งานได้คล่อง สะดวก แต่ราคาไม่แพง สามารถจ่ายไหว และสมเหตุสมผล
- ความจุของข้อมูลเพียงพอต่อการใช้งานไหม? ปัจจัยสำคัญหลักๆ นอกจากราคาของแพ็กเกจแล้วยังเป็นขนาดความจุของอินเทอร์เน็ตที่สามารถใช้งานได้ในแพ็กเกจที่เลือกมา หลายคนเลือกมาแค่พอใช้งาน ส่วนหลายคนก็เลือกแบบ Unlimited ไปเลย เพื่อความแน่ใจ ดังนั้น ควรเลือกความจุให้พอดีกับการใช้งานในตลอดระยะเวลาของทริปคุณ
- มีรีวิวดีไหม? หากต้องการใช้งานแบบไม่มีสะดุด ก่อนหน้าที่จะซืัอแพ็กเกจ ควรอ่านรีวิวของผู้ใช้งานก่อนหน้าว่ามันมีคุณภาพและน่าเชื่อถือหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง แต่ถ้าจะให้ดี ดูรีวิวการใช้งานแบบมี Support ด้วย เวลาเกิดปัญหา จะได้มีคนช่วยเหลือได้
ความแตกต่างระหว่าง eSim และ ซิมการ์ด
ทั้ง eSim และซิมการืด ต่างก็ใช้งานเพื่อสื่อสารกันในต่างประเทศ แม้ว่าจะคล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่หลายอย่าง เพราะซิมการ์ด จะเป็นการ์ดพลาสติกที่เสียบในช่องใส่ซิมการืดของสมาร์ทโฟน หากต้องการจะใช้แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตต่างประเทศ ในประเทศนั้นๆ จำเป็นต้องถอดเปลี่ยนซิมการ์ดที่ใช้งานอยู่
ตัดมาที่ eSim จะเป็นซิมอิเล็กทรอนิกส์ ที่ติดตั้งอยู่ภายในเครื่อง ไม่จำเป็นต้องถอดซิมการ์ดเพื่อสับเปลี่ยน ง่าย สะดวก และไม่มีปัญหา หากซิมการ์ดหายด้วย
3 ข้อดี ของการใช้ eSim ญี่ปุ่น
- สามารถใช้งานได้ทันทีที่มาถึงญี่ปุ่น
ข้อดีหนึ่งอย่างของ eSim ญี่ปุ่น คือคุณสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ทันทีที่มาถึงสนามบินญี่ปุ่น เพราะถ้าเกิดเป็นซิมการ์ดในแบบเดิมๆ เมื่อมาถึงสนามบิน คุณจะต้องทำการเปลี่ยนซิมการ์ดก่อน ถึงจะสามารถใช้งานได้ แต่ eSim สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายได้ทันที ถ้าคุณทำการติดตั้งล่วงหน้ามาแล้ว - ไม่ต้องกลัวซิมการ์ดสูญหาย
ซิมการ์ดในปัจจุบัน จะมีขนาดเล็กมากๆ ถ้าเกิดจำเป็นต้องเปลี่ยนสลับ มีโอกาสที่จะทำซิมการ์ดสูญหายได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าใช้ eSim ที่เป็นซิมการ์ดอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ซิมหายอย่างแน่นอน - สามารถใช้ Dual Sim ได้
ถ้าเกิดใช้ eSim คุณจะสามารถใช้ Dual Sim ได้ นั่นก็คือ คุณสามารถใช้ 2 เครือข่ายบนสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวได้เลย
3 ข้อเสีย ของการใช้ eSim ญี่ปุ่น
- อุปกรณ์ที่ใช้ได้ มีจำกัด
eSim จำเป็นต้องใช้สมาร์ทโฟนที่รองรับ eSim เท่านั้น ถึงจะสามารถใช้งานได้ - ใช้บนอุปกรณ์หลายๆ เครื่องไม่ได้
eSim จะไม่สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือหลายๆ เครื่องได้ เพราะ 1 eSim เชื่อมต่อได้ทีละ 1 อุปกรณ์ - ใช้หมายเลขโทรศัพท์ไม่ได้ eSim ญี่ปุ่น คุณจะไม่ได้รับหมายเลขโทรศัพท์ จะทำได้เพียงใช้งานอินเทอร์เน็ตเท่านั้น