โตเกียวเป็นมหานครแห่งความความหลากหลาย เมืองหลวงแห่งนี้เรียงรายไปด้วยตึกสูงเสียดฟ้า แต่ทว่ากลับมีศาลเจ้าโบราณที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมเงียบสงบ ประวัติศาสตร์สะท้อนผ่านหมอกควันธูปของวัดเซ็นโซจิ ขณะที่ชีพจรของชิบูย่าเต้นระรัวในยามค่ำคืน สวนอุเอโนะในฤดูใบไม้ผลิเต็มไปด้วยดอกซากุระบานสะพรั่ง ส่วนในฤดูร้อน ตรอกซอกซอยในชินจูกุจะอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของยากิโทริ ชีวิตยามค่ำคืนจะเริ่มคึกคักขึ้นเมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง และเมื่อฤดูหนาวมาเยือน นักท่องเที่ยวจะหลั่งไหลไปยังภูเขาฟูจิที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน รออะไรอยู่ล่ะ? มาสัมผัสเสน่ห์สี่ฤดูแห่งโตเกียวที่ครองหัวใจผู้คนมาแล้วนับไม่ถ้วนกัน
1. สงบจิตใจที่วัดและตรอกซอกซอยอันเงียบสงบยามเช้า สัมผัสบรรยากาศยามเช้าอันเงียบสงบที่วัดเซ็นโซจิในอาซากุสะ วัดเก่าแก่ที่สุดของโตเกียวที่มีประตูสีแดงและกลิ่นธูปกรุ่นเป็นเอกลักษณ์ จากนั้นเดินเล่นที่ถนนนากามิเสะ (Nakamise-dori) ชิมโมจิสดหรือเลือกซื้อเครื่องราง แล้วมุ่งหน้าไปยานากะ (Yanaka) เดินเตร็ดเตร่ในตรอกแคบๆ ที่เรียงรายไปด้วยบ้านไม้เก่า วัดเล็กๆ และร้านน้ำชาใต้ร่มเงาต้นไม้ เป็นมุมเงียบสงบของโตเกียวที่เหมาะกับการหลบหนีจากความวุ่นวาย แนะนำให้ไปถึงวัดเซ็นโซจิก่อน 7 โมงเช้าและพกผ้าพันคอเบาๆ กันลมไปด้วย 2. ตื่นตาตื่นใจกับแสงสีแห่งโตเกียว เดินฝ่าคลื่นฝูงชนที่แยกชิบูย่าท่ามกลางแสงไฟนีออนที่สว่างไสว จากนั้นขึ้นไปชมวิวที่ดาดฟ้า Mag’s Park ในบริเวณใกล้กันเป็นที่ตั้งของย่านอากิฮาบาระ ดินแดนแห่งเกม อนิเมะ และเมดคาเฟ่ ลองแวะร้านมันดะระเกะ (Mandarake) เพื่อหาซื้อมังงะหายาก หรือลองเล่นเกมเรโทรในร้านเกมสุดคลาสสิก แนะนำให้เริ่มเดินช่วงพลบค่ำในชิบูย่าเพื่อเดินชมแสงไฟยามค่ำคืน ควรสวมใส่รองเท้าสบายๆ สำหรับการเดินสำรวจอากิฮาบาระ 3. ชมวิวเส้นขอบฟ้า ขึ้นหอคอยโตเกียวสกายทรี ที่สูงถึง 634 เมตรในย่านสุมิดะ ชมวิวจากดาดฟ้าในช่วงพระอาทิตย์ตก หากอากาศแจ่มใส คุณอาจจะโชคดีได้เห็นเงารางๆ ของภูเขาฟูจิ จบวันด้วยการเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มรสชาติดีที่บาร์ลอยฟ้าบนโมริทาวเวอร์ในย่านรปปงงิ หรือโรงแรม Park Hyatt ในย่านชินจูกุ ควรจองบัตรโตเกียวสกายทรีล่วงหน้า และพกกล้องไปด้วย เพราะแสงสีของโตเกียวยามค่ำคืนสวยงามมาก 4. รับชมการแสดงศิลปวัฒนธรรรมสุดอลังการ เปิดประสบการณ์เชียร์ซูโม่ที่เรียวโงะกุโคกุงิคัง (Ryogoku Kokugikan) รับชมศิลปะการต่อสู้ของนักมวยปล้ำไซส์ยักษ์ที่ยังคงเอกลักษณ์ของพิธีบวงสรวงแบบโบราณ ควรจองตั๋วล่วงหน้าสำหรับแกรนด์ทัวร์นาเมนต์ในเดือนมกราคม พฤษภาคม หรือกันยายน จากนั้นไปชมละครโบราณคาบูกิที่โรงละครคาบุกิซะ (Kabukiza Theatre) ในกินซ่า ที่อลังการไปด้วยฉากสีสันสดใสและการแสดงอันเป็นเอกลักษณ์ แนะนำว่าควรไปถึงสนามซูโม่ก่อนเวลาเพื่อสัมผัสบรรยากาศก่อนการแข่งขัน และไม่ควรสวมเสื้อผ้าหนามากเพราะในโรงละครค่อนข้างอุ่น 5. ปิกนิกที่สวนซากุระ นั่งพักผ่อนใต้ต้นซากุระในสวนชินจูกุเงียวเอน (Shinjuku Gyoen) สูดอากาศสดชื่นของฤดูใบไม้ผลิและมองดูผู้คนที่กำลังเอร็ดอร่อยกับเบนโตะจากร้านสะดวกซื้อ สัมผัสความสงบในกรุงโตเกียวที่แสนวุ่นวาย แนะนำให้ไปถึงแต่เช้าเพื่อจองพื้นที่ และนำผ้าปูหรือเสื่อไปด้วย เนื่องจากอาจมีน้ำค้างบนหญ้า 6. ตามล่าหาของอร่อยที่ตลาดสด สัมผัสรสชาติอาหารทะเลสดๆ ที่ตลาดปลาซึกิจิ ที่นี่มีทั้งปลาทูน่าหั่นสด ปลาไหลย่าง และไข่หวานญี่ปุ่น เดินเลือกซื้อซูชิหรือของว่างกลับบ้าน สัมผัสตัวตนของโตเกียวผ่านรสชาติที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง แนะนำให้ไปตั้งแต่เช้าเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศคึกคักของตลาด และพกเงินสดเพื่อความสะดวกในการซื้อของ 7. สำรวจป่าใกล้เมือง เดินป่าที่ภูเขาทาคาโอะ ซึ่งอยู่ห่างจากชินจูกุเพียงหนึ่งชั่วโมงโดยรถไฟสายเคโอ (Keio Line) เส้นทางเดินป่าที่นี่มีต้นสนซีดาร์ วัดเล็กๆ และสามารถชมวิวภูเขาฟูจิในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส เป็นการฟื้นฟูจิตใจด้วยธรรมชาติ ควรเตรียมน้ำดื่มและสวมรองเท้าที่มีการยึดเกาะดี ออกเดินทางแต่เช้าเพื่อหลีกเลี่ยงฝูงชนในช่วงสุดสัปดาห์ 8. ช้อปปิ้งในย่านสุดชิค เดินชิลที่ชิโมคิตาซาวะ (Shimokitazawa) ย่านฮิปของโตเกียวที่เต็มไปด้วยร้านเสื้อผ้าวินเทจและคาเฟ่เล็กๆ แวะร้าน Shirohige’s Cream Puff Factory ชิมพัฟโตโตโร่สุดน่ารักก่อนเลือกซื้อของแต่งบ้านเก๋ๆ แนะนำให้มาในวันธรรมดาเพื่อเลี่ยงความแออัด และอย่าลืมพกถุงผ้าเพื่อใช้ในการช้อปปิ้ง 9. ดื่มดำไปกับศิลปะและอาหารสุดล้ำ ลิ้มรสโอมากาเสะในย่านกินซ่าหรือเอบิสุ เชฟจะรังสรรค์ซูชิหรือไคเซกิให้แบบพิเศษทุกคำ จากนั้นไปดื่มด่ำศิลปะดิจิทัลที่ TeamLab Planets ในโทโยสุ ตื่นตาตื่นใจไปกับแสงไฟ พื้นกระจก และห้องที่ต้องเดินลุยน้ำ แนะนำว่าควรทำการจองล่วงหน้าทั้งสองรายการ และสวมกางเกงขาสั้นหรือเสื้อผ้าที่พร้อมโดนน้ำ
แลนด์มาร์คของโตเกียวร้อยเรียงเรื่องราวที่มีชีวิตชีวา ครอบคลุมทั้งโลกแห่งจินตนาการ ภาพยนตร์ ธรรมชาติ และสัญลักษณ์ของเส้นขอบฟ้าแห่งมหานคร นี่คือเหตุผลว่าทำไมแลนด์มาร์คทั้งห้าแห่งนี้ถึงได้รับความนิยมมาก
วงการอาหารของโตเกียวโดดเด่นเรื่องรสชาติเลิศรส นี่คือเจ็ดเมนูที่บ่งบอกความเป็นโตเกียว ตั้งแต่อาหารริมทางไปจนถึงเมนูหรูหราที่คนรักอาหารไม่ควรพลาด
เปิดประตูสู่โตเกียว นำพาคุณเข้าสู่ใจกลางญี่ปุ่นผ่านการเดินทางด้วยสนามบินและรถไฟที่แสนสะดวกสบาย สนามบินฮาเนดะ (HND): อยู่ใกล้ย่านใจกลางเมือง—ใช้เวลาเพียง 20 นาทีโดยรถไฟโมโนเรลสายโตเกียวไปยังฮามามัตสึโจ หรือสายเคคิวไปยังชินากาวะ จากนั้นสามารถต่อรถไฟสาย JR ยามาโนเตะเพื่อวนรอบเมือง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางเข้าเมืองในเวลาอันรวดเร็ว แนะนำให้ซื้อบัตร Suica ที่จุดรับกระเป๋าเพื่อการเดินทางที่สะดวกขึ้น สนามบินนาริตะ (NRT): สนามบินหลักที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชิบะ ใช้เวลาเดินทาง 40-60 นาทีจากใจกลางเมือง สามารถนั่งรถไฟ JR Narita Express ไปยังสถานีโตเกียว หรือสาย Keisei Skyliner ไปนิปโปริ เป็นตัวเลือกการเดินทางที่มีวิวสองข้างทางสวยงามและมีตัวเลือกเที่ยวบินที่หลากหลาย แนะนำให้นำหนังสือไปอ่านระหว่างทาง สนามบินนาริตะมีบริการฝากสัมภาระที่เคาน์เตอร์เพื่อช่วยลดความยุ่งยากในการขนสัมภาระ สถานีโตเกียว: ศูนย์กลางของรถไฟชินคันเซ็น หากนั่งรถไฟหัวกระสุนจากโอซาก้าจะใช้เวลา 2.5 ชั่วโมง ส่วนนาโกย่าใช้เวลา 1.5 ชั่วโมง เนื่องจากสถานีมีขนาดใหญ่ ขอแนะนำให้เดินตามป้ายทางออกมารุโนะอุจิเพื่อออกจากสถานี อย่าลืมซื้อเบนโตะจากสถานีไว้คลายความหิวระหว่างเดินทาง
ย่านต่างๆ ของโตเกียวมีเอกลักษณ์และบรรยากาศที่แตกต่างกัน นี่เป็นตัวเลือกย่านที่พักส่วนหนึ่งที่อาจจะเหมาะกับสไตล์การเดินทางของคุณ ไม่ว่าจะเป็นใจกลางเมืองที่มีชีวิตชีวาไปจนถึงตรอกซอกซอยที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ย้อนยุค
สีสันของโตเกียวเปลี่ยนไปตามฤดูกาล เลือกช่วงเวลาที่เหมาะกับคุณ ฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค.-เม.ย.): ดอกซากุระบานสะพรั่ง สวนสาธารณะอุเอโนะเต็มไปด้วยผู้คน แนะนำให้จองโรงแรมล่วงหน้าเพื่อสัมผัสบรรยากาศสีชมพู ฤดูร้อน (มิ.ย.-ส.ค.): เทศกาลดอกไม้ไฟ ตอนกลางคืนค่อนข้างชื้นและร้อน แนะนำให้หาสถานที่คลายร้อน ฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย.-พ.ย.): ฤดูกาลแห่งใบไม้เปลี่ยนสี อากาศช่วงนี้เย็นสบายและสดชื่น เหมาะสำหรับการเดินเล่น ฤดูหนาว (ธ.ค.-ก.พ.): ไฟประดับส่องแสงระยิบระยับ ถนนเงียบสงบและวุ่นวายน้อยลง แนะนำให้ใส่เสื้อผ้าหลายชั้นเพื่อพร้อมรับความหนาวเย็น
1. จองสถานที่ยอดฮิตล่วงหน้า ที่เที่ยวดังอย่างพิพิธภัณฑ์จิบลิ ชิบูย่าสกาย และ แฮร์รี่ พอตเตอร์ สตูดิโอ มักเต็มเร็วมาก โดยจะเปิดทำการจองล่วงหน้าหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน ควรเช็กบัตรล่วงหน้าประมาณหนึ่งเดือน เพราะการวอล์กอินในวันจริงแทบไม่มีโอกาสได้เข้า 2. แพ็กกระเป๋าเบาๆ เมื่อนั่งรถไฟ ช่วงเร่งด่วนของรถไฟในโตเกียวคือ 6.00 - 9.00 น. และ 17.00 - 20.00 น. ควรหลีกเลี่ยงกระเป๋าใบใหญ่เพราะอาจจะทำให้เกิดความล่าช้าและอาจโดนสายตาไม่พอใจจากคนญี่ปุ่น หากมีของเยอะอาจใช้ล็อกเกอร์ที่สถานี (300-700 เยน) เพื่อเก็บของชั่วคราว ยืนชิดขวาบนบันไดเลื่อน หากต้องการเดินให้ชิดซ้าย คนที่นี่เดินเร็ว 3. พกเงินสด แต่ก็อย่าลืมบัตร ร้านค้าเล็กๆ และสถานที่ห่างไกลยังรับแต่เงินสด ตู้ ATM ที่สะดวกคือ 7-Eleven และ Japan Post ส่วนร้านค้าใหญ่ๆ ห้าง และระบบขนส่งรองรับบัตรเครดิตหรือบัตรเติมเงินอย่าง Suica แนะนำให้เติมเงินที่สถานีเพื่อแตะจ่ายได้ง่ายๆ 4. รักษามารยาทเมื่อเยือนวัดและศาลเจ้า เมื่อไปวัดหรือศาลเจ้า ให้ ถอดรองเท้า ตรงจุดที่มีสัญลักษณ์ พูดเสียงเบา และ โค้งคำนับเบาๆ ก่อนสวดภาวนา ขั้นตอนคือ โค้ง 2 ครั้ง ปรบมือ 2 ครั้ง แล้วโค้งอีก 1 ครั้ง เพื่อแสดงความเคารพ การทำตัวเสียงดังจะเป็นจุดเด่นที่อาจทำให้คนรอบข้างไม่พอใจ 5. แยกขยะหรือพกถุงติดตัว โตเกียวแทบไม่มีถังขยะสาธารณะ และการแยกขยะของที่นี่เข้มงวดมาก ขวด กระป๋อง และกระดาษต้องแยกทิ้งให้ถูกประเภท หากหาถังขยะไม่เจอ สถานีรถไฟหรือร้านสะดวกซื้อมีจุดทิ้งขยะ หรือพกถุงเล็กๆ ติดตัวไว้ทิ้งทีหลัง อย่าทิ้งขยะไม่เป็นที่ เพราะอาจโดนปรับได้ 6. สูบเฉพาะที่อนุญาต การสูบบุหรี่บนท้องถนนถือว่าผิดกฎหมายในหลายเขต และมีโทษปรับสูงสุดถึง 50,000 เยน ใช้ห้องสูบบุหรี่ที่จัดไว้หรือสูบตามคาเฟ่ที่อนุญาต อย่าทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้น เพราะอาจถูกตำรวจเตือนหรือปรับได้ 7. ไม่ต้องให้ทิป แค่ขอบคุณก็พอ การให้ทิปไม่ใช่วัฒนธรรมของญี่ปุ่น และพนักงานอาจไม่เข้าใจหรือปฏิเสธเงินที่ให้มา เพียงแค่กล่าวว่า "อาริกาโตะโกไซมัส" (ขอบคุณมากๆ) กับพนักงานหลังมื้ออาหารก็เพียงพอแล้ว 8. แต่งตัวให้เหมาะกับอากาศที่เปลี่ยนแปลง หน้าร้อนของญี่ปุ่นมีอากาศชื้นและอบอ้าว ส่วนหน้าหนาวมีอากาศหนาวจัด ควรสวมเสื้อผ้าหลายชั้นเพื่อให้สามารถสวมหรือถอดออกได้สะดวก ฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วงอาจมีฝนตก ควรพกร่มและใส่รองเท้าสบายๆ เพราะโตเกียวเป็นเมืองที่ต้องเดินเยอะ 9. เลี่ยงช่วงวันหยุดยาวหากไม่อยากเจอคนแน่น ช่วง ปลายเมษายน - ต้นพฤษภาคม เป็นวันหยุดยาวหรือโกลเด้นวีคของญี่ปุ่น ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวแออัดไปด้วยผู้คน โรงแรมแพงขึ้น และคิวร้านอาหารยาวเป็นพิเศษ ถ้าเป็นไปได้ เลือกมาเที่ยวก่อนหรือหลังวันหยุดยาวสักหนึ่งสัปดาห์ จะเดินทางได้สะดวกกว่ามาก 10. โหลดแผนที่ออฟไลน์ไว้ก่อนเดินทาง นอกเหนือจากโรงแรม WiFi อาจไม่เสถียร ควรดาวน์โหลด Google Maps แบบออฟไลน์ หรือเช่า Pocket WiFi ตั้งแต่สนามบิน สถานีรถไฟโตเกียวมีทางออกหลายทาง ตรวจสอบเส้นทางก่อนเดินออกจากสถานี
ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาราชการ คำพื้นฐานที่ควรรู้: “คอนนิจิวะ” (สวัสดี) “อาริกาโตะ” (ขอบคุณ) ใช้สร้างความประทับใจกับคนท้องถิ่น “สุมิมาเซน” (ขอโทษ) สำหรับขอความช่วยเหลือ ภาษาอังกฤษอาจไม่ค่อยมีให้เห็นนอกเส้นทางท่องเที่ยว การใช้ภาษามือเข้าช่วยทำให้สามารถสื่อสารได้ดียิ่งขึ้น ป้ายตามสถานีส่วนมากมีทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ หากไม่มีภาษาอังกฤษสามารถใช้กล้องของ Google Translate เพื่อแสกนแปลได้ อย่าลืมชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มเพื่อให้โทรศัพท์พร้อมใช้ตลอดเวลา