
การเตรียมตัวเที่ยวออสเตรเลียให้พร้อม ไม่ได้มีแค่เรื่องตั๋วหรือที่พัก แต่ “ปลั๊กไฟ” ก็สำคัญไม่แพ้กัน! เพราะปลั๊กของออสเตรเลียไม่เหมือนกับของไทย ถ้าไม่รู้ไว้ก่อน มีสิทธิ์ชาร์จมือถือไม่ติดตั้งแต่วันแรก บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก ปลั๊กไฟออสเตรเลียแบบ Type I (230V/50Hz) ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ต้องใช้หัวแปลงแบบไหน และอุปกรณ์จากไทยจำเป็นต้องมีหม้อแปลงไฟไหม พร้อมเคล็ดลับเล็ก ๆ ในการเลือกและใช้อย่างปลอดภัย อ่านจบปุ๊บ เตรียมปลั๊กพร้อมออกเดินทางได้เลย!
ตารางเปรียบเทียบปลั๊กไฟ: ออสเตรเลีย vs ไทย
ก่อนเดินทางไปออสเตรเลีย มาทำความเข้าใจเรื่องปลั๊กไฟกันก่อนค่ะ เพราะแม้แรงดันจะใกล้เคียงกัน แต่หัวปลั๊กต่างกันโดยสิ้นเชิง ถ้าไม่เตรียมหัวแปลงไว้ อาจชาร์จไม่ติดได้ตั้งแต่วันแรก
รายการ | ออสเตรเลีย | ไทย |
|---|---|---|
ประเภทปลั๊กที่ใช้ (Plug Type) | Type I | Type A / B / C / O |
แรงดันไฟฟ้า (Voltage) | 230 โวลต์ | 220 โวลต์ |
ความถี่ไฟฟ้า (Frequency) | 50 เฮิรตซ์ | 50 เฮิรตซ์ |
ลักษณะหัวปลั๊ก | ขาแบน 3 ขา เอียงเป็นรูปตัว V พร้อมขากราวนด์แนวตั้ง | ขาแบน 2 ขา หรือกลม 2 ขา แล้วแต่รุ่น |
ต้องใช้หัวแปลงไหม? | ✅ ต้องใช้ (แปลงจากไทย → Type I) | - |
ต้องใช้หม้อแปลงไหม? | ใช้เฉพาะอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ 230V (เช่น 100V เท่านั้น) | ไม่ต้องใช้ |
💡เคล็ดลับ
- ถ้าอุปกรณ์ของคุณระบุว่า Input: 100–240V (เช่น ที่ชาร์จมือถือหรือโน้ตบุ๊ก) 👉 ไม่ต้องใช้หม้อแปลง แค่มีหัวแปลง Type I ก็พอ
- ควรเลือกหัวแปลงที่มี ฟิวส์ป้องกันไฟกระชาก และ รองรับกระแส 10A ขึ้นไป
- อุปกรณ์กำลังสูง เช่น ไดร์เป่าผม หรือ เตารีด ควรเป็นรุ่น Dual Voltage หรือใช้ของที่พักเพื่อความปลอดภัย
ปลั๊กไฟออสเตรเลียใช้แบบไหนกันแน่?

ที่มา: จาก world-power-plugs.com
ประเทศออสเตรเลีย (รวมถึงนิวซีแลนด์) ใช้มาตรฐาน ปลั๊กไฟชนิด Type I เหมือนกันทั่วประเทศ ปลั๊กชนิดนี้มี ขาแบน 3 ขา โดยขาสองข้างจะ เอียงออกเป็นรูปตัว V และมี ขากราวนด์แนวตั้ง เพิ่มความปลอดภัยเวลาใช้งาน
ปลั๊ก Type I มักพบในบ้าน โรงแรม และสถานที่สาธารณะทั่วออสเตรเลีย โดยหัวปลั๊กของไทยไม่สามารถเสียบเข้าตรง ๆ ได้ หากต้องการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าของไทย เช่น ที่ชาร์จมือถือหรือแล็ปท็อป จึงควรมี อะแดปเตอร์แปลงปลั๊ก (Adapter Plug) ติดกระเป๋าไว้เสมอ
👉อ้างอิงข้อมูลมาตรฐานปลั๊กไฟประเทศออสเตรเลียจาก IEC World Plugs (เว็บไซต์ทางการ IEC) ซึ่งรวบรวมรายละเอียดปลั๊กไฟของแต่ละประเทศทั่วโลก
ไปออสเตรเลีย ต้องพกหัวแปลงปลั๊กไหม?
การพก หัวแปลงปลั๊กไฟออสเตรเลีย (Adapter Plug Type I) ถือเป็นของจำเป็นอันดับต้น ๆ สำหรับนักเดินทางจากไทย เพราะ ปลั๊กไฟออสเตรเลียใช้แบบ Type I ในขณะที่ ปลั๊กไทยเป็นแบบ Type A หรือ C ซึ่งมีรูปทรงต่างกันโดยสิ้นเชิง จึงไม่สามารถเสียบเข้ากันได้โดยตรง นักเดินทางจากไทยควรพก หัวแปลงปลั๊กไฟออสเตรเลียเป็นไทย (ไทย → Type I) ติดตัวทุกทริป
หากต้องการชาร์จโทรศัพท์ แล็ปท็อป หรือกล้องถ่ายรูปของไทยในออสเตรเลีย คุณจะต้องใช้ อะแดปเตอร์แปลงปลั๊ก (Adapter) เพื่อเชื่อมต่อให้เข้ากับเต้ารับในประเทศนั้น แนะนำให้เลือกหัวแปลงที่มี ฟิวส์ป้องกันไฟกระชาก และ พอร์ต USB ในตัว จะยิ่งใช้งานได้สะดวกและปลอดภัยกว่ามาก
💡 เคล็ดลับ: หัวแปลง Type I สามารถใช้ได้ทั้งใน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ พกอันเดียวเที่ยวได้สองประเทศเลย!
ปลั๊กแปลงแบบไหนดีและซื้อที่ไหน?
เมื่อรู้แล้วว่าออสเตรเลียใช้ปลั๊กไฟแบบ Type I ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกหัวแปลงที่เหมาะกับการเดินทางของคุณ ซึ่งไม่ใช่แค่เสียบได้ แต่ต้องปลอดภัยและใช้งานสะดวกด้วย
แบบไหนดี?
- หัวแปลงปลั๊ก Type I แบบเดี่ยว: เหมาะกับผู้ที่เดินทางเฉพาะออสเตรเลียหรือประเทศที่ใช้ปลั๊กชนิดเดียวกัน เช่น นิวซีแลนด์ มีขาแบน 3 ขา เอียงรูปตัว V เสียบแน่นและปลอดภัย
- หัวแปลงปลั๊กแบบ Universal: เหมาะสำหรับคนที่เดินทางหลายประเทศ ตัวเดียวปรับเปลี่ยนขาได้หลายแบบ ควรเลือกรุ่นที่มี พอร์ต USB-A หรือ USB-C เพื่อชาร์จอุปกรณ์หลายชิ้นพร้อมกันได้
เคล็ดลับการเลือกหัวแปลง
- เลือกรุ่นที่มี ฟิวส์ป้องกันไฟกระชาก เพื่อความปลอดภัย
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารองรับกระแสไฟ อย่างน้อย 10 แอมป์
- หากมีพอร์ต USB หรือ USB-C ในตัว จะช่วยให้ชาร์จมือถือหรือแท็บเล็ตได้โดยไม่ต้องใช้อะแดปเตอร์เพิ่ม
- รุ่นที่มี ไฟแสดงสถานะ หรือ สวิตช์เปิด–ปิด จะช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้น
ซื้อที่ไหนสะดวก
- ก่อนเดินทาง: สามารถหาซื้อได้ที่สนามบิน ร้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ห้างสรรพสินค้าใหญ่ หรือช้อปออนไลน์ โดยค้นหาคำว่า “หัวแปลงปลั๊ก Type I” หรือ “Universal Adapter Type I”
- เมื่อถึงออสเตรเลีย: หากลืมพกไป สามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือร้าน Duty Free ในสนามบิน
- ช่วงราคา (โดยประมาณ):
- หัวแปลง Type I เดี่ยว ราคาอยู่ที่ประมาณ 150–350 บาท
- หัวแปลงแบบ Universal ที่มีพอร์ต USB ราคา 350–900 บาท ขึ้นอยู่กับฟังก์ชัน
💡 เคล็ดลับ: หากเดินทางหลายคนหรือมีหลายอุปกรณ์ แนะนำให้พกหัวแปลงอย่างน้อย 2 ชิ้น และสาย USB-C หรือ USB-A สำรองไว้เสมอ เพื่อความสะดวกในการชาร์จทุกสถานการณ์
หัวแปลงปลั๊กไฟออสเตรเลียเป็นไทยต้องใช้แบบไหน?
ถ้าคุณตั้งใจจะนำเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือที่ชาร์จจากไทยไปใช้ที่ออสเตรเลีย จำเป็นต้องมีหัวแปลงปลั๊กติดตัวไปด้วยค่ะ เพราะปลั๊กของทั้งสองประเทศไม่เหมือนกัน โดยออสเตรเลียใช้ ปลั๊กแบบ Type I ส่วนไทยใช้แบบ Type A และ C ซึ่งเสียบเข้ากันโดยตรงไม่ได้
ดังนั้นควรเลือก หัวแปลงปลั๊กที่แปลงจากไทยไปออสเตรเลีย (หัวแปลงปลั๊กไฟออสเตรเลียเป็นไทย) หรือพูดง่าย ๆ คือ หัวแปลงที่ทำให้ปลั๊กของไทยสามารถเสียบเข้ากับเต้ารับในออสเตรเลียได้อย่างพอดี
หัวแปลงแบบนี้จะมี ขาแบน 3 ขา เอียงเป็นรูปตัว V พร้อมขากราวนด์ตรงกลาง เพื่อความปลอดภัยเวลาใช้งาน แนะนำให้เลือกรุ่นที่
- มีฟิวส์ป้องกันไฟกระชาก
- รองรับกระแสไฟอย่างน้อย 10 แอมป์
- มีพอร์ต USB-A หรือ USB-C สำหรับชาร์จอุปกรณ์ได้พร้อมกันหลายชิ้น
💡 เคล็ดลับ: เลือกหัวแปลงแบบ “ไทย → ออสเตรเลีย (Type I)” จะช่วยให้เสียบอุปกรณ์จากไทยได้ทุกที่ในออสเตรเลียอย่างปลอดภัย ไม่ต้องกลัวชาร์จไม่เข้าอีกต่อไป
เครื่องใช้ไฟฟ้าไทยจำเป็นต้องใช้หม้อแปลงไฟฟ้าในออสเตรเลียหรือไม่
เรื่อง “หม้อแปลงไฟฟ้า” เป็นสิ่งที่หลายคนสงสัยเวลาจะพกเครื่องใช้ไฟฟ้าไทยไปต่างประเทศ โดยเฉพาะออสเตรเลีย ซึ่งใช้แรงดันไฟฟ้า 230 โวลต์ / 50 เฮิรตซ์ ใกล้เคียงกับของไทย (220 โวลต์ / 50 เฮิรตซ์) แต่จะแตกต่างที่ รูปแบบปลั๊ก Type I
วิธีเช็กว่าอุปกรณ์ต้องใช้หม้อแปลงหรือไม่
1. ตรวจสอบฉลากไฟฟ้าที่ตัวอุปกรณ์หรือที่อะแดปเตอร์
- หากระบุว่า “Input: 100–240V, 50/60Hz” หมายความว่าอุปกรณ์สามารถใช้ได้ทั่วโลก รวมถึงในออสเตรเลีย
- เพียงแค่แปลงหัวปลั๊กให้เข้ากับเต้ารับ Type I ก็สามารถใช้งานได้เลย
2. อุปกรณ์ที่ใช้ไฟเพียง 100V เท่านั้น
- ถ้าอุปกรณ์ของคุณ (เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่นบางรุ่น) ระบุว่า “100V Only” จำเป็นต้องใช้ หม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer)
- เลือกหม้อแปลงให้มีค่ากำลังวัตต์สูงกว่าอุปกรณ์จริงเล็กน้อย เช่น เครื่องใช้ 150W ควรเลือกหม้อแปลงอย่างน้อย 200W เพื่อความปลอดภัย
3. อุปกรณ์ไฟฟ้ากำลังสูง (High-power devices)
- เครื่องใช้ที่กินไฟเยอะ เช่น ไดร์เป่าผม เตารีด หม้อต้มน้ำ มักต้องใช้หม้อแปลงไฟฟ้า
- อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีรุ่น Dual Voltage (100–240V) ให้เลือกมากขึ้น ซึ่งสามารถใช้ในออสเตรเลียได้เลยโดยไม่ต้องใช้หม้อแปลง
- ถ้าไม่แน่ใจ แนะนำให้ใช้ของที่พักหรือเช่าจากโรงแรม จะปลอดภัยกว่า
💡 เคล็ดลับ: ก่อนเดินทาง ควรเช็กสเปกไฟฟ้าของอุปกรณ์ทุกชิ้น โดยเฉพาะอุปกรณ์จากญี่ปุ่นหรือสหรัฐฯ เพราะมักใช้แรงดัน 100V ซึ่งไม่เข้ากับระบบไฟของออสเตรเลีย
วิธีใช้หัวแปลงปลั๊กไฟออสเตรเลียอย่างถูกต้อง
ก่อนใช้งานหัวแปลงปลั๊กไฟ (Adapter) ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ของคุณรองรับแรงดันไฟฟ้าในออสเตรเลีย (230V / 50Hz) เพื่อป้องกันความเสียหายของเครื่องใช้ไฟฟ้า
ขั้นตอนการใช้งาน
1. เสียบหัวแปลงเข้ากับเต้ารับในออสเตรเลีย
นำหัวแปลงปลั๊ก Type I เสียบเข้ากับเต้ารับในโรงแรมหรือที่พักให้แน่นและมั่นคง
2. เสียบปลั๊กอุปกรณ์จากไทยเข้ากับหัวแปลง
เชื่อมต่อปลั๊กของเครื่องใช้ไฟฟ้าไทย (Type A หรือ C) เข้ากับช่องของหัวแปลง ตรวจสอบว่าเสียบแน่นและไม่หลวม
3. เปิดเครื่องและทดสอบการใช้งาน
หลังจากเชื่อมต่อครบทุกจุดแล้ว เปิดอุปกรณ์และตรวจสอบว่าใช้งานได้ตามปกติ หากเกิดความร้อนสูง กลิ่นไหม้ หรือเสียงผิดปกติ ให้ถอดปลั๊กออกทันที
⚠️ เคล็ดลับความปลอดภัย
- ห้ามเสียบอุปกรณ์หลายชิ้นพร้อมกันในหัวแปลงเดียว
- หลีกเลี่ยงการใช้ปลั๊กพ่วงกับอะแดปเตอร์ เพราะอาจทำให้ไฟฟ้าลัดวงจร
- หากต้องใช้เครื่องใช้กำลังสูง เช่น ไดร์เป่าผม หรือ เตารีด ให้ตรวจสอบว่าเป็นรุ่น Dual Voltage (100–240V) ก่อนทุกครั้ง
วิธีชาร์จอุปกรณ์เมื่อไม่มีปลั๊กไฟในออสเตรเลีย
หากลืมหัวแปลงปลั๊กไว้ที่บ้านก็ไม่ต้องตกใจไปค่ะ เพราะยังมีวิธีชาร์จอุปกรณ์ได้แบบง่าย ๆ แม้ไม่มีหัวแปลง Type I ติดตัว
วิธีที่ 1: ชาร์จผ่านพอร์ต USB

ปัจจุบันแทบทุกอุปกรณ์ ทั้ง สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และกล้องถ่ายรูป รองรับการชาร์จผ่านสาย USB ได้อยู่แล้ว ในออสเตรเลีย คุณสามารถหาพอร์ต USB ได้ทั่วไป เช่น
- โรงแรมและโฮสเทล (บางแห่งมีพอร์ต USB ข้างเตียงหรือหัวเตียง)
- สนามบิน เลานจ์ ห้องรอขึ้นเครื่อง
- ร้านกาแฟและห้องสมุดสาธารณะในเมืองใหญ่
เพียงพก สายชาร์จ USB คุณภาพดี ติดกระเป๋าไว้ ก็สามารถชาร์จได้สะดวกโดยไม่ต้องใช้หัวแปลงปลั๊กเลย
วิธีที่ 2: พกพาวเวอร์แบงก์ไว้เสมอ
พาวเวอร์แบงก์ (Power Bank) คือเพื่อนคู่ใจของนักเดินทาง โดยเฉพาะเวลาเที่ยวทั้งวันหรือนั่งรถไกล ๆ เลือกความจุ 10,000–20,000 mAh ก็เพียงพอสำหรับชาร์จสมาร์ทโฟนได้ 2–3 รอบ
- พาวเวอร์แบงก์ส่วนใหญ่สามารถชาร์จได้จากพอร์ต USB มาตรฐาน
- สายการบินส่วนใหญ่อนุญาตให้นำพาวเวอร์แบงก์ขึ้นเครื่องได้ โดยต้องเป็นแบบพกพา และมีความจุไม่เกิน 100Wh (หรือประมาณ ไม่เกิน 27,000 mAh — พาวเวอร์แบงก์ขนาด 10,000–20,000 mAh พกได้สบายแน่นอน)
- อย่าลืมชาร์จให้เต็มก่อนออกจากที่พัก
💡 เคล็ดลับ: หากเดินทางบ่อย แนะนำรุ่นที่รองรับ ชาร์จเร็ว (Fast Charge) หรือมีหัวเสียบหลายพอร์ต จะช่วยให้ชาร์จพร้อมกันได้หลายอุปกรณ์
3 สถานที่ชาร์จมือถือในออสเตรเลียที่นักเดินทางต้องรู้
ถ้าคุณออกไปเที่ยวทั้งวันแต่แบตใกล้หมด ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ เพราะในออสเตรเลียมี จุดชาร์จสาธารณะ (Public Charging Spots) อยู่ทั่วเมือง ทั้งแบบฟรีและมีค่าบริการเล็กน้อย ต่อไปนี้คือ 3 สถานที่ยอดนิยมที่นักเดินทางส่วนใหญ่เลือกใช้
1. สนามบิน
สนามบินหลักของออสเตรเลีย เช่น ซิดนีย์ เมลเบิร์น และบริสเบน จะมี พอร์ต USB และสถานีชาร์จ อยู่บริเวณโซนนั่งรอและห้องรับรอง บางจุดให้บริการฟรี บางจุดมีค่าบริการเล็กน้อย และหลายแห่งสามารถชาร์จได้หลายอุปกรณ์พร้อมกัน เหมาะสำหรับก่อนขึ้นเครื่องหรือระหว่างรอต่อไฟลต์
2. ร้านกาแฟและร้านอาหาร
ออสเตรเลียขึ้นชื่อเรื่องวัฒนธรรมคาเฟ่ และร้านส่วนใหญ่จะมี ปลั๊กไฟหรือพอร์ต USB ให้ลูกค้าใช้ฟรี โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างซิดนีย์ เมลเบิร์น หรือเพิร์ธ คุณสามารถนั่งจิบกาแฟ ชาร์จมือถือ หรือทำงานไปพร้อมกันได้แบบชิล ๆ
3. ห้องสมุดสาธารณะ
ถ้าต้องการบรรยากาศสงบ ๆ ห้องสมุดสาธารณะในออสเตรเลียคืออีกตัวเลือกที่ดีมาก เพราะมี ปลั๊กไฟและโต๊ะอ่านหนังสือพร้อมพอร์ตชาร์จ ให้บริการฟรี นักเดินทางหลายคนใช้ที่นี่เป็นจุดพักและเติมพลังให้ทั้งคนและอุปกรณ์
💡 เคล็ดลับ: อย่าลืมพก สายชาร์จ USB แบบ 2 หัวหรือหัวแปลง Type C ติดตัวไว้เสมอ เพราะพอร์ตชาร์จในออสเตรเลียบางแห่งอาจเป็นแบบใหม่ทั้งหมด
รายชื่อประเภทปลั๊กไฟและแรงดันไฟฟ้าของประเทศอื่น ๆ
นอกจากออสเตรเลียแล้ว เรายังได้รวบรวมข้อมูล รูปแบบปลั๊กไฟและแรงดันไฟฟ้า ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกไว้ให้ครบในตารางด้านล่าง เหมาะสำหรับผู้ที่มีแพลนเดินทางต่อไปยังประเทศอื่น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ประเภทปลั๊กไฟที่ใช้ และ แรงดันไฟฟ้ามาตรฐาน ของแต่ละประเทศได้เลยค่ะ
เอเชีย
ประเทศ | อัตราความถี่ | แรงดันไฟฟ้า | ประเภทปลั๊กไฟ |
ไทย | 50 | 220 | A,B,B3,BF,C |
เกาหลีใต้ | 60 | 110/220 | A, C, SE |
จีน | 50 | 110/220 | A, B, B3, BF, C, O, SE |
ไต้หวัน | 50 | 110 | A,O, C |
ฮ่องกง | 50 | 220 | BF |
อินเดีย | 50 | 115/230/240 | B, B3, BF, C, SE |
เวียดนาม | 50 | 220 | A,C,SE,BF |
อินโดนีเซีย | 50 | 127/220/230 | A, B, B3, BF, C |
สิงคโปร์ | 50 | 220/240 | BF |
ฟิลิปปินส์ | 60 | 230/240 | A, B, B3, C, O |
มาเลเซีย | 50 | 240 | B, B3, BF, C |
โอเชียเนีย
ประเทศ | อัตราความถี่ | แรงดันไฟฟ้า | ประเภทปลั๊กไฟ |
ออสเตรเลีย | 50 | 240/250 | O |
นิวซีแลนด์ | 50 | 230/240 | O |
ฟิจิ | 50 | 120/240 | A, B, C, O |
อเมริกาเหนือ/อเมริกาใต้
ประเทศ | อัตราความถี่ | แรงดันไฟฟ้า | ประเภทปลั๊กไฟ |
อเมริกา | 60 | 120 | A |
แคนาดา | 60 | 120/240 | A, BF |
อาร์เจนตินา | 50 | 220 | BF, C, O, SE |
โคลัมเบีย | 60 | 120/150 | A |
ชิลี | 50 | 220 | B3, BF, C, SE |
บราซิล | 60 | 127/220 | A, C |
เวเนซุเอลา | 60 | 120 | A |
เปรู | 60 | 220 | A, C, SE |
เม็กซิโก | 60 | 120/127/230 | A, C, SE |
ยุโรป
ประเทศ | อัตราความถี่ | แรงดันไฟฟ้า | ประเภทปลั๊กไฟ |
สหราชอาณาจักร | 50 | 230/240 | B, B3, BF, C |
ไอซ์แลนด์ | 50 | 230 | B, C, SE |
อิตาลี | 50 | 125/220 | A, C, SE |
ออสเตรีย | 50 | 230 | B3, BF, C, O, SE |
เนเธอร์แลนด์ | 50 | 230 | B, C, SE |
กรีซ | 50 | 230 | B, B3, C, SE |
สวิตเซอร์แลนด์ | 50 | 230 | A, B, C, SE |
สวีเดน | 50 | 230 | B, C, SE |
สเปน | 50 | 127/220 | A, C, SE |
เดนมาร์ก | 50 | 230 | C |
เยอรมนี | 50 | 127/230 | A, C, SE |
นอร์เวย์ | 50 | 230 | C, SE |
ฮังการี | 50 | 220 | C |
ฟินแลนด์ | 50 | 120/230 | A, B, C, SE |
ฝรั่งเศส | 50 | 127/230 | A, C, O, SE |
บัลแกเรีย | 50 | 110/220 | A, C, SE |
เบลเยียม | 50 | 127/230 | A, B, C, SE |
โปรตุเกส | 50 | 230 | B, B3, BF, C, SE |
รัสเซีย | 50 | 127/220 | A, B, C, SE |
แอฟริกา
ประเทศ | อัตราความถี่ | แรงดันไฟฟ้า | ประเภทปลั๊กไฟ |
แอลจีเรีย | 50 | 127/220 | A, BF, C |
อียิปต์ | 50 | 220 | B3, BF, C |
เอธิโอเปีย | 50 | 220 | C |
เคนยา | 50 | 240 | B, B3, BF, C |
ซาอีร์ | 50 | 220 | C |
แทนซาเนีย | 50 | 230 | B3, BF |
ไนจีเรีย | 50 | 230 | B, BF, C |
แอฟริกาใต้ | 50 | 220/230/250 | B, B3, BF, C |
อ้างอิง: https://www.apple.com/
ออสเตรเลียใช้ ปลั๊กไฟแบบ Type I แรงดัน 230V / 50Hz ต่างจากไทยที่ใช้ Type A และ C ดังนั้นหากเดินทางจากไทยไป ควรพก หัวแปลงปลั๊ก (Adapter Type I) ติดตัวไว้เสมอ ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่รองรับ 100–240V สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องมีหม้อแปลง แต่ถ้าเป็นอุปกรณ์ 100V ต้องใช้ หม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer) เพิ่ม
หากไม่มีหัวแปลง ยังสามารถชาร์จมือถือได้จาก พอร์ต USB ในสนามบิน ร้านกาแฟ หรือห้องสมุดทั่วออสเตรเลีย และอย่าลืมพก พาวเวอร์แบงก์แบบพกพาไม่เกิน 100Wh (ประมาณ 27,000 mAh) ขึ้นเครื่องไว้ด้วย เพื่อให้พร้อมชาร์จได้ทุกที่ตลอดทริป!
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปลั๊กไฟออสเตรเลีย
ออสเตรเลียใช้ปลั๊กไฟแบบไหน ต้องพกหัวแปลงไปไหม?
ออสเตรเลียใช้ ปลั๊กไฟแบบ Type I แรงดัน 230 โวลต์ / 50 เฮิรตซ์ ซึ่งต่างจากไทยที่ใช้ Type A และ C ดังนั้นแนะนำให้พก หัวแปลงปลั๊กแบบ Type I ไปด้วยทุกครั้งค่ะเครื่องใช้ไฟฟ้าจากไทยต้องใช้หม้อแปลงไหม?
ส่วนใหญ่ไม่ต้องใช้ค่ะ เพราะอุปกรณ์อย่างมือถือหรือแล็ปท็อปมักรองรับไฟ 100–240 โวลต์ อยู่แล้ว แค่มีหัวแปลงปลั๊กก็พอ แต่ถ้าอุปกรณ์ระบุว่า “100V เท่านั้น” เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่นบางรุ่น ต้องใช้ หม้อแปลงไฟฟ้า เพิ่มด้วยนะคะหัวแปลงปลั๊กแบบไหนใช้ได้กับออสเตรเลีย และหาซื้อได้ที่ไหน?
แนะนำหัวแปลง Type I ที่มีฟิวส์ในตัวและรองรับอย่างน้อย 10 แอมป์ จะปลอดภัยกว่า รุ่นที่มีช่อง USB-A หรือ USB-C ก็สะดวกมาก ซื้อได้ทั้งที่สนามบิน ร้านอุปกรณ์เดินทาง หรือช้อปออนไลน์ทั่วไปค่ะถ้าไม่มีหัวแปลง จะชาร์จมือถือได้ยังไง?
ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะที่ออสเตรเลียมี พอร์ต USB ให้ใช้เกือบทุกที่ ทั้งในโรงแรม สนามบิน ร้านกาแฟ หรือห้องสมุดสาธารณะ นอกจากนี้ควรพก พาวเวอร์แบงก์แบบพกพาไม่เกิน 100Wh (ประมาณ 27,000 mAh) ติดตัวไว้ด้วย เผื่อเวลาเดินทางไกล ๆปลั๊กไฟออสเตรเลียใช้ร่วมกับนิวซีแลนด์ได้ไหม?
ใช้ได้เลยค่ะ เพราะทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ใช้ปลั๊ก Type I เหมือนกัน พกหัวแปลงอันเดียว ใช้ได้ทั้งสองประเทศ สะดวกสุด ๆ!






