จิ่วจ้ายโกว เที่ยวช่วงไหนดี แพลนก่อนชมใบไม้เปลี่ยนสี

จิ่วจ้ายโกว เมืองมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งสำคัญของจีน ที่เป็นศูนย์รวมความสวยงามของทั้งภูเขา ลำธาร น้ำตก และทะเลสาบไว้ในที่เดียวกัน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งของจีนเลยทีเดียว

อุทยานแห่งชาติกลางหุบเขาแห่งเมืองเฉินตู มณฑลเสฉวน เป็นสถานที่ที่ใครไปเที่ยวจีนต้องไปให้ได้สักครั้ง จิ่วจ้ายโกวเป็นพื้นที่อนุรักษณ์ธรรมชาติที่อยู่ทางตอนเหนือของมณฑลเสฉวน ห่างจากเมืองเฉินตูประมาณ 500 กิโลเมตร เป็นพท้นที่ที่อุดมไไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามและมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก สามารถไปเที่ยวได้ทุกฤดู เพราะในแต่ละฤดู ก็จะเห็นความสวยงามของ จิ่วจ้ายโกว ที่แตกต่างกันออกไป

จิ่วจ้ายโกว เที่ยวช่วงไหนดี

ฤดูใบไม้ผลิ

สำหรับใครที่ชอบเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูที่เราจะได้เห็นทั้งใบไม้และดอกไม้ผลิบานอีกครั้ง ช่วงฤดูนี้ยังเป็นฤดูที่มีอากาศดี เดินเที่ยวได้สบาย เป็นช่วงที่ จิ่วจ้ายโกว มีชีวิตชีวามากๆ หลังจากผ่านพ้นช่วงฤดูหนาวมา ใครที่ชอบเที่ยวธรรมชาติแบบที่มีทั้งใบไม้และดอกไม้บานเต็มไปหมด แนะนำให้มาช่วงฤดูใบไม้ผลิเลยค่ะ

เป็นอีกหนึ่งฤดูที่จะได้เห็นใบไม้สีเขียวสะท้อนกับน้ำในทะเลสาบ เห็นน้ำในทะเลสีเขียวมรกต เป็นอีกหนึ่งฤดูที่ จิ่วจ้ายโกว สวยมากๆ โดยฤดูใบไม้ผลิของจีน จะอยู่ในช่วง เดือนมีนาคม - เดือนพฤษภาคมนั่นเอง

ฤดูร้อน

ฤดูร้อนของที่จีน จะไม่เหมือนฤดูร้อนในเมืองไทย เพราะฤดูนี้ของที่จีน จะเป็นฤดูที่มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ที่สุด ทั้งภูเขา ต้นไม้ ดอกไม้ เติบโตอย่างเต็มที่ จะเห็นต้นไม้สีเขียว และดอกไม้ที่บานสะพรั่งตลอดทางเดิน เป็นช่วงที่อากาศเริ่มสบายขึ้นกว่าฤดูใบไม้ผลิ และความสวยงามก็อยู่ที่แดดบนท้องฟ้าที่สะท้อนลงมากระทบกับทะเลสาบ จะเห็นความสวยงามของน้ำในทะะเลสาบได้อย่างชัดเจน ถ้าใครเป็นสายทำคอนเทนต์ ชอบถ่ายรูป แนะนำให้มาช่วงฤดูนี้เลย ซึ่งจะอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน - เดือนสิงหาคมค่า

ฤดูใบไม้ร่วง

ถ้าให้แนะนำช่วงที่ดีที่สุดในการมาเที่ยวที่ จิ่วจ้ายโกว ขอแนะนำเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงเลยค่ะ เพราะนอกจากจะได้เจออากาศที่เย็นสบายแล้ว ทั้งจิ่วจ้ายโกว ยังถูกห้อมล้อมไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสี เป็นสีส้ม สีแดง สีเหลือง ทั่วทั้งภูเขา เป็นช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวเยอะที่สุดในรอบปี โดยจะอยู่ในช่วงเดือนกันยายน - เดือนตุลาคม

ฤดูหนาว

ถ้าอยากเห็นต้นไม้หรือภูเขามีหิมะปกคลุมไปด้วยหิมะขาวๆ และอุณหภูมิที่ติดลบ แนะนำช่วงฤดูหนาวเลยค่ะ เพราะเป็นฤดูเดียวที่จะได้เห็นบรรยากาศของจิ่วจ้ายโกวเป็นแบบนี้ แถมน้ำในทะเลสาบและน้ำตกก็จะกลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมด โดยจะเริ่มทั้งแต่เดือนพฤศจิกายน - เดือนกุมภาพันธ์เลยค่ะ

จะเห็นได้ว่าทั้ง 4 ฤดูของจิ่วจ้ายโกวจะมีความสวยงามของบรรยากาศและธรรมชาติที่แตกต่างกันไป แต่ก็อยู่ที่เลือกว่า อยากไปเที่ยวที่นี่ แล้วได้เจอบรรยากาศแบบไหน แต่จะไปถึงที่แล้วนอกจากบรรยากาศและธรรมชาติที่สวยงามตลอดเส้นทางแล้ว ยังมีจุดไฮไลท์ต่างๆ ที่อยากแนะนำให้เดินไปดูที่จิ่วจ้ายโกวด้วย

จุดไฮไลท์ของ จิ่วจ้ายโกว

ทะเลสาบห้าสี

ทะเลสาบห้าสี จุดไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวยกให้เป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลท์ที่ต้องเดินไปชม เป็นทะเลสาบที่มีการไล่เฉดสีของผืนนี้จากสีฟ้าไปสีเขียว และมีความสวยเหมือนสายรุ้ง สีของน้ำทะเลสาบจะใสจนเห็นพื้นทะเลสาบด้านล่าง และในช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีจะมีความสวยงามมากเป็นพิเศษ เพราะสีของใบไม้จะสะท้อนลงไปที่ผืนน้ำ เป็นจุดไฮไลท์ที่สวยที่สุดในจิ่วจ้ายโกวเลยค่ะ

ทะเลสาบยาว

ทะเลสาบยาว ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในจิ่วจ้ายโกว และลึกที่สุดด้วย ความยาวถึง 7 กิโลเมตร พื้นที่กว่า 581 ไร่ น้ำในทะเลสาบเป็นสีฟ้าสวยงาม และถูกล้อมรอบด้วยวิวภูเขาไปด้วยต้นสน เป็นอีกหนึ่งจุดที่สวยงามมากๆ

ทะเลสาบแรด

Cr. pic : https://www.whenorwhere.com/destination/rhino-lake

ทะเลสาบแรด ทะเลสาบที่ใหญ่รองมาจากทะเลสาบยาว บรรยากาศรอบๆ ทะเลสาบแห่งนี้ จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลต่างๆ แต่ไม่ว่าจะฤดูไหน ใบไม้รอบๆ ที่สะท้อนลงบนทะเลสาบก็ให้ความสวยงามไปอีกแบบ ซึ่งเป็นจุดที่มีวิวเงาสะท้อนที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในจิ่วจ้ายโกวเลย

ทะเลสาบนกยูง

Cr. pic : gustotour

ทะเลสาบนกยูง เป็นทะเลสาบที่มีความคล้ายกับนกยูง สีของน้ำในทะเลสาบเป็นสีฟ้าและใสราวกับคริสตัล มองเห็นใต้น้ำแบบได้สบายๆ แต่ความเข้มและอ่อนก็ขึ้นอยู่กับความลึกของระดับน้ำด้วย แต่เฉดที่ไล่กันไปมา ทำให้ทะเลสาบนกยูงเป็นอีกหนึ่งจุดที่สวยงามมาก

น้ำตกธารไข่มุก

น้ำตกธารไข่มุก น้ำตกที่ไหลผ่านถ้ำลำธารน้อยใหญ่ ส่องประกายราวกับเส้นไข่มุก และเป็นน้ำตกที่มีความใหญ่ที่สุดในจิ่วจ้ายโกว ในช่วงเช้าจะได้เห็นสายรุ้งที่สะท้อนจากแสงแดดและละอองน้ำด้วย

สำหรับใครที่แพลนไปเที่ยวจีน อย่าลืมแวะไปที่ จิ่วจ้ายโกว กันนะคะ แนะนำว่า เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกหนึ่งที่ที่น่าสนใจและอยากแนะนำให้ไปเลย 1 ครั้งที่ได้ไปจีนก็ต้องไปเยือน เพราะธรรมชาติในแต่ละฤดูนั้นมีความสวยงามเฉพาะในตัวของมัน และมีเอกลักษณ์และจุดที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวอยากกลับไปอีกครั้งแน่นอนค่ะ