Kuthodaw Pagoda

ตั้งอยู่เชิงเขามัณฑะเลย์ สร้างโดยพระเจ้ามินตง ประเทศพม่าในปี พ.ศ. 2400 เป็นเจดีย์บุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ชื่อเต็มคือ เจดีย์มหาโรกามเส็ง ศิลาเหล่านี้ได้ชื่อว่าเป็น “หนังสือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก” ขนาดของมันไม่เหมือนใครในโลกพุทธ งดงามมาก!

เมื่อไปถึงประตูก็เห็นที่เขียนว่ายูเนสโกรวมเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม เพราะภายในเจดีย์เรียงรายประดิษฐานศิลาจารึกจารึกหนาแน่น 729 องค์ เจดีย์แต่ละองค์ประดิษฐานศิลาจารึก แหล่งท่องเที่ยวในวันแรกได้สัมผัสความรู้สึกของการเดินเท้าเปล่า

เจดีย์จัดวางอย่างเป็นระเบียบ ทางเดินตรงกลางดึงดูดผู้คนมากมายให้มาถ่ายรูปที่นี่ สาวพม่าส่วนใหญ่ถือดอกไม้ด้วยมือและสวมชุดชาติพันธุ์ที่สดใส ดึงดูดสายตา งดงามมาก คุ้มค่าแก่การมาชม!

มรดกโลกที่งดงาม เจดีย์หินอ่อนดูน่าทึ่งและดูเหมือนบันไดสวรรค์ ฉันขอแนะนําสถานที่แห่งนี้

สถานที่สุดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งมาทำบุญ และมีมุมถ่ายรูปสวยๆเยอะ บางทีก็มีคนท่องถิ่นมาถ่ายรูป Pre wedding

เป็นสถานที่ที่ดี เงียบสงบและดีที่จะมองไปรอบๆ

หยกธรรมชาติ.

Walk around the famous Kuthodaw Paya. It is called "the largest book in the world" here. He Jie, 729 white stone tablets are engraved with dense Sanzang scriptures, with great momentum. Its size is unique in the Buddhist world. It is said that if a person reads eight hours a day, it takes 450 days to finish reading these "books". Jordy walks past stone tablets and lingers in the ocean of the world's greatest books. Gudu Tao Pagoda also has many beautiful golden Buddha statues, the main pagoda of Gudu Tao Pagoda. Standing in the sunshine, a small pagoda glittering in the ancient city of Inva is the most common gesture of Burmese Buddha statue - the sign of surrendering the devil king, symbolizing the gesture of surrendering the devil king when the Buddha becomes Taoist. It means that Sakyamuni sacrificed himself for the sake of all living beings before he became a Taoist, which can only be proved by the earth, because these things are done on the earth. The Buddha statue in the Buddhist temple on the top of Mount Mandalay feels like a jade Buddha, but gestures are still the most common "sign of falling devil", also known as "touch mark".