ฮัลชตัท

สวัสดีครับวันนี้จะพาทุกคนไปเที่ยวเมืองเล็ก ๆ น่ารักในหุบเขาของออสเตรีย ซึ่งคงเป็นจุดหมายปลายทางที่ใครหลายคนก็อยากจะมาเยี่ยมเยียนซักครั้ง Hallstatt หรือ ฮัลล์ชตัทท์ เป็นเมืองเล็ก ๆ ริมทะเลสาบ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การสหประชาชาติ (Unesco) ประเภท Historical Cultural Landscape เมื่อปี 1997 ครับ ภาพตรงหน้าคือสวยงามมากๆ อากาศดีสุดๆ #ออสเตรีย

#เที่ยวยุโรป Hallstatt Austria เที่ยวช่วง Summer อากาศเหมือนประเทศไทยเลยครับช่วงกลางวันแดดแรงแต่ลมเย็น ส่งนกลางคืนอากาศเย็นมาก เดินเล่นในเมืองถ่ายรูปช่วงเย็นแสงสวยมากๆครับ เดินชิลหาของกินชิลมาก เมืองสวยและโรแมนติกสุดๆ หรือใครจะขึ้นไปชมวิวด้านบนก็ได้เลย แถมยังมีกิจกรรมนั่งเรือชมทะเลสาบ หรือจะพาย Sup Board ก็มีให้เช่าพายเท่ๆ

Day 2 #ไปออสเตรียไม่เพลียไม่กลับ ด้วยความอยากมาและรีเควสทริปพิเศษรอบที่แล้วไปออสเตรียไม่ได้มาhallstat รอบนี้เลยขอไป hallsatt นะ ไหนมาดูสิว่าสวยงามตามรีวิวหรือไม่ และถ้าถามว่าที่ไหนคือ must have ของคนไทยที่มา ออสเตรีย คือ. —— Hallstatt ——— บ้างครั้ง ความสวยงามก็เกินจะหาคำบรรยายได้ นอกจาก..ต้องมาเห็นด้วยตาของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะต้องขับรถจากบ้านมาhallstattถึง400โลก็เถอะ ได้เห็นกะตาตัวเองสักที มันก็สวยนะ แต่อย่าคาดหวังเยอะ เสียดายวันที่ไปมีฝนหิมะตก ทำให้การเดินเที่ยวลำบาก เดี๋ยวหยุดเดี๋ยวตก และทำให้เดินไปไม่ถึงมุมมหาชน กว่าจะลงมาจากข้างบน ก็บ่ายแล้ว หลายคนถามว่าอุว่าเดินไปตั้งไกลไม่เดินให้เสร็จๆ แต่เดินไม่ไหวแล้วจริงๆ ไว้รอบหน้ามีโอกาสมาอีกก็จะมานะ 🥰 #เที่ยวกับหมวย

1.ทะเลสาบฮาล์ชตัท + เมืองฮาล์ชตัท ทะเลสาบฮาล์ชตัทที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น 'โปสการ์ดจากสวรรค์' ด้วยทิวทัศน์ที่งดงามเหมือนในภาพวาด และเป็นมรดกโลก คุณสามารถเดินเล่นในเมืองฮาล์ชตัท ชื่นชมเมืองที่สวยที่สุดที่ล้อมรอบด้วยภูเขาหิมะและทะเลสาบ หรือคุณสามารถนั่งเรือเที่ยวทะเลสาบ เพื่อจับภาพความงามของเมืองฮาล์ชตัทจากมุมมองที่แตกต่าง สถานที่ท่องเที่ยวพิเศษใกล้เคียง: ถ้ำน้ำแข็งเวิร์ฟเฟิน (ถ้ำน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลก), เหมืองเกลือฮาล์ลไซน์ 2.ทะเลสาบเซนต์วูล์ฟกัง + เมืองเซนต์กิลเก้น ทะเลสาบเซนต์วูล์ฟกังสีฟ้าทิฟฟานี่ที่ล้อมรอบด้วยภูเขาเขียวขจี เหมือนอยู่ในสวรรค์ และเป็นมรดกธรรมชาติโลกของสหประชาชาติ พร้อมทั้งยังเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในออสเตรีย คุณสามารถนั่งเรือไอน้ำแบบดั้งเดิมข้ามทะเลสาบ ชื่นชมทิวทัศน์ของทะเลสาบและภูเขา หลังจากลงจากเรือ คุณสามารถหยุดพักที่เมืองเซนต์กิลเก้นสักครู่ เพื่อลิ้มรสอาหารออสเตรียแท้ๆ และเยี่ยมชมโบสถ์เซนต์กิลเก้น เพื่อสัมผัสประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน สถานที่ท่องเที่ยวพิเศษใกล้เคียง: กระเช้าไฟฟ้าสิบสองมุมเซนต์กิล (การชมวิวด้วยกระเช้าไฟฟ้า ทิวทัศน์ทะเลสาบสีเขียวขจีของเมือง) 3.ทะเลสาบกอสเซา + เมืองกอสเซา ทะเลสาบกอสเซาเป็นทะเลสาบที่สูงที่สุดในออสเตรีย และเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่เงียบสงบที่สุด สะท้อนภาพของยอดเขาดัชสไตน์ที่งดงาม ขณะที่คุณเดินเรือไปรอบๆ คุณจะเห็นป่าไม้ ภูเขาหิมะ และหมอกที่ลอยอยู่ สัมผัสความสงบของธรรมชาติ ในขณะที่เมืองกอสเซาที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ แสดงให้เห็นถึงบรรยากาศชนบทของออสเตรีย พร้อมด้วยชีสและงานฝีมือที่มีเอกลักษณ์และแท้จริง 4.ทะเลสาบเทราน์ + เมืองเกมุนเดน ทะเลสาบเทราน์ตั้งอยู่ในหุบเขาของเทือกเขาแอลป์ ทะเลสาบที่สวยงามเหมือนกับในบทกวี ริมทะเลสาบคือเมืองเซรามิกที่มีชื่อเสียง คือเกมุนเดน เป็นเมืองริมทะเลสาบที่คนท้องถิ่นของออสเตรียมักจะมาพักผ่อน สถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังที่สุดคือปราสาทเกมุนเดนออลท์ที่ตั้งอยู่บนเกาะใจกลางทะเลสาบเทราน์ ซึ่งเป็นปราสาทยุคกลางบนเกาะใจกลางทะเลสาบ และยังเป็นสถานที่ที่หลายคนดังและขุนนางจัดงานแต่งงาน สามารถเทียบได้กับเกาะใจกลางทะเลสาบในสโลวีเนียที่เบลด 5.ทะเลสาบซี + เมืองซี ทะเลสาบซีที่มีน้ำใสจนเห็นถึงก้นทะเลสาบและมีภูเขาหิมะรอบด้าน ในเมืองซี คุณสามารถเดินเล่นในสวนริมทะเลสาบ ชื่นชมทิวทัศน์ของทะเลสาบ และยังสามารถลองกิจกรรมทางน้ำ เช่น การพายเรือและการเล่นกระดานใบพาย ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่พักผ่อนที่คนท้องถิ่นของออสเตรียนิยมไป 【แผนการเดินทาง】 ↓↓↓↓↓ 1.เช่ารถขับเอง โดยทั่วไปการเดินทางท่องเที่ยวธรรมชาติในออสเตรีย การขับรถเองจะสะดวกกว่า และคุณยังสามารถชื่นชมทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามได้ดีขึ้น 2.เดินทางด้วยรถประจำทาง โดยทั่วไปเปิด Google maps ใส่ชื่อเมืองหรือทะเลสาบที่คุณต้องการไป แอปจะแสดงเส้นทางที่แตกต่างกัน คุณเพียงแค่ต้องตามคำแนะนำเส้นทางการเดินทางที่แสดงบนแผนที่เพื่อซื้อตั๋วและขึ้นรถ 3.ซื้อตั๋วรถไฟออนไลน์ คุณสามารถดาวน์โหลดแอปลูกค้า OBB ซึ่งคุณสามารถดูเส้นทางทั้งหมดและตารางเวลาของรถไฟในออสเตรีย

ก่อนที่จะไปฮาลชตัตต์ฉันได้ยินถึงความงามของมัน ทุกคนกล่าวว่ามีโอกาสไปที่นั่นคือได้รับโปสการ์ดที่ส่งมาจากสวรรค์ ล้อมรอบด้วยภูเขา ทะเลสาบและภูเขา โบราณสไตล์บาร็อก บ้านไม้เก่าๆในนิทาน... มุมใดมุมหนึ่งที่สวยงามจนไม่สามารถอธิบายได้ เราไปเพียงวันเดียว แต่ในวันถัดไปนานๆ เรายังคงรำลึก ฝันถึง 🚗🚗 วิธีไป? เราเริ่มต้นจากซัลซ์บูร์กในออสเตรีย จากนั้นเราเช่ารถในท้องถิ่น การขับรถจากซัลซ์บูร์กใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ระบบนำทางสามารถนำคุณไปยังทางเข้าเมืองเล็กๆ แต่ที่ทางเข้าเมืองมีที่จอดรถที่เป็นระบบ ไม่อนุญาตให้ขับรถใน คุณสามารถเดินทางไป-กลับได้ในเวลา 20 นาที 📷📷 จุดเด่น: ฉันขอแนะนำดาดฟ้าส่วนตัว มันเป็นจุดถ่ายภาพที่ดี! นอกจากนี้ยังมีโบสถ์เก่าและเหมืองเกลือฮาลชตัตต์ แน่นอนไม่สามารถขาดสี่แยกตลาด เราเห็นมีคนแสดง มันคึกคัก แต่โดยรวมแล้วเมืองเล็กๆนี้ไม่ใหญ่ ส่องดูรอบๆถนนหลักอย่างช้าๆ ดูสไตล์ของเมืองเก่า มันก็มีรสชาติเป็นอย่างดี ☺️☺️ tips: ฉันไม่แนะนำให้พักที่เมืองเล็กๆนี้มาก เพราะมันแพง และฉันคิดว่าเดินเล่นในวันเดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้ามีเวลาพอ คุณสามารถไปเที่ยวเมืองซังท์วอลฟ์กังในบริเวณใกล้เคียง มันสวยงามมาก

เมืองนั้นจริง ๆ แล้วเล็กมาก ไม่มีนักท่องเที่ยวเยอะ ทำให้รู้สึกสงบสุข มองไกล ๆ มีภูเขา มีทะเลสาบ มีหงส์ มีปราสาท สถานที่ที่เหมือนในนิทาน มีรถบัสมาจากเวียนนา ทัศนียภาพระหว่างทางก็ยอดเยี่ยม เคยได้ยินว่าเจ้าหญิงซิซีมักจะมาที่นี่ในช่วงวันหยุด ร้านอาหารในเมืองนั้นน้อยมาก ร้านค้าส่วนใหญ่ปิดเวลาหกโมงเย็น ถ้าคุณต้องการหลีกเลี่ยงความวุ่นวายของเมืองใหญ่ คุณต้องมาที่ฮัลชทัตอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต

ฮัลล์ชตัตเป็นหมู่บ้านในภูมิภาคซัลซ์คาเมอร์กุทในรัฐออสเตรียสูง ที่ตั้งอยู่ที่ริมทะเลสาบฮัลล์ชตัตที่ระดับความสูง 511 เมตร มันถูกยกย่องว่าเป็นเมืองเล็กที่สวยที่สุดในโลกและเป็นเมืองเล็กที่เก่าแก่ที่สุดในออสเตรีย เมืองเล็กที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนี้ได้ชื่อจากเหมืองเกลือในบริเวณใกล้เคียง ในอดีตพื้นที่นี้ได้รับความร่ำรวยจากการผลิตเกลือ จนถึงปี 2015 จำนวนประชากรที่นี่ได้ถึง 1,221 คน ฮัลล์ชตัตตั้งอยู่ริมภูเขาและทะเลสาบ ดูเหมือนว่าเป็นเมืองเล็กที่สวยงามและบริสุทธิ์ในฝันระหว่างภูเขาและทะเลสาบ ในปี 1997 ยูเนสโกได้รวมมันเข้าไปในรายการมรดกโลกทางวัฒนธรรม ที่นี่คุณสามารถเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มรดกโลกทางวัฒนธรรม ภายในมีวัตถุมงคลที่รวมถึงเสื้อผ้าและเครื่องมือที่ขุดเกลือจากเหมืองเกลือเดิม เครื่องใช้ในยุคเหล็กและโมเดลเรือไอน้ำแรกๆ ฮัลล์ชตัตเป็นหมู่บ้านในภูมิภาคซัลซ์คาเมอร์กุทในรัฐออสเตรียสูง ตั้งอยู่ที่ริมทะเลสาบซัลซ์คาเมอร์กุทที่ระดับความสูง 511 เมตร สถาปัตยกรรมที่นี่เป็นเอกลักษณ์ ตั้งอยู่ริมภูเขาและทะเลสาบ ถูกยกย่องว่าเป็นเมืองเล็กที่สวยที่สุดในโลก ด้านล่างนี้คือคำแนะนำบางอย่างเกี่ยวกับฮัลล์ชตัต 1. การเดินทาง: จากซัลซ์บูร์ก คุณสามารถขึ้นรถไฟหรือรถยนต์ไปยังฮัลล์ชตัต รถไฟใช้เวลาประมาณ 40 นาที รถยนต์ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในฮัลล์ชตัต คุณสามารถเดินเท้าหรือเช่าจักรยานเพื่อท่องเที่ยว 2. ที่พัก: ฮัลล์ชตัตมีโรงแรมและที่พักแบบบ้านเรือนที่มีลักษณะเฉพาะมากมาย คุณสามารถเลือกตามงบประมาณและความชอบของคุณ แนะนำให้จองล่วงหน้าโดยเฉพาะในฤดูท่องเที่ยว 3. อาหาร: ฮัลล์ชตัตมีร้านอาหารและคาเฟ่ที่มีลักษณะเฉพาะมากมาย คุณสามารถลิ้มรสอาหารพื้นเมืองที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น สเต็กหมูย่าง พายแอปเปิ้ล นอกจากนี้ยังมีร้านขนมปังและร้านขนมหวาน คุณสามารถลองขนมปังและขนมหวานท้องถิ่น 4. สถานที่ท่องเที่ยว: สถานที่ที่น่าสนใจหลักของฮัลล์ชตัตรวมถึงเขตเมืองเก่า โบสถ์ในถ้ำเกลือ และโบสถ์เซนต์มาร์ติน คุณสามารถเดินเท้าในเขตเมืองเก่า ชมสถาปัตยกรรมโบราณและทิวทัศน์ที่สวยงาม โบสถ์ในถ้ำเกลือเป็นโบสถ์ที่สร้างอยู่ในถ้ำ มีลักษณะเฉพาะ โบสถ์เซนต์มาร์ตินเป็นสถาปัตยกรรมแบบกอทิค มีการตกแต่งภายในที่หรูหรา 5. ช้อปปิ้ง: ฮัลล์ชตัตมีร้านขายงานฝีมือและร้านขายของที่ระลึกมากมาย คุณสามารถซื้องานฝีมือท้องถิ่นหรือของที่ระลึกเป็นที่ระลึกการท่องเที่ยว 6. ข้อควรระวัง: ฮัลล์ชตัตเป็นเมืองเล็กที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน คุณต้องเคารพวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น นอกจากนี้ ฮัลล์ชตัตเป็นจุดหมายท่องเที่ยวที่นิยม ดังนั้นอาจจะคับคั่งในฤดูท่องเที่ยว แนะนำให้คุณวางแผนการเดินทางล่วงหน้า

#เที่ยวหน้าหนาว ฮัลชตัท ( Hallstatt) เป็นหมู่บ้านในแหล่งมรดกโลกซัลทซ์คัมเมอร์กูท ตั้งอยู่ในรัฐอัปเปอร์ออสเตรีย ประเทศออสเตรีย เมืองนี้เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก ก่อนตายควรต้องมาเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต การเดินทาง 🚝เราไปขึ้นรถไฟจากสถานี Wien Westbannhof ( Vienna central Station) ที่เวียนนาแล้วไปเปลี่ยนรถไฟที่สถานี Attnang-Puchheim เพื่อขึ้นขบวน RegionalExpress ต่อไปยังเมือง Hallstatt ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงค่ะ 🛥️จากนั้นก็นั่งเรือข้ามฟากโดยใช้เวลาอีกไม่กี่นาทีก็เข้าไปในเมืองได้เลยค่ะ 👟การเดินเที่ยวชมเมือง เดินทั้งวันก็ไม่เบื่อค่ะ ชื่นชมความงามของโบสถ์ Hallstatt Lutheran Church โบสถ์ประจำเมือง เพราะไม่ว่าจะมองไปมุมไหนเราก็จะเห็นหลังคาสูงสง่าของโบสถ์แห่งนี้ ตั้งตระหง่านอยู่ในทุกมุมของเมืองค่ะ หรือจะเลือกนั่งเล่นตรงริมทะเลสาบ นานๆ จิบกาแฟ สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด ชื่นชมดื่มด่ำวิวสวยๆ แสนจะโรแมนติก เรียกได้ว่าคุ้มค่าจริงๆ 🥘ส่วนเรื่องอาหารการกิน แนะนำร้านนี้ค่ะ Braugasthof am Hallstattersee อาหารอร่อยมากค่ะ แต่แนะนำว่าถ้าจะ dinner ที่นี่ควรไปตั้งแต่ หกโมงเย็นค่ะ คนที่นี่เค้านอนกันเร็ว สองทุ่มร้านอาหารปิดหมดแล้วค่ะ อย่างไรก็ตามใครที่มีโอกาสมาเที่ยวยุโรป ไม่ควรพลาดที่จะต้องมาเมืองนี้ค่ะ หาเวลามานอนเล่นสักคืนเดียวก็พอเพียง รับรองได้ค่ะว่า ประทับใจ ไม่รู้ลืม สมกับเป็นเมืองที่ควรมาเยือนสักครั้งในชีวิต จริงๆ ค่ะ #เที่ยวยุโรป#เที่ยวออสเตรีย#hallstatt#ทะเลสาบ#เที่ยวต่างประเทศ

#ที่เที่ยวธรรมชาติ #เที่ยวไปเรียนไป แน่นอนว่าถ้ามาโซนยุโรป หลายคนก็คงอยากมาเที่ยวที่หมู่บ้านโบราณเล็กๆ แห่งนี้ Hallstat เป็นทะเลสาปที่มีคนอาศัยอยู่กลุ่มหนึ่งเป็นเวลาเนิ่นนาน มีทัศนียภาพที่สวยงาม จนเป็นฉากซึ้งใน.ีรี่ย์เกาหลี วิธีการมา Hallstat นั้นไม่ยาก จากเวียนนาสามารถนั่งรถไฟมาได้ ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ลงสถานี Hallstat แล้วนั่งเฟอร์รี่ข้ามฟากมา เพราะทัศนียภาพที่สวยงามจึงอยากแนะนำให้พักค้างคืนบริเวณรอบทะเลสาป 1 คืน ซึ่งจะเป็นบน Hallstat หรือจะเป็นฝั่งอื่นอย่าง Obertraun ที่อาจจะราคาย่อมเยาว์กว่าก็ได้ ทัศนียภาพสวยงาม มีหงส์ลอยฟ่องเหมือนในความฝัน ไม่มาไม่ได้แล้วล่ะ

#รีวิวคาเฟ่ #เที่ยวไปเรียนไป อยากบอกว่าคาเฟ่นั่งชิลล์ที่ดี ราคาไม่แพง วิวพันล้านแบบที่หาได้ยาก ก็คือ See cafe @ Obertraun คาเฟ่นี้อยู่รืมทะเลสาป Hallstat ฝั่ง Obertraun ซึ่งไม่ไกลจาก Hallstat มากนักและมีเรือเฟอร์รี่รับส่งตลอดเวลา คาเฟ่อยู่ติดทะเลสาป เราสามารถนั่งชิลๆ รับประทานอาหารและนั่งชมวิวอันสวยงามของทะเลสาปได้เลยโดยไม่ต้องรีบร้อย ปล่อยจอย ปล่อยชีวิตสโลว์ไลฟ์ ไปกับเสียงลมเสียงคลื่น และน้ำที่ใสราวกับกระจก ราคาอาหารไม่แพงมาก เค้กชิ้นนี้ราคา 5€ เท่านั้น มีโรงแรมราคาคืนละ 2,800฿ อยู่ใกล้กัน เหมาะกับการมานอนพักในที่คนไม่พลุกพล่าน วิธีการเดินทาง เลือกสถานี Obertraun Dachsteinhohlen Banhof และเดินไม่กี่ก้าวมาทางทะเลสาปก็จะเจอร้านเลย

#ร้อนนี้เที่ยวไหนดี นึกถึงความเย็นกำลังดีและอากาศแสนสดชื่นรอบทะเลสาบเมือง Hallstatt ประเทศออสเตรีย แล้วคิดว่าเป็นหนึ่งในที่เที่ยวที่เหมาะกับหน้าร้อนที่สุด ด้วยแลนด์สเคปของเทือกเขาแอลป์โอบรอบทะเลสาบอีกที อย่าลืมไปถ่ายรูปกับวิวโบสถ์ Evangelische Pfarrkirche Hallstatt เพราะเป็นวิวที่มักเห็นในโปสการ์ด ใครมาเที่ยวก็ต้องถ่ายมุมนี้ ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆ เดินแค่ชั่วโมงสองชั่วโมงก็ครบหมดแล้ว แต่เสน่ห์ของมันคือการมาใช้เวลาเรื่อยเปื่อยแบบไม่ต้องรีบเร่งนี่แหละ ได้ปล่อยให้ลมเย็นจากแถวทะเลสาบมาปะทะหน้า นั่งมองฝูงหงส์ว่ายน้ำ แล้วก็ไปเดินเล่นรอบหมู่บ้าน นั่งกินอะไรอร่อยๆ ที่ร้านอาหารริมทะเลสาบ ในช่วงเวลาที่สงบเงียบแบบนี้ ก็ฟินแล้ว