ประเทศญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันในนาม “ดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัย” เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่คนไทยใฝ่ฝันอยากไปเยือนมากที่สุด ประเทศหมู่เกาะแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องธรรมชาติที่งดงาม หมวกหิมะสีขาวปกคลุมยอดเขาฟูจิที่นิ่งสงบเหนือทะเลสาบทั้งห้าราวกับภาพวาด ส่วนดอกซากุระแย้มกลีบสีชมพูอ่อนต้อนรับการมาถึงของลมแรกแห่งฤดูใบไม้ผลิและฝูงชน ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองและชาวญี่ปุ่นก็เป็นที่เล่าขานและสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือน อาหารและผลไม้ญี่ปุ่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด วัฒนธรรมญี่ปุ่นยังสะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นการแช่ออนเซ็น สวมกิโมโน หรือแม้แต่วัฒนธรรมอนิเมะและคอสเพลย์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
1. สำรวจโตเกียว หัวใจของญี่ปุ่น สัมผัสโตเกียวยุคใหม่ที่ยังคงเสน่ห์แบบดั้งเดิม เยี่ยมชมพระราชวังอิมพีเรียลซึ่งเป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น จากนั้นไปสัมผัสพลังงานที่เต็มเปี่ยมของกรุงโตเกียวด้วยการข้ามทางม้าลายขนาดยักษ์พร้อมกับผู้คนนับพันในบริเวณห้าแยกชิบูย่า 2. สำรวจวัดและศาลเจ้าโบราณในภูมิภาคคันไซ ญี่ปุ่นมีวัดและศาลเจ้ามากมายที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และจิตวิญญาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคคันไซ สถานที่หลายแห่งในเกียวโตได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก นอกจากนี้นารา เมืองเล็กๆแห่งภูมิภาคนี้ก็ซ่อนอัญมณีล้ำค่าอย่างวัดโทได และวัดโฮริวจิเอาไว้ ศาลเจ้าชินโตซึ่งเป็นศาสนาดั้งเดิมของญี่ปุ่นสะท้อนความเชื่อท้องถิ่นที่ว่าเทพเจ้าสถิตอยู่ในธรรมชาติ เป็นที่พึ่งพาทางจิตใจและสักการะขอพรของชาวญี่ปุ่นมาแต่อดีต 3. ชื่นชมภูเขาไฟฟูจิจากทุกมุมมอง เที่ยวชมทะเลสาบฟูจิทั้งห้าและเก็บภาพสะท้อนอันงดงามของภูเขาไฟฟูจิบนผืนน้ำ คุณสามารถอาบแสงสีทองยามเช้าหรือชมแสงสุดท้ายลับขอบฟ้าที่บริเวณทะเลสาบคาวากุจิโกะ สำหรับการเดินทาง คุณสามารถนั่งรถไฟสายฟูจิคิวโคเพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม หรือขึ้นกระเช้าเพื่อสัมผัสมุมมองแบบพาโนรามา หากคุณชื่นชอบการผจญภัยก็สามารถเลือกเดินขึ้นไปถึงยอดเขาฟูจิด้วยตนเองผ่านเส้นทางเดินป่า โดยเส้นทางเดินป่าโยชิดะถือว่าได้รับความนิยมมากที่สุด 4. เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ในญี่ปุ่น พิพิธภัณฑ์ในญี่ปุ่นมีสมบัติทางประวัติศาสตร์และศิลปะที่น่าประทับใจมากมาย พิพิธภัณฑ์หลักๆ อย่างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเกียวโต พิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินารา และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติคิวชู เป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดชม นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์โตโยต้าในจังหวัดไอจิ พิพิธภัณฑ์บะหมี่ถ้วยในโอซาก้า เป็นต้น 5. ผ่อนคลายในออนเซ็น สำหรับคนญี่ปุ่น ออนเซ็นไม่ใช่แค่สถานที่แช่น้ำร้อนเพื่อผ่อนคลายร่างกาย หากแต่เป็นการดูแลสุขภาพ เนื่องจากน้ำแร่ธรรมชาติอุดมด้วยแร่ธาตุหลากชนิดที่เชื่อกันว่าช่วยฟื้นฟูร่างกายได้ การแช่ออนเซ็นของญี่ปุ่นโดยปกติแล้วจะต้องแช่ตัวเปล่า แต่จะมีการแยกห้องชายและหญิงชัดเจน น้ำแร่ในแต่ละพื้นที่ของญี่ปุ่นก็มักมีคุณสมบัติของแร่ธาตุที่ต่างกัน ซึ่งสะท้อนจากลักษณะภูมิประเทศและที่ตั้งที่แตกต่างกันออกไป การแช่ออนเซ็นนั้นไม่เพียงเป็นที่ชื่นชอบของชาวญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ในเมืองยามาโนะอุจิหรือจังหวัดนากาโนะ แขกพิเศษอย่างลิงหิมะแก้มแดงก็ชอบมาแช่น้ำร้อนเช่นกัน 6. เยี่ยมชมตลาดปลาชื่อดังของญี่ปุ่น ตลาดปลาญี่ปุ่น เช่น ตลาดโทโยสุในโตเกียว ตลาดคุโรมงในโอซาก้า หรือตลาดไจโกและนิโจในซัปโปโร เป็นสถานที่ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการลิ้มลองซาชิมิสดๆ และข้าวหน้าอาหารทะเลจากวัตถุดิบสดใหม่ หากไปตอนเช้าตรู่สามารถชมบรรยากาศการประมูลปลาสุดคึกคักได้ด้วย 7. สนุกสนานกันที่สวนสนุกชื่อดัง ญี่ปุ่นมีสวนสนุกมากมาย ตั้งแต่ยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอ เจแปนในโอซาก้าและโตเกียวดิสนีย์แลนด์ ไปจนถึงวอร์เนอร์ บราเธอร์ส สตูดิโอ ทัวร์ ซึ่งเปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสฉากการถ่ายทำภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีฟูจิคิว ไฮแลนด์ที่มีเครื่องเล่นสุดตื่นเต้นใกล้ภูเขาฟูจิ สวนสนุกสตูดิโอจิบลิที่สร้างขึ้นตามธีมภาพยนตร์อนิเมชั่นยอดนิยม และสวนสนุกอิโคมะซันโจที่มีบรรยากาศย้อนยุคแต่เต็มไปด้วยทิวทัศน์สวยงามในนารา 8. เยี่ยมชมสถานที่สำคัญในอนิเมะและภาพยนตร์ การเยี่ยมชมสถานที่ในอนิเมะเป็นความฝันของแฟนๆ หลายคน สถานที่อย่างอากิฮาบาระ ย่านการค้าอิเคะบุคุโระ และชิบูย่า ปรากฏในอนิเมะมากมาย และเป็นที่ตั้งของร้านค้าธีมอนิเมะ คาเฟ่ และนิทรรศการต่างๆ 9. สัมผัสประสบการณ์แต่งกายด้วยชุดกิโมโน สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมหลายแห่งทั่วญี่ปุ่นมีบริการให้เช่าชุดกิโมโน บางแห่งตั้งอยู่ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว พนักงานจะช่วยคุณเลือกและสวมชุดกิโมโน หลังจากนั้นไปเดินเล่นแล้วถ่ายภาพสวยๆ ในชุดประจำชาติของญี่ปุ่น 10. เข้าร่วมพิธีชงชา เข้าร่วมพิธีชงชา ซึ่งเป็นศิลปะแขนงหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นที่แฝงปรัชญาลึกซึ้งในการดำเนินชีวิต อาจารย์ชงชาจะแนะนำคุณเกี่ยวกับหัวใจสำคัญของวิถีแห่งชา มารยาท รวมไปถึงรายละเอียดขั้นตอนในการเตรียมอุปกรณ์และการชงชา สัมผัสความสุนทรีย์ที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมกรุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของมัทฉะที่รสชาติจะลงตัวยิ่งขึ้นเมื่อทานคู่กับขนมหวานโบราณของญี่ปุ่น 11. รับชมการแสดงศิลปวัฒนธรรรม สัมผัสความตื่นเต้นและมรดกทางวัฒนธรรมของกีฬาซูโม่ รับชมศิลปะการต่อสู้ของนักมวยปล้ำไซส์ยักษ์ที่ยังคงเอกลักษณ์ของพิธีบวงสรวงแบบโบราณ หรือไปชมละครโบราณคาบูกิที่อลังการไปด้วยฉากและเครื่องแต่งกายสีสันสดใสและการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ 12. สัมผัสความงามตามฤดูกาลของญี่ปุ่น สี่ฤดูกาลของญี่ปุ่นมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป ในฤดูใบไม้ผลิ ดอกซากุระจะเบ่งบานรับอากาศสดใส ขณะที่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงสวยงามด้วยใบไม้เปลี่ยนสี ส่วนฤดูร้อนคุณสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์สีเขียวขจีและชมดอกไม้ไฟสุดอลังการ ฤดูหนาวคือช่วงเวลาสำหรับการแช่ออนเซ็นและเทศกาลหิมะซัปโปโรที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน 13. ลิ้มรสอาหารญี่ปุ่น ญี่ปุ่นมีชื่อเสียงด้านอาหารที่หลากหลาย ตั้งแต่ซูชิและราเมนไปจนถึงยากิโทริและเทมปุระ ร้านอาหารญี่ปุ่นยอดนิยมหลายแห่งต้องจองล่วงหน้า แต่ร้านอาหารข้างทางก็มีรสชาติอร่อยในแบบฉบับของคนท้องถิ่น ตลาดปลาและตลาดสดก็เป็นสถานที่สุดฮิตในการชิมอาหารทะเลสดๆ และผลไม้คุณภาพดี 14. ช้อปปิ้งหลากสไตล์ญี่ปุ่น สำรวจห้างสรรพสินค้าหรูและร้านบูติกในโตเกียวและโอซาก้า หรือเดินเลือกซื้อสินค้าในตลาดแบบดั้งเดิมที่มีผักผลไม้สด อาหารท้องถิ่น ของว่าง และของที่ระลึกมากมายให้เลือกซื้อเป็นที่ระลึก
โตเกียวเป็นมหานครแห่งความความหลากหลาย เมืองหลวงแห่งนี้เรียงรายไปด้วยตึกสูงเสียดฟ้าแต่ทว่ากลับมีศาลเจ้าโบราณที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมเงียบสงบ ประวัติศาสตร์สะท้อนผ่านหมอกควันธูปของวัดเซ็นโซจิ ขณะที่ชีพจรของชิบูย่าเต้นระรัวในยามค่ำคืน สวนอุเอโนะในฤดูใบไม้ผลิเต็มไปด้วยดอกซากุระบานสะพรั่ง ทิ้งภาพประทับใจที่ดึงดูดชาวเมืองให้กลับมาเยี่ยมชมในทุกปี ส่วนในฤดูร้อน ตรอกซอกซอยในชินจูกุจะอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของยากิโทริ ชีวิตยามค่ำคืนจะเริ่มคึกคักขึ้นเมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง และเมื่อฤดูหนาวมาเยือน นักท่องเที่ยวจะหลั่งไหลไปยังภูเขาฟูจิที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน การแช่ออนเซ็นก็เป็นอีกกิจกรรมยอดนิยมในช่วงเวลาหนาวเย็นนี้ด้วยเช่นกัน
ทางอากาศ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางเข้าญี่ปุ่นโดยเครื่องบิน โตเกียวมีสนามบินหลักสองแห่งคือ ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ (NRT) สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศระยะไกล และท่าอากาศยานนานาชาติฮาเนดะ (HND) สำหรับเส้นทางภายในประเทศและภูมิภาค สนามบินนานาชาติคันไซ (KIX) เป็นศูนย์กลางหลักสำหรับภูมิภาคตะวันตกของญี่ปุ่น ใกล้กับโอซาก้า เกียวโต และโกเบ ส่วนสนามบินชูบุเซ็นแทรร์ (NGO) ให้บริการภาคกลางของญี่ปุ่น ขณะที่สนามบินฟุกุโอกะ (FUK) เหมาะสำหรับภูมิภาคคิวชู สนามบินทั้งหมดทันสมัย สะอาด และเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะ ทางทะเล การเดินทางโดยเรือเฟอร์รี่จากประเทศใกล้เคียงเป็นอีกวิธีหนึ่งในการเข้าสู่ญี่ปุ่น เส้นทางปูซาน-ฟุกุโอกะจากเกาหลีใต้เป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยม นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเรือเฟอร์รี่เชื่อมต่อญี่ปุ่นกับประเทศจีน เช่น เซี่ยงไฮ้ไปโอซาก้า อีกทั้งยังมีเรือเฟอร์รี่ภายในประเทศให้บริการ
ประเทศญี่ปุ่นมีความสวยงามที่แตกต่างกันไปตามฤดู ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน - พฤษภาคม อุณหภูมิเฉลี่ย 2° - 24°C): อากาศเย็นสบาย ดอกซากุระผลิบานทั่วประเทศ ตั้งแต่โอกินาวะไปจนถึงฮอกไกโด ดอกไม้ชนิดอื่นอย่างวิสทีเรียและทิวลิปก็เบ่งบานไม่แพ้กัน ฤดูร้อน (มิถุนายน - สิงหาคม อุณหภูมิเฉลี่ย 16° - 30°C): เริ่มมีฝนตั้งแต่เดือนมิถุนายน ก่อนจะร้อนชื้นในเดือนกรกฎาคม เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้ง กิจกรรมริมน้ำ และเฉลิมฉลองเทศกาลฤดูร้อน เช่น เทศกาลดอกไม้ไฟ แหล่งท่องเที่ยวแนะนำ เช่น โอกินาว่า เกียวโต และฮอกไกโด ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน - พฤศจิกายน อุณหภูมิเฉลี่ย 7° - 27°C): ใบไม้เปลี่ยนสีทั่วภูเขาและสวนสาธารณะ อากาศกำลังดี เหมาะกับการเดินเที่ยว ชมธรรมชาติ และพักในเรียวกัง (ที่พักแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น) แหล่งท่องเที่ยวแนะนำ เช่น นิกโกะ ช่องเขานารุโกะ และชิชิบุ ฤดูหนาว (ธันวาคม - มีนาคม อุณหภูมิเฉลี่ย -6° - 20°C): หิมะขาวโพลนครอบคลุมหลายพื้นที่ เหมาะกับการเล่นสกี แช่ออนเซ็น หรือชมไฟประดับช่วงปีใหม่ แหล่งท่องเที่ยวแนะนำ เช่น ฮาคุบะ นิเซโกะ และซาโอะ
1. ระวังสภาพอากาศตามฤดูกาล: สภาพอากาศอาจเปลี่ยนแปลงอย่างมากในระหว่างวัน โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนและฤดูไต้ฝุ่น (กรกฎาคมถึงตุลาคม) ก่อนเดินทางควรตรวจสอบพยากรณ์อากาศและนำอุปกรณ์กันฝนที่เหมาะสมไปด้วย 2. เคล็ดลับความปลอดภัยสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง: เมื่อไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างภูเขาไฟฟูจิ ให้ระมัดระวังการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและความปลอดภัยบนภูเขา ปฏิบัติตามแนวทางความปลอดภัยของสถานที่ท่องเที่ยว ต้องแน่ใจว่าได้เตรียมรองเท้าสำหรับเดินป่า เสื้อกันฝน เสื้อผ้ากันหนาว และระวังอาการแพ้ความสูง นำอาหารและน้ำติดตัวให้เพียงพอ และอย่าลืมนำขยะกลับไปทิ้งด้วย 3. เคล็ดลับความปลอดภัยด้านอาหาร: อาหารทะเลสดใหม่คือวัตถุดิบหลักของเมนูยอดนิยมอย่างซูชิและซาชิมิ ถ้าคุณแพ้อาหารทะเลหรืออาหารดิบ ควรเลือกรับประทานอย่างระมัดระวัง คุณสามารถแจ้งร้านอาหารเกี่ยวกับความต้องการด้านอาหารของคุณล่วงหน้า และตรวจสอบข้อมูลสารก่อภูมิแพ้บนฉลากอาหาร 4. ธรรมเนียมการชิดซ้ายของญี่ปุ่น: ญี่ปุ่นขับรถชิดซ้าย และยืนชิดซ้ายบนบันไดเลื่อน ยกเว้นที่โอซาก้าเท่านั้น ที่มีธรรมเนียมให้ยืนชิดขวาและเดินชิดซ้ายบนบันไดเลื่อน 5. ข้อควรรู้ในร้านสะดวกซื้อ: ที่ร้านสะดวกซื้อในญี่ปุ่น มีอัตราภาษีต่างกันระหว่างการซื้อกลับบ้าน (8%) และการรับประทานภายในร้าน (10%) หากต้องการนั่งทานในพื้นที่ที่จัดไว้ ควรแจ้งพนักงานขณะชำระเงิน หากชำระด้วยอัตราภาษีซื้อกลับบ้านแล้ว ไม่ควรเปิดทานในร้าน เมื่อชำระเงิน ให้วางเงินสดลงในถาดเล็กที่หน้าเคาน์เตอร์ ไม่ยื่นเงินให้พนักงานโดยตรง การใช้ถาดเป็นมารยาททั่วไปที่ช่วยให้การทำธุรกรรมสุภาพและโปร่งใสมากขึ้น 6. มารยาทเรื่องถอดรองเท้าในอาคาร: ควรถอดรองเท้าเมื่อเข้าบ้านคนญี่ปุ่น ร้านอาหารบางแห่ง โรงแรมหรือเรียวกัง วัด และแม้แต่ห้องลองเสื้อผ้า โดยวางไว้ที่บริเวณทางเข้าและหันหัวรองเท้าออกด้านนอก ควรสวมใส่ถุงเท้า และหลีกเลี่ยงการเดินบนพื้นเสื่อทาทามิขณะยังใส่รองเท้า 7. อย่าลืมพกเงินสด: ร้านค้าแบบดั้งเดิมหลายแห่งในญี่ปุ่นรับชำระเงินด้วยเงินสดเท่านั้น นอกจากนี้ร้านอาหารบางแห่งต้องสั่งอาหารกับเครื่องกดคูปองอัตโนมัติ ดังนั้นจึงควรพกเงินสดติดตัวไว้ในกรณีที่คุณไม่สามารถชำระเงินด้วยบัตรได้ 8. จองร้านอาหารยอดนิยมล่วงหน้า: ร้านอาหารชื่อดังหรือร้านหรูในญี่ปุ่นหลายแห่งต้องจองล่วงหน้า บางร้านอาจเต็มล่วงหน้าหลายสัปดาห์ และไม่รับลูกค้าที่ไม่ได้จอง โดยเฉพาะร้านที่มีที่นั่งจำกัดหรือเป็นแบบโอมากาเสะ หากคุณไม่พูดภาษาญี่ปุ่น แนะนำให้ใช้แพลตฟอร์มจองเช่น TableCheck หรือ Tabelog หรือขอให้โรงแรมช่วยจองให้ และหากต้องการยกเลิก ควรแจ้งล่วงหน้า ไม่เช่นนั้นอาจมีค่าปรับ 9. ธรรมเนียมในร้านอาหาร: ในญี่ปุ่นไม่จำเป็นต้องให้ทิป เนื่องจากค่าบริการมักรวมอยู่ในบิลแล้ว เพียงแค่จ่ายตามจำนวนที่แสดงในบิล โดยในร้านอาหารบางประเภท เช่น อิซากายะ อาจมีการเสิร์ฟอาหารเรียกน้ำย่อยที่เราไม่ได้สั่ง หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า โอโตชิ ซึ่งมักมีค่าบริการประมาณ 500-1000 เยนต่อคน ถือเป็นธรรมเนียมปกติของอิซากายะในญี่ปุ่น ร้านอาหารบางแห่งจะมีการคิดค่าที่นั่ง โดยเฉพาะในช่วงคืนวันหยุดหรือในช่วงเทศกาล นอกจากนี้ ร้านอาหารบางแห่งอาจไม่อนุญาตให้นำอาหารที่เหลือกลับบ้าน เนื่องจากข้อกังวลด้านสุขอนามัยของอาหาร 10. ขั้นตอนฉุกเฉินกรณีเกิดแผ่นดินไหว: ญี่ปุ่นเป็นภูมิภาคที่มีแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง ดังนั้นเมื่อเช็คอินเข้าโรงแรม ควรทำความคุ้นเคยกับทางออกฉุกเฉินและเส้นทางอพยพ ในระหว่างเกิดแผ่นดินไหว ให้ใจเย็นและหาที่หลบภัยใต้เฟอร์นิเจอร์ที่แข็งแรง ปฏิบัติตามคำแนะนำของพนักงานโรงแรม 11. มารยาทบนรถไฟฟ้าในญี่ปุ่น: ขณะโดยสารรถไฟฟ้า หลีกเลี่ยงการรบกวนผู้โดยสารคนอื่นด้วยการเปิดเพลงหรือพูดคุยโทรศัพท์เสียงดัง รวมถึงหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม บนรถไฟฟ้าจะมีที่นั่งพิเศษเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการ สตรีมีครรภ์ หรือผู้ป่วย ไม่ควรนั่งหากไม่จำเป็น รถไฟฟ้าบางสายอาจมีโบกี้เฉพาะสำหรับผู้หญิงในช่วงเวลาเร่งด่วนตอนเช้าและเย็น ซึ่งจะมีป้ายบอกชัดเจน ควรตรวจสอบตารางเวลาและตำแหน่งโบกี้ล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นผิดโดยไม่ตั้งใจ 12. กฎการสูบบุหรี่ในญี่ปุ่น: การสูบบุหรี่ในที่สาธารณะในญี่ปุ่นมีกฎระเบียบที่เข้มงวด ต้องสูบเฉพาะในพื้นที่ที่จัดไว้เท่านั้น ซึ่งมักจะมีป้ายบอกชัดเจน เช่น ใกล้สถานีรถไฟหรือหน้าร้านสะดวกซื้อ ห้ามสูบบุหรี่ขณะเดิน และในบางเมืองอาจมีโทษปรับ ควรดับบุหรี่ให้เรียบร้อยและทิ้งก้นบุหรี่ในที่ที่จัดไว้ อย่าทิ้งลงพื้นเด็ดขาด 15. จองสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมล่วงหน้า: สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างชิบูย่าสกายหรือพิพิธภัณฑ์จิบลิต้องจองล่วงหน้า บางช่วงเวลามีจำนวนจำกัด โปรดทราบว่าสถานที่ท่องเที่ยวและร้านอาหารหลายแห่งปิดให้บริการในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ จึงควรวางแผนล่วงหน้าให้ดี 16. เคารพประเพณีทางศาสนาของท้องถิ่น: เมื่อเข้าสู่ศาลเจ้าและวัด กรุณารักษาความเงียบและขออนุญาตก่อนถ่ายภาพ อย่าเข้าไปในบริเวณที่มีการถวายเครื่องสักการะ 17. มารยาทในการแช่ออนเซ็น: หากคุณวางแผนจะไปแช่น้ำพุร้อนในญี่ปุ่น อย่าลืมชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อนลงแช่ และระวังอย่าให้ผ้าขนหนูแตะน้ำในบ่อ นอกจากนี้ ออนเซ็นบางแห่งไม่อนุญาตให้ผู้มีรอยสักเข้าใช้บริการ ดังนั้นควรตรวจสอบล่วงหน้า 18. กฎระเบียบการบินโดรนและการถ่ายภาพในที่สาธารณะ: การใช้โดรนในญี่ปุ่นต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด โดรนที่มีน้ำหนักเกิน 200 กรัมต้องได้รับอนุญาตพิเศษ และสามารถบินได้เฉพาะในเวลากลางวัน อยู่ในระยะที่ผู้ควบคุมมองเห็น และต่ำกว่า 150 เมตร เมื่อถ่ายภาพหรือวิดีโอในที่สาธารณะ ควรหลีกเลี่ยงการบันทึกใบหน้าของผู้คนเพื่อป้องกันปัญหาที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนรถไฟ 19. แยกขยะอย่างเคร่งครัด: ญี่ปุ่นมีกฎระเบียบที่เข้มงวดในการแยกขยะ ควรพกถุงขยะติดตัวเนื่องจากถังขยะสาธารณะในญี่ปุ่นมีน้อยมาก ที่นี่จัดประเภทขยะเป็นขยะเผาได้ ขยะเผาไม่ได้ และขยะรีไซเคิลอีกสองประเภท ห้ามทิ้งขยะไม่เป็นที่เนื่องจากผิดกฎหมาย หากไม่ได้พกถุงขยะไป สามารถทิ้งขยะได้ที่ถังขยะในบริเวณสถานีรถไฟหรือร้านสะดวกซื้อ 20. ใช้บัตร IC เพื่อความสะดวก: บัตร IC เช่น Suica, Pasmo หรือ Icoca ใช้ได้กับรถไฟใต้ดิน รถบัส และร้านค้าบางแห่งทั่วญี่ปุ่น เติมเงินได้ที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติหรือที่สถานี ใช้งานง่ายเพียงแตะตอนเข้า–ออก ไม่ต้องซื้อบัตรโดยสารแยกแต่ละเที่ยว ช่วยประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากในการเดินทาง
เมื่อเดินทางในญี่ปุ่น ควรเตรียมหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินให้พร้อมเสมอ สามารถโทร 110 เพื่อติดต่อหาตำรวจเพื่อแจ้งเหตุฉุกเฉิน และโทร 119 เพื่อเรียกรถพยาบาล/ดับเพลิง สำหรับบริการด้านการท่องเที่ยวสามารถติดต่อได้ที่หมายเลข 050-3816-2787 โปรดทำความคุ้นเคยกับขั้นตอนฉุกเฉินสำหรับภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหวและไต้ฝุ่น โดยสามารถดาวน์โหลดแอป Safety tips ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น เพื่อรับการแจ้งเตือนและข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับภัยพิบัติ















