instagramworthydestinations
ตลอดหลายศตวรรษ โดยเฉพาะระหว่างศตวรรษที่ 12 ถึง 13 เมืองโบโลญญาเป็นเมืองที่มีหอคอยมากมาย หอคอยเกือบทั้งหมดสูง (หอคอยที่สูงที่สุดคือ 97 เมตร) เป็นหอคอยหินป้องกัน จำนวนหอคอยในเมืองมีสูงมาก อาจมากกว่า 200 แห่ง
ปัจจุบันเหลือหอคอย 25 แห่งโดยไม่นับหอระฆังหลายร้อยแห่งในเมือง
หอคอยสองแห่ง “Le due torri” ซึ่งทั้งสองหอคอยเอียงเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโบโลญญา และเป็นหอคอยที่โดดเด่นที่สุดในเมืองโบโลญญา (จนถึงปี 1919 มีหอคอย 5 แห่งในจัตุรัสนี้)
หอคอยที่สูงกว่าเรียกว่า Asinelli ในขณะที่หอคอยที่เล็กกว่าแต่เอียงมากกว่าเรียกว่า Garisenda ชื่อของหอคอยเหล่านี้มาจากชื่อของครอบครัวที่เชื่อกันว่าเป็นผู้สร้างหอคอยนี้ระหว่างปี ค.ศ. 1109 ถึง 1119
หอคอย Asinelli ถูกใช้โดยนักวิทยาศาสตร์ Giovanni Battista Riccioli (ในปี ค.ศ. 1640) และ Giovanni Battista Guglielmini (ในศตวรรษต่อมา) สำหรับการทดลองศึกษาการเคลื่อนที่ของวัตถุหนักและการหมุนของโลก ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างปี ค.ศ. 1943 ถึง 1945 หอคอยนี้ถูกใช้เป็นจุดสังเกต โดยในระหว่างการโจมตีด้วยระเบิด อาสาสมัคร 4 คนจะประจำการอยู่ที่ด้านบนเพื่อสั่งการปฏิบัติการกู้ภัยไปยังสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร
ต่อมา มีการติดตั้งรีเลย์โทรทัศน์ของ RAI ไว้ที่ด้านบน
เชื่อกันว่าสถาปนิก Minoru Yamasaki ได้รับแรงบันดาลใจจากหอคอยนี้เมื่อออกแบบเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในช่วงทศวรรษ 1960
หอคอย Garisenda ในปัจจุบันมีความสูง 48 เมตรและส่วนยื่นออก 3.2 เมตร เดิมทีหอคอยแห่งนี้มีความสูงประมาณ 60 เมตร แต่ในศตวรรษที่ 14 จำเป็นต้องลดระดับลงมาเนื่องจากพื้นดินเอียงและอันตราย
หอคอยแห่งนี้ถูกอ้างถึงหลายครั้งโดยดันเต้ในหนังสือ Divine Comedy และ The Rhymes (ซึ่งเป็นการยืนยันถึงการมาอยู่ที่โบโลญญาของเขา) และโดยเกอเธ่ในหนังสือ Italian Journey ของเขา หอคอยทั้งสองแห่งนี้ยังเป็นหัวข้อของบทกวีที่ใช้ชื่อเดียวกับเขาโดยจิโอซูเอ คาร์ดัชชี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบทกวี Barbarian Odes ชาร์ลส์ ดิกเกนส์เขียนเกี่ยวกับหอคอยแห่งนี้ในหนังสือ Pictures from Italy ของเขา
คุณยังสามารถเยี่ยมชมและปีนขึ้นไปบนยอดหอคอย Asinelli ได้
#instagramworthydestinations #urbanexplorer #unforgettableexperiences