ฮ่องกงเป็นเมืองที่ผสมผสานระหว่างความเก่าและใหม่ได้อย่างลงตัว วิคตอเรียฮาร์เบอร์แบ่งเมืองออกเป็นสองฝั่ง คือ เกาลูนและเกาะฮ่องกง โดยมีสตาร์เฟอร์รี่เป็นดาวเด่นที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2423 เชื่อมสองฝั่งเข้าด้วยกันในราคาย่อมเยา เมื่อมาเยือนที่นี่ คุณอาจพบตัวเองนั่งลิ้มรสติ่มซำอยู่ในร้านเล็กๆ และจิบชาร้อนที่ยังคงรสชาติดั้งเดิมมานานนับสิบปี กลิ่นอายของหมู่บ้านชาวประมงในอดีตยังคงหลงเหลืออยู่ในมุมเงียบๆ ของเมือง ขณะที่ท้องถนนคึกคักและสว่างไสวไปด้วยแสงนีออนอย่างที่มักจะคุ้นตากันดีจากภาพยนตร์ เป็นบรรยากาศที่ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองที่ฮ่องกง
1. ชมทิวทัศน์เส้นขอบฟ้า ช่วงเวลา 20.00 น.บริเวณอ่าววิคตอเรียมีการแสดงแสงสีเสียง Symphony of Lights ชื่นชมสีสันจากแสงไฟและตึกระฟ้า เก็บภาพเส้นขอบฟ้าใกล้หอนาฬิกา และเพลิดเพลินกับบรรยากาศริมแม่น้ำ 2. ผจญภัยบนเดอะพีค นั่งรถรางมุ่งสู่ยอดเขาวิคตอเรีย หรือที่ชาวฮ่องกงรู้จักกันว่า เดอะพีค เดินชมทิวทัศน์ของเมืองและเกาะฮ่องกงจากมุมสูงไปตามถนนลูการ์ด ซึ่งใช้เวลาประมาณ 45 นาที วิวพระอาทิตย์ตกดินในช่วงเย็นจะทำให้ทิวทัศน์ด้านล่างสวยงามขึ้น 3. เพลิดเพลินในสวนสนุก เติมความสุขกันที่สวนสนุกฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ ตื่นเต้นเร้าใจกับเครื่องเล่นไอรอนแมน ผจญภัยในคฤหาสน์สุดพิศวงอย่าง Mystic Manor และชมการแสดงดอกไม้ไฟเหนือปราสาท อีกหนึ่งสถานที่ห้ามพลาดก็คือโอเชียนพาร์คที่เป็นทั้งสวนสนุก สวนสัตว์ และอควาเรียม ที่นี่มีรถไฟเหาะอย่าง Hair Raiser และอุโมงค์ฉลามขนาดใหญ่ที่ทำให้ขนคุณลุกชัน แนะนำว่าควรไปดิสนีย์แลนด์ในวันธรรมดาเนื่องจากคนจะเยอะมากในช่วงสุดสัปดาห์ 4. สำรวจความคึกคักของตลาดฮ่องกง เดินเล่นที่ตลาดเลดี้ส์มาร์เก็ตในมงก๊ก ที่นี่มีทั้งรองเท้า กระเป๋า และสินค้าให้เลือกมากมาย เปิดให้บริการจนถึงดึกดื่น เต็มอิ่มกับบรรยากาศท้องถิ่นที่ตลาดจาร์ดีนเครทเซนต์ในคอสเวย์เบย์ หรือเดินเล่นยามดึกที่ตลาดนัดกลางคืนเทมเปิลสตรีท 5. สัมผัสประสบการณ์บันไดเลื่อนครั้งใหม่ ลองขึ้นบันไดเลื่อน Central–Mid-Levels ซึ่งเป็นบันไดเลื่อนกลางแจ้งมีหลังคาที่ยาวที่สุดในโลก ทางลงไปย่านเซ็นทรัลให้บริการตั้งแต่ 6.00-10.00 น. ส่วนทางขึ้นไปยังย่านมิดเลเวลให้บริการตั้งแต่ 10.00-24.00 น. ระหว่างทางอย่าลืมแวะพักที่ย่านโซโหเพื่อดื่มกาแฟ หรือเที่ยวตลาดสดแถวเชิงหว่าน 6. เดินป่าจากสันเขาถึงชายหาด เดินบนเส้นทางเขาหลังมังกรซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฮ่องกง ชมวิวทะเลและทัศนียภาพมุมกว้างของแนวชายฝั่ง เส้นทางนี้จะสิ้นสุดลงที่ชายหาดของอ่าวบิ๊ก เวฟ เบย์ โดยใช้เวลาเดินประมาณ 2–3 ชั่วโมง หากชอบความท้าทาย อย่าลืมลองขึ้นเขา Sharp Peak ในไซกุง แนะนำว่าควรพกน้ำดื่มไปให้เพียงพอ หรือจะลงเล่นน้ำเพื่อคลายร้อนก็ได้ ออกเดินทางแต่เช้าเพื่อเลี่ยงความแออัด โดยนั่ง MTR ไปที่ Shau Kei Wan แล้วต่อด้วยรถบัสสาย 9 7. ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล ขอพรที่วัดเจ้าแม่ทับทิมทินหัวในย่าน Yau Ma Tei เพื่อความเป็นสิริมงคล หลังจากนั้นไปเสริมบุญกันต่อที่วัดหมั่นโหมวซึ่งตั้งอยู่ในเชิงหว่าน ในช่วงบ่ายอย่าลืมเยี่ยมชมตลาดผลไม้ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลเพื่อเติมความพิเศษให้กับวัน 8. การเดินทางด้วยรถเคเบิล นั่งกระเช้านองปิง 360 สู่เกาะลันเตา พร้อมชมวิวสุดอลังการจากห้องโดยสารพื้นกระจก เข้านมัสการพระใหญ่เทียนถาน หลังจากนั้นแวะเยือน หมู่บ้านชาวประมงไท่โอ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ปิดท้ายด้วยความสงบที่วัดโป่หลิน หากคุณอยากพักหายใจจากความวุ่นวายในเมืองแล้วล่ะก็ เกาะลันเตาถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ควรไปเยือน 9. ลิ้มรสอาหารท้องถิ่นฉบับฮ่องกง ซื้อขนมจีบและวาฟเฟิลไข่ร้อนๆ จากรถเข็นในย่านซัมซุยโป เอร็ดอร่อยกับห่านย่างหนังกรอบที่ซ๊ามแจ๋ง (Sham Tseng) หรือทานเกี๊ยวร้อนๆ จากร้านข้างทางในช่วงเย็น จากนั้นไปที่ร้านน้ำชาและอาหารจานด่วนสไตล์ฮ่องกง เช่น Mido Café ถือเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวันที่ชาวฮ่องกงขาดไม่ได้ 10. ปั่นจักรยานรับลมบนเกาะ นั่งเรือเฟอร์รี่เพียง 30 นาทีเพื่อเดินทางจากเซ็นทรัลสู่เกาะเชิงเชาแล้วแวะไหว้พระที่วัดปักไต๋ จากนั้นเดินทางไปเกาะลัมมาเพื่อลิ้มรสอาหารทะเลฉบับชาวฮ่องกงและปั่นจักรยานชมวิวริมน้ำ เลือกไปวันธรรมดาเพื่อสัมผัสบรรยากาศเงียบสงบไร้ฝูงชน 11. เดินชมเส้นทางมรดก เดินตามเส้นทางเดินมรดกผิงซานจาก MTR สถานี Tin Shui Wai เพื่อชมกำแพงโบราณ เจดีย์ที่มีอายุเก่าแก่ราว 600 ปี และศาลบรรพบุรุษที่บอกเล่าเรื่องราวในอดีต แวะสำรวจหมู่บ้านล้อมกำแพง และดื่มดำกับความเงียบสงบของเจดีย์โบราณ Tsui Sing Lau ที่เอนตัวเล็กน้อยอย่างเป็นเอกลักษณ์ 12. ผ่อนคลายริมชายหาด นั่งรถบัสสาย 6 หรือ 260 จากเซ็นทรัล ใช้เวลาเพียง 30 นาทีสู่หาดรีพัลส์เบย์ สัมผัสทรายนุ่มและคลื่นสงบ หรือเลือกหาดสแตนลีย์สำหรับบรรยากาศที่คึกคักกว่า อย่าลืมแวะสักการะวัดเจ้าแม่ทับทิมทินหัวซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล ไม่ว่าคุณจะชอบชายหาดที่เงียบสงบหรือคึกคัก ฮ่องกงก็มีตัวเลือกที่ตอบโจทย์คุณได้เสมอ
ฮ่องกงนำเสนอความตื่นเต้นและวิถีชีวิตที่หลากหลาย เป็นทั้งที่ตั้งของความบันเทิงอย่างสวนสนุกระดับโลกและศูนย์กลางความศรัทธาอย่างวัดวาอาราม ไม่ว่าสถานที่ใดก็มีเสน่ห์ดึงดูดคุณให้หลงรัก
วัฒนธรรมอาหารในฮ่องกงเป็นการผสมผสานของรสชาติและจังหวะชีวิตของคนท้องถิ่น มาทำความรู้จักกับรสชาติของฮ่องกงกัน
ทางอากาศ: สนามบินนานาชาติฮ่องกง (HKIA) เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการบินของภูมิภาคเอเชีย รถไฟ Airport Express ใช้เวลา 24 นาทีถึงเซ็นทรัล ส่วนรถบัส A11 ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงไปจิมซาจุ่ย แท็กซี่ใช้เวลา 30-45 นาที แต่ค่าโดยสารจะสูงกว่า ทางทะเล: เรือสำราญจอดที่ Kai Tak Cruise Terminal ในเกาลูน สามารถเดินไปยังสถานี MTR หรือใช้บริการแท็กซี่ได้ เรือเฟอร์รี่จากเซินเจิ้น (Shekou) และกวางโจว (Nansha) ไป China Ferry Terminal ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง ทางรถไฟ: รถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อจีนแผ่นดินใหญ่กับสถานี West Kowloon ในฮ่องกง สามารถเดินทางไปกวางโจว (47-104 นาที), เซินเจิ้น (14-28 นาที), ปักกิ่ง (ตู้ธรรมดา 8 ชั่วโมง 10 นาที, ตู้นอน 12.5 ชั่วโมง), และเซี่ยงไฮ้ (ตู้ธรรมดา 7 ชั่วโมง 49 นาที-8 ชั่วโมง, ตู้นอน 11 ชั่วโมง) ทางรถยนต์: จุดผ่านแดนทางบก ได้แก่ Lo Wu, Lok Ma Chau และ Shenzhen Bay มีรถบัสและแท็กซี่ให้บริการ ใช้เวลา 30-60 นาทีถึงตัวเมือง อย่างไรก็ตาม ที่จอดรถมีจำกัด การใช้ระบบขนส่งสาธารณะจึงสะดวกกว่า
ที่พักในย่านต่างๆของฮ่องกงถือเป็นหนึ่งในตัวตัดสินความสุขระหว่างทริปของคุณ แต่ละย่านมีเสน่ห์และจังหวะชีวิตที่แตกต่างกัน
ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-เมษายน): อากาศเย็นสบาย (20-25°C) ท้องฟ้าโปร่ง เหมาะสำหรับการเดินป่าและเข้าร่วมเทศกาล เช่น Rugby Sevens นักท่องเที่ยวเริ่มเยอะ ควรจองที่พักล่วงหน้า ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม-พฤศจิกายน): อากาศสดชื่น (22-28°C) มีแดด เหมาะกับการเที่ยวสถานที่กลางแจ้ง เช่น เดอะพีค เป็นช่วงไฮซีซั่น จึงราคาสูงและมีนักท่องเที่ยวมาก ควรหลีกเลี่ยง: ฤดูร้อนอากาศร้อนชื้นและมีโอกาสเกิดพายุไต้ฝุ่น ฤดูหนาวอากาศเย็นและชื้น ควรเตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะสม
1. วางแผนเที่ยวตลาดนัดกลางคืนเทมเปิลสตรีท ตลาดนัดกลางคืนเทมเปิลสตรีทในฝั่งเกาลูนเริ่มคึกคักหลัง 18.00 น. ที่นี่เต็มไปด้วยของที่ระลึก อาหารริมทาง และหมอดู และจะปิดบริการทุกวันจันทร์เพื่อทำความสะอาด วันเสาร์-อาทิตย์คนแน่นตั้งแต่สองทุ่มเป็นต้นไป จึงแนะนำให้ไปก่อนเวลาเพื่อเลี่ยงความแออัด เตรียมเงินสดไปด้วยเนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่รับเงินสดมากกว่าบัตร 2. จองตั๋วรถราง Peak Tram ล่วงหน้า การขึ้นรถราง Peak Tram ไปยอดเขาวิคตอเรียอาจต้องรอนานมากกว่า 60 นาที ในช่วงไฮซีซั่น เช่น เดือนตุลาคมหรือเทศกาลตรุษจีน ควรจองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้า 1-2 วัน เพื่อเลือกช่วงเวลาที่ต้องการ หากต้องการเลี่ยงฝูงชน แนะนำให้เลือกขึ้นรอบเช้าตรู่เพื่อชมวิวทะเลหมอกที่เส้นขอบฟ้า หากไม่อยากรอคิวอาจลองเลือกเดิน Morning Trail ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ ทางเดินนี้เป็นทางขึ้นเขาที่เงียบสงบและมีทัศนียภาพที่สวยงามไม่แพ้กับการนั่งรถรางเลย 3. ใช้ขนส่งสาธารณะให้เหมือนคนท้องถิ่น MTR ของฮ่องกง สะอาด รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ควรซื้อ บัตร Octopus (มีค่ามัดจำ เติมเงินได้) เพื่อใช้กับ รถไฟฟ้า รถเมล์ และซื้อของในร้านสะดวกซื้อ ขึ้นบันไดเลื่อนต้องยืนชิดขวา หากจะเดินให้ชิดซ้าย โดยเฉพาะที่บันไดเลื่อน Central–Mid-Levels ห้ามรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มในรถไฟฟ้า หากฝ่าฝืนจะมีค่าปรับ 4. หลีกเลี่ยงการใช้ทางเดินลอยฟ้าในช่วงเวลาเร่งด่วน ทางเดินลอยฟ้าในย่านเซ็นทรัลและแอดมิรัลตี้จะเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินทางไปทำงานในช่วง 07.00–09.00 น. และ 17.00–19.00 น. หากไม่อยากเบียดเสียดกับฝูงชน ให้เลือกใช้เส้นทางอื่นซึ่งพลุกพล่านน้อยกว่า และยังได้ชมร้านค้าดั้งเดิมระหว่างทางด้วย 5. เตรียมตัวให้พร้อมกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ในเดือนกรกฎาคม ฮ่องกงมีอากาศร้อนและชื้น โดยอุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 32°C และความชื้นที่สูงถึง 80% ขณะที่ในเดือนกุมภาพันธ์ อากาศจะเย็นลงเหลือประมาณ 17°C พร้อมกับฝนปรอยๆ ดังนั้นควรเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสมและพกร่มติดตัว หรือสามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อ ฤดูไต้ฝุ่นจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ซึ่งอาจทำให้เรือเฟอร์รี่หยุดให้บริการชั่วคราว แนะนำให้ตรวจสอบแอป HK Observatory เพื่อรับข้อมูลการแจ้งเตือนพายุ 6. ระวังตัวในจุดที่คนพลุกพล่าน ในย่านจิมซาจุ่ยและ Causeway Bay มีมิจฉาชีพที่อาจพยายามล้วงกระเป๋า ดังนั้นควรระมัดระวัง โดยเฉพาะเด็กที่อาจเดินชนคุณ หรือคนที่เข้ามาขอให้เซ็นชื่อในเอกสาร แนะนำให้ใช้กระเป๋าสะพายข้างแทนเป้สะพายหลัง และเก็บโทรศัพท์ให้ปลอดภัย หากมีคนเสนอให้สร้อยข้อมือฟรี หรือบริการดูดวง อาจเป็นกลลวง ควรส่ายหน้าและเดินออกมาอย่างสุภาพ 7. ขึ้นเรือเฟอร์รี่แทนการนั่งแท็กซี่ การเดินทางจากสนามบินไปยังเซ็นทรัลด้วยแท็กซี่อาจมีค่าใช้จ่ายสูง แนะนำให้ลองใช้บริการ Airport Express ซึ่งมีราคาถูกกว่าและใช้เวลาเพียง 24 นาที พร้อมเชื่อมต่อกับ MTR ได้อย่างสะดวก ในตัวเมือง การนั่ง Star Ferry ข้ามอ่าววิกตอเรียเป็นทางเลือกที่ดีกว่าแท็กซี่ ด้วยราคาที่ประหยัดกว่า วิวที่สวยงาม และมีบริการทุก 10 นาทีจนถึงดึก 8. เคารพกฎห้ามสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ในพื้นที่สาธารณะในร่ม สวนสาธารณะ และบริเวณทางเข้า MTR เป็นสิ่งต้องห้ามตามกฎหมายที่เข้มงวดขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2566 การสูบบุหรี่ไฟฟ้าก็ถือว่าผิดกฎหมายและอาจถูกยึดโดยศุลกากรได้ หากต้องการสูบบุหรี่ ควรมองหาพื้นที่ให้สูบซึ่งส่วนมากจะตั้งอยู่ใกล้ถังขยะสาธารณะเพื่อปฏิบัติตามกฎ 9. รับประทานอาหารอย่างคนท้องท้องถิ่น หลีกเลี่ยงกับดักนักท่องเที่ยว ร้านติ่มซำใกล้เดอะพีคอาจมีราคาสูงเกินจริง แนะนำให้ลองไปร้านอาหารท้องถิ่นในมงก๊ก ที่มีรสชาติอร่อยไม่แพ้กันแต่ราคาย่อมเยากว่า หากคุณต้องการซื้อผลไม้สดราคาถูก แนะนำให้ไปที่ตลาดสดหว่านไจ๋ ซึ่งคุณสามารถซื้อมะม่วงหรือผลไม้ตามฤดูกาล แล้วไปนั่งรับประทานพร้อมชมวิวริมอ่าวได้ 10. ต่อรองราคากับพ่อค้าแม่ค้า ตลาดในมงก๊กและซัมซุยโปเปิดโอกาสให้คุณต่อรองราคาได้ ลองเริ่มต้นที่ครึ่งหนึ่งของราคาที่ตั้งไว้ แล้วค่อยๆ เจรจาด้วยรอยยิ้ม การใช้เงินสดอาจช่วยให้ได้ราคาดีกว่า แนะนำให้ไปในช่วงเช้าวันธรรมดา ซึ่งบรรยากาศจะเงียบสงบกว่า ทำให้การต่อรองง่ายขึ้น 11. ซื้อซิมการ์ดตั้งแต่สนามบิน ที่สนามบินฮ่องกง คุณสามารถซื้อซิมพรีเพดจาก CSL หรือ China Mobile ซึ่งมีแพ็กเกจ 7 วันที่ราคาย่อมเยาและให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียร ในขณะที่ Wi-Fi ฟรีในฮ่องกงอาจไม่ค่อยเสถียรเมื่ออยู่นอกห้างสรรพสินค้า หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงค่าบริการโรมมิ่ง แนะนำให้เลือกใช้ซิมท้องถิ่นแทน 12. ถ่ายรูปอย่างมีมารยาท ฮ่องกงเต็มไปด้วยมุมถ่ายรูปที่สวยงามมากมาย แต่ควรขออนุญาตก่อนถ่ายภาพพ่อค้าแม่ค้าหรือพระสงฆ์ และห้ามใช้แฟลชในวัด เช่น วัดหว่องไท่ซิน สำหรับบริเวณที่พักอาศัยอย่างตึกทรานส์ฟอร์เมอร์ (Monster Building) ก็ควรรักษาความเงียบสงบและหลีกเลี่ยงการเดินขึ้นไปถ่ายที่หน้าประตูบ้าน สถานที่สำคัญบางแห่ง เช่น อ่าววิกตอเรีย อาจต้องขอใบอนุญาตหากใช้ขาตั้งกล้อง แนะนำให้ใช้กล้องมือถือหรือกล้องพกพาเพื่อเก็บภาพได้อย่างรวดเร็วและสะดวกกว่า
กวางตุ้งและภาษาอังกฤษ ฮ่องกงใช้ภาษากวางตุ้งเป็นภาษาหลัก แต่ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ ป้าย เมนู และพนักงานมักใช้ทั้งสองภาษา คำกวางตุ้งพื้นฐานอย่าง “nei ho” (สวัสดี) หรือ “m goi” (ขอบคุณ) ช่วยให้การสื่อสารราบรื่นขึ้น อย่าลืมดาวน์โหลดแอพแปลภาษาอย่าง Google Translate ไว้ด้วย