มาจะกล่าวบทไป ถึง ดอยสะโง้ อ.เชียงแสน จ.เชียงรายดอยสะโง้ เป็นอีกจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมทะเลหมอกอีกจุดหนึ่ง ที่น่าตรึงใจในจังหวัดเชียงรายเราเดินทางโดยรถจักรยานยนต์ (ใช่ค่ะ แว๊นฝ่าลมหนาวไปเลย) มุ่งหน้าจากแม่สายไปยังจุดชมวิวดอยสะโง้ เพื่อที่จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นในวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง (ซึ่งเราทำแบบนี้เป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว) โชคดีที่วันเกิดของฉันอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนซึ่งมีอากาศที่เย็นสบาย และง่ายต่อการเห็นหมอก (แต่ก็ต้องลุ้นอยู่ดี😂) การเดินทางสู่ดอยสะโง่นั้นถือว่าไม่ยากเลยสามารถนำรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ขึ้นไปบนจุดชมวิวได้เลยค่ะแต่ถ้าเป็นรถจักรยานยนต์ต้องใช้ทักษะนิดหน่อยเพราะถนนหนทางค่อนข้างชันและเป็นทางดินลูกรัง แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เราเดินทางจากแม่สายจนไปถึงจุดชมวิวใช้เวลาประมาณ 30 นาที ฉันเริ่มออกเดินทางตอนประมาณตีห้า แล้วไปถึงตอนตี 5 ครึ่งนิดนิด ท้องฟ้ายังคงมืดอยู่แต่ที่ขอบฟ้าเริ่มมีแสงสีทองของดวงอาทิตย์ปรากฏให้เห็นแล้ว เป็นภาพที่ฉันเองก็รู้สึกประทับใจอยู่ไม่น้อยเพราะฉันได้เจอทั้ง ดวงดาว ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ในวันสำคัญของฉัน และเมื่อถึงเวลาที่ดวงอาทิตย์จะต้องขึ้นตามวิสัยของมันภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ยิ่งงดงามขึ้น ด้วยสายหมอกที่เต็มพื้นที่ไปหมดสลับกับยอดเขาที่โผล่ให้เห็นบ้างเป็นจุดจุด มองแล้วไม่ต่างจากเกาะต่างๆในทะเลที่เป็นน้ำเลยเพียงแค่ภาพที่อยู่ตรงหน้าเปลี่ยนจากน้ำเป็นสายหมอกเท่านั้นที่ดอยสะโง้มีที่พัก/ที่กางเต็นท์ให้สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างจังหวัดแต่หากใครเข้ามาพักในอำเภอแม่สายอย่างเราแล้ว ก็สามารถเดินทางมาที่ดอยสะโง้นี้ได้เช่นกันไม่ยากเลย หลังจากเสพบรรยากาศ สายหมอก ดวงอาทิตย์และความเย็นสบายของอากาศจนหนำใจแล้ว ก็ถึงเวลาอาหารเช้าของเรากัน ห่างจากจุดชมวิวไม่มากจะมีคาเฟ่ชื่อ Stardoi cafe และเราก็ปักหมุดอาหารเช้าของวันนี้ที่นั่นคาเฟ่นี้บรรยากาศดีมาก วิวหลักล้าน กาแฟใช้ได้เลย มีให้เข้าชมแกะด้วยนะ คาเฟ่นี้มีที่พักด้วยเช่นกัน
มาจะกล่าวบทไป ถึง ดอยสะโง้ อ.เชียงแสน จ.เชียงรายดอยสะโง้ เป็นอีกจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมทะเลหมอกอีกจุดหนึ่ง ที่น่าตรึงใจในจังหวัดเชียงรายเราเดินทางโดยรถจักรยานยนต์ (ใช่ค่ะ แว๊นฝ่าลมหนาวไปเลย) มุ่งหน้าจากแม่สายไปยังจุดชมวิวดอยสะโง้ เพื่อที่จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นในวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง (ซึ่งเราทำแบบนี้เป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว) โชคดีที่วันเกิดของฉันอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนซึ่งมีอากาศที่เย็นสบาย และง่ายต่อการเห็นหมอก (แต่ก็ต้องลุ้นอยู่ดี😂) การเดินทางสู่ดอยสะโง่นั้นถือว่าไม่ยากเลยสามารถนำรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ขึ้นไปบนจุดชมวิวได้เลยค่ะแต่ถ้าเป็นรถจักรยานยนต์ต้องใช้ทักษะนิดหน่อยเพราะถนนหนทางค่อนข้างชันและเป็นทางดินลูกรัง แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เราเดินทางจากแม่สายจนไปถึงจุดชมวิวใช้เวลาประมาณ 30 นาที ฉันเริ่มออกเดินทางตอนประมาณตีห้า แล้วไปถึงตอนตี 5 ครึ่งนิดนิด ท้องฟ้ายังคงมืดอยู่แต่ที่ขอบฟ้าเริ่มมีแสงสีทองของดวงอาทิตย์ปรากฏให้เห็นแล้ว เป็นภาพที่ฉันเองก็รู้สึกประทับใจอยู่ไม่น้อยเพราะฉันได้เจอทั้ง ดวงดาว ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ในวันสำคัญของฉัน และเมื่อถึงเวลาที่ดวงอาทิตย์จะต้องขึ้นตามวิสัยของมันภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ยิ่งงดงามขึ้น ด้วยสายหมอกที่เต็มพื้นที่ไปหมดสลับกับยอดเขาที่โผล่ให้เห็นบ้างเป็นจุดจุด มองแล้วไม่ต่างจากเกาะต่างๆในทะเลที่เป็นน้ำเลยเพียงแค่ภาพที่อยู่ตรงหน้าเปลี่ยนจากน้ำเป็นสายหมอกเท่านั้นที่ดอยสะโง้มีที่พัก/ที่กางเต็นท์ให้สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างจังหวัดแต่หากใครเข้ามาพักในอำเภอแม่สายอย่างเราแล้ว ก็สามารถเดินทางมาที่ดอยสะโง้นี้ได้เช่นกันไม่ยากเลย หลังจากเสพบรรยากาศ สายหมอก ดวงอาทิตย์และความเย็นสบายของอากาศจนหนำใจแล้ว ก็ถึงเวลาอาหารเช้าของเรากัน ห่างจากจุดชมวิวไม่มากจะมีคาเฟ่ชื่อ Stardoi cafe และเราก็ปักหมุดอาหารเช้าของวันนี้ที่นั่นคาเฟ่นี้บรรยากาศดีมาก วิวหลักล้าน กาแฟใช้ได้เลย มีให้เข้าชมแกะด้วยนะ คาเฟ่นี้มีที่พักด้วยเช่นกัน
บรรยากาศดีมากกก ดอยขึ้นไม่อยากมาก แนะนำให้มาหน้าหนาว มีร้านกาแฟสวยๆ
ไปช่วงสิ้นปีเจอทะเลหมอกพอดีค่ะ สวยมากกก ถ่ายที่ร้าน star doi ค่ะ เค้กอร่อยดีค่ะ ใครผ่านมาเชียงแสนแวะมาเที่ยวได้นะคะ เค้ามีเต้นท์ให้นอน มีกระโจงด้วยนะคะ🥰
อากาศดี มาก เหมาะกับการพักผ่อนค่ะ
อากาศดีและทิวทัศน์สวยงามไม่ไกลจากจุดชมวิว ทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวในประเทศของเรา
ด้านบนมีคาเฟ่ขายเมล็ดกาแฟที่ปลูกในท้องถิ่นด้วย ผู้ที่ต้องการค้างคืน มีกระท่อมที่คุณสามารถเข้าพักได้ในคืนนี้
ในพื้นที่ภูเขาสูงคุณสามารถมองเห็นดินแดนของสามประเทศ (ไทยลาวพม่า) สภาพแวดล้อมดีมากเหมาะสำหรับการตั้งแคมป์ค้างคืน