มหาวิหารเซนต์มิคาเอลและเซนต์กูดูลา

📅 กำหนดการเดินทาง • 09:00 – เดินทางถึงสถานี Brussels-North • 09:30 – เดินไปที่ Congress Column และชมวิวเมือง • 10:00 – เยี่ยมชมมหาวิหาร St. Michael และ St. Gudula – สงบและงดงาม • 11:00 – เดินลงไปยังพระราชวังหลวงและ Parc de Bruxelles • 12:30 – รับประทานอาหารกลางวันใกล้ Place du Grand Sablon – สไตล์และท้องถิ่น • 14:00 – เดินเล่นผ่าน Grand Place – ซึมซับสถาปัตยกรรม • 15:00 – เดินผ่าน Galeries Royales Saint-Hubert – อาจแวะซื้อช็อกโกแลต • 16:00 – เยี่ยมชมโบสถ์ Our Lady of the Victories at the Sablon (Église Notre-Dame au Sablon) • 17:00 – พักผ่อนในสวน Petit Sablon หรือดื่มเบียร์ที่คาเฟ่ใกล้เคียง • 18:30 – รับประทานอาหารเย็นรอบ Place Sainte-Catherine – บรรยากาศอบอุ่น อาหารอร่อย • 20:00 – เดินเล่นยามค่ำคืนผ่าน Grand Place ที่มีแสงไฟสวยงาม (ตัวเลือก) 🏨 ที่พัก พักใกล้สถานี Central หรือ Sablon – เงียบสงบ คลาสสิก เดินทางสะดวก 🍴 แนะนำอาหาร • อาหารกลางวัน: Chez Richard (บรรยากาศบิสโทร) หรือ Wittamer สำหรับอาหารเบาๆ • อาหารเย็น: Henri, La Villette หรือ Les Brigittines สำหรับอาหารเบลเยียม • ของว่าง: Neuhaus หรือ Pierre Marcolini สำหรับช็อกโกแลตระดับไฮเอนด์ 📌 เคล็ดลับ • การเดินทั้งหมดมีวิวสวยงาม — ไม่จำเป็นต้องใช้ระบบขนส่งสาธารณะ • ระวังกระเป๋าของคุณใกล้สถานี Nord • โบสถ์ส่วนใหญ่เข้าชมฟรี แต่ตรวจสอบเวลาเปิดทำการ • สวมเสื้อผ้าหลายชั้น — อากาศในบรัสเซลส์เปลี่ยนแปลงเร็ว

1. บรัสเซลส์ อาณาจักรการ์ตูนสุดน่ารัก เบลเยียมเป็นประเทศในยุโรปที่คนจีนมักมองข้าม ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนของเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และเยอรมนี ทางตอนใต้ใช้ภาษาฝรั่งเศส ทางตอนเหนือใช้ภาษาดัตช์ การเดินทางครั้งนี้นำพาให้ฉันได้ค้นพบขุมทรัพย์แห่งยุโรปที่ทั้งคลาสสิก สง่างาม และน่ารักสดใสโดยไม่คาดคิด 2. การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นจากการนั่งรถไฟลงใต้จากเนเธอร์แลนด์ พอข้ามพรมแดนก็สัมผัสได้ถึงสไตล์อุตสาหกรรมเก่าที่แตกต่างจากเนเธอร์แลนด์ที่เป็นระเบียบเรียบร้อย สิ่งที่สะดุดตาคือทั้งตู้รถไฟ ตัวรถ และกำแพงด้านนอกทางรถไฟเต็มไปด้วยภาพกราฟฟิตีศิลปะมากมาย ในความทรงจำของฉัน ประเทศในยุโรปตะวันตกแบบเก่าที่ปรากฏสไตล์ฮิปปี้แบบนี้ทำให้ฉันประหลาดใจมาก ว่ากันว่าศิลปินกราฟฟิตีในท้องถิ่นมักจะแอบออกมาในตอนกลางคืนเพื่อหาผนังที่สามารถวาดภาพได้ตามมุมต่างๆ ของเมือง แม้ว่ารัฐบาลจะไม่พอใจที่พวกเขาสร้างสรรค์งานศิลปะตามอำเภอใจโดยไม่มีกฎเกณฑ์ในตอนกลางวัน แต่ก็มักจะยอมรับผู้ที่ออกมาทำกิจกรรมในยามค่ำคืนเหล่านี้ เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็ยอมรับให้ศิลปะบนท้องถนนนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเมือง สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจคือการยอมรับศิลปะสมัยใหม่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ 3. เมื่อพูดถึงบรัสเซลส์ คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงรูปปั้น "เด็กชายยืนฉี่" สุดน่ารัก อย่างไรก็ตาม มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าความน่ารักของบรัสเซลส์ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ที่นี่ยังเป็นต้นกำเนิดของการ์ตูนยุโรป ตัวการ์ตูนที่เราคุ้นเคยอย่าง Smurfs, The Adventures of Tintin, 4. รวมถึง Asterix และ Lucky Luke ที่โด่งดังไปทั่วยุโรป ล้วนสร้างสรรค์ขึ้นในเมืองหลวงแห่งการ์ตูนของเบลเยียมแห่งนี้ การเดินไปตามถนนในบรัสเซลส์ทำให้หัวใจของฉันเต็มไปด้วยความคาดหวังที่สนุกสนาน เพราะตามตรอกซอกซอยและหัวมุมถนน จะเห็นภาพการ์ตูนที่น่าสนใจ ตลกขบขัน และเต็มไปด้วยความสนุกสนานของเด็กๆ อยู่ทุกหนทุกแห่ง 5. ความไร้เดียงสาแบบหวานๆ นี้ยังแสดงออกมาในอาหารด้วย อาหารที่โด่งดังที่สุดของบรัสเซลส์คือวาฟเฟิลราดด้วยซอสช็อกโกแลตและวิปครีมก้อนโต วาฟเฟิลที่นี่มีความหนาและหวาน กัดคำเดียวก็ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งปรี๊ด วาฟเฟิลที่อบใหม่ๆ จะเหนียวนุ่ม เปลือกนอกสีเหลืองทองก็กรอบและอุ่น แม้ว่าในใจจะตะโกนว่าแคลอรีสูงเกินไป แต่ปากก็ยังอดใจไม่ไหว สำหรับฉันแล้ว วาฟเฟิลขนาดใหญ่อันเดียวก็เพียงพอสำหรับการเดินทางทั้งหมด เพราะมันหวานมากจริงๆ 6. แม้ว่าจะโดนความน่ารักของเมืองนี้โจมตีหลายครั้งตลอดทาง พระราชวังบรัสเซลส์และมหาวิหารเซนต์มิเชลก็ยังทำให้ฉันตกตะลึงกับความงดงามจากยุคคลาสสิก ความรู้สึกโดยตรงอย่างหนึ่งคือการตกแต่งอาคารของบรัสเซลส์มีความอุดมสมบูรณ์มาก อาจได้รับอิทธิพลจากสไตล์บาโรกของฝรั่งเศส ดูสง่างามและซับซ้อน มีรูปปั้นนางฟ้าและรูปปั้นทางศาสนาที่ชุบทองจำนวนมากฝังอยู่ตามขอบด้านนอกของอาคาร สวยงามประณีตและมีเอกลักษณ์มาก

สถานที่ที่คุณจะหลงเสน่ห์ความยิ่งใหญ่ในบรัสเซลส์ เป็นโบสถ์ที่มีชื่อเสียงมาก เมื่อคุณเยี่ยมชม คุณจะหลงเสน่ห์สเตนกลาสที่สวยงาม~ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในบรัสเซลส์ เหมาะสำหรับการเยี่ยมชมอย่างสงบและเงียบสงบ ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเดินทางอย่างสบายใจ~👍 บรรยากาศที่นั่งมองอยู่เงียบๆ นั้นสวยงามมากจนคุณไม่สามารถเก็บภาพทั้งหมดไว้ในสายตาได้~ เป็นสถานที่ที่ดีมากสำหรับการเยี่ยมชม~👍 แนะนำให้ไปเยี่ยมชม!

มหาวิหารเซนต์ไมเคิลและเซนต์กูดูลา (Cathédrale Saints-Michel-et-Gudule) เป็นสถานที่สำคัญที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม มหาวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 และเป็นสัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมแบบโกธิกที่โดดเด่นของเมืองบรัสเซลส์ ภายในมหาวิหารตกแต่งด้วยกระจกสีสเตนกลาสที่งดงามและประติมากรรมที่ละเอียดอ่อน ทำให้รู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปในยุคกลาง สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือออร์แกนท่อที่สวยงามซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 และแท่นบูชาที่เก็บรักษาสิ่งของของ 'เซนต์กูดูลา' หากขึ้นไปยังยอดมหาวิหาร คุณจะสามารถชมวิวที่สวยงามของเมืองบรัสเซลส์และพื้นที่โดยรอบได้ ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายภาพเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอื่น ๆ เช่น จัตุรัสแกรนด์เพลซและพระราชวังหลวงที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้สามารถเดินเที่ยวชมได้อย่างสะดวก มหาวิหารเปิดให้เข้าชมฟรีทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00 น. ถึง 18.00 น. หากมาเยือนในช่วงเช้า คุณจะพบว่ามีผู้คนไม่มากนัก ทำให้สามารถเดินชมได้อย่างสบายใจ มหาวิหารแห่งนี้เป็นจุดเด่นของการเดินทางในบรัสเซลส์ที่คุณจะได้สัมผัสทั้งประวัติศาสตร์และศิลปะของยุโรปในที่เดียว

มหาวิหารเซนต์ไมเคิลและเซนต์กูดูลา ตั้งตระหง่านอย่างภาคภูมิใจในใจกลางกรุงบรัสเซลส์ เป็นผลงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมแบบโกธิกที่มีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 11 มหาวิหารที่เป็นสัญลักษณ์นี้ได้เห็นประวัติศาสตร์ของเบลเยียมมาหลายศตวรรษ ตั้งแต่งานแต่งงานและพิธีราชาภิเษกของราชวงศ์ไปจนถึงงานศพของชาติ ทำให้เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดในประเทศ มหาวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นครั้งแรกเป็นโบสถ์แบบโรมาเนสก์ในศตวรรษที่ 9 แต่ได้มีการขยายและปรับปรุงหลายครั้งตลอดหลายศตวรรษ โดยโครงสร้างแบบโกธิกในปัจจุบันเสร็จสมบูรณ์ในศตวรรษที่ 16 มันอุทิศให้กับนักบุญผู้พิทักษ์สองคนของบรัสเซลส์: เซนต์ไมเคิล ผู้พิทักษ์ของเมือง และเซนต์กูดูลา นักบุญท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงในด้านความเคร่งศาสนาและปาฏิหาริย์ หอคอยคู่สูงตระหง่านของมหาวิหารซึ่งสร้างเสร็จในช่วงต้นศตวรรษที่ 16 โดดเด่นบนเส้นขอบฟ้า ต้อนรับผู้มาเยือนให้สำรวจประวัติศาสตร์อันยาวนาน ภายในมหาวิหารก็มีความน่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยเพดานโค้งสูงใหญ่ หน้าต่างกระจกสีที่สวยงาม และการแกะสลักหินที่งดงาม หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดคือธรรมาสน์ในศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นโครงสร้างไม้ที่ประณีตซึ่งแสดงฉากจากสวนเอเดน มหาวิหารยังเป็นที่ตั้งของสุสานหลวงซึ่งเป็นที่ฝังศพของสมาชิกในราชวงศ์เบลเยียม ผู้มาเยือนสามารถชื่นชมหน้าต่างกระจกสีที่ซับซ้อนซึ่งแสดงเรื่องราวจากพระคัมภีร์รวมถึงช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์เบลเยียม ตั้งอยู่บนเนินเขา Treurenberg ในส่วนกลางของกรุงบรัสเซลส์ มหาวิหารอยู่ห่างจากสถานีรถไฟกลางบรัสเซลส์เพียงไม่กี่ก้าวและสามารถเข้าถึงได้ง่ายจาก Grand Place ซึ่งเป็นหนึ่งในจัตุรัสหลักของเมือง เปิดให้ประชาชนเข้าชมตลอดทั้งปีและเข้าชมฟรี แม้ว่าจะยินดีรับบริจาคก็ตาม ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับมหาวิหาร ได้แก่ การใช้สำหรับงานของรัฐ เช่น งานแต่งงานในปี 1999 ของกษัตริย์ฟิลิปป์และราชินีมาทิลด์แห่งเบลเยียม มหาวิหารยังมีคาริลลอน 49 ระฆัง ซึ่งส่งเสียงเพลงไพเราะไปทั่วเมือง เพิ่มบรรยากาศที่เงียบสงบ

#เที่ยวยุโรป มหาวิหารเซนต์ไมเคิลและเซนต์กูดูลา (Cathedral of St. Michael and St. Gudula) ที่อยู่ใจกลางกรุงบรัสเซลส์นี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยคริสตศตวรรษที่ 11 ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ Romanesque แล้วสร้างต่อเติมด้วยสไตล์ Brabantine Gothic ในเวลาถัดมา โดยมีองค์ประกอบบางส่วนที่เป็นศิลปะสไตล์ Baroque ค่ะ ภายในมหาวิหารนั้นสวยงามอลังการมากจริงๆ ทั้งภาพวาด กระจกสี งานแกะสลัก น่าชมไปหมด จัดเป็นสถานที่สำคัญที่ต้องแวะชมที่หนึ่งของบรัสเซลส์เลยทีเดียว ➡️ การเดินทาง สถานีเมโทรที่ใกล้ที่สุดคือสถานี Park และ Gare Centrale ค่ะ ส่วนถ้ามาจาก Grand Place ก็สามารถเดินมาได้เลย เพราะระยะทางห่างกันแค่ 500 เมตรเท่านั้น #100วิธีเที่ยว #เที่ยวเบลเยียม