Trip.com Group เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในงาน Trip.Best Roadshow: Southeast Asia Travel Trends Unpacked โดยข้อมูลชี้ให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของนักท่องเที่ยวไทย ที่หันมาสนใจท่องเที่ยวไปยังเมืองรองของจีนมากขึ้น พร้อมปรับสไตล์การท่องเที่ยวจากการท่องเที่ยวแบบเข้าชมสถานที่ ไปเป็นการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์แทน จากข้อมูลของ Trip.Best [https://th.trip.com/toplist/tripbest/home] ในปี 2568 พบว่า ฉงชิ่ง กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่เติบโตเร็วที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวไทย โดยยอดการเข้าชมบน Trip.Best เพิ่มขึ้นถึง 395% เมื่อเทียบกับปีก่อน และยอดจองพุ่งสูงถึง 828% เมืองบนภูเขาแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องอาหารรสจัดคล้ายอาหารไทย พร้อมสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ จึงกลายเป็นปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไทยที่กำลังมองหาประสบการณ์อย่างแท้จริง นอกเหนือจากจุดหมายปลายทางแบบดั้งเดิม การพัฒนาการท่องเที่ยวของไทย นายเอ็ดมันด์ ออง ผู้อำนวยการอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และผู้จัดการทั่วไป Trip.com ประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า “นักท่องเที่ยวไทยกำลังให้คำนิยามใหม่สำหรับการท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการเที่ยวชมสถานที่แบบเดิม ๆ มาสู่การดื่มด่ำและมีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมมากขึ้น” “ข้อมูลจาก Trip.Best พบว่า ผู้ใช้งานชาวไทยใช้เวลาเฉลี่ย 6 วัน ในการค้นคว้าข้อมูลก่อนตัดสินใจจองการเดินทาง สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการประสบการณ์ที่วางแผนมาอย่างดี เมื่อเทียบกับผู้ใช้งานจากประเทศอื่นๆ” นายเอ็ดมันด์ กล่าวเสริม ข้อค้นพบสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวไทยในปี 2568: * เสน่ห์ของจีนที่เข้มข้นขึ้น: เซี่ยงไฮ้ครองอันดับ 1 จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวไทย ด้วยการเติบโต 334% YoY ตามด้วยฮ่องกง (เติบโต 52%) โตเกียว (เติบโต 71%) และโอซาก้า (เติบโต 132%) * ประสบการณ์สำคัญกว่าการชมสถานที่: การค้นหา “กิจกรรม” เติบโต 808% YoY โดย "สถานที่หลบร้อน (Cool Escape Attractions)" พุ่งสูงถึง 1,941% * การท่องเที่ยวในประเทศเติบโตต่อเนื่อง: การท่องเที่ยวภายในประเทศของไทยเติบโต 25% YoY โดยมีกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต เป็นเมืองยอดนิยม อิทธิพลของ KOL กำหนดการตัดสินใจท่องเที่ยวของคนไทย สอดคล้องกับระบบนิเวศดิจิทัลของไทยที่ผู้บริโภคกว่า 95% ค้นหาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ผ่านคำแนะนำของอินฟลูเอนเซอร์ โดยจากข้อมูล Trip.Best พบว่า: * 47% ของผู้ใช้งานแบบครอบครัวเลือกติดตามอินฟลูเอนเซอร์ท่องเที่ยวที่แชร์ประสบการณ์จริง * 45% ของนักท่องเที่ยวที่สำรวจในปี 2568 ค้นหาไอเดียทริปล่าสุดจากโพสต์โซเชียลมีเดียของ KOL ไทย เพิ่มขึ้นจาก 28% ในปี 2567 * ยอดสั่งซื้อโดยตรงผ่านรหัสโปรโมชั่นของ KOL เพิ่มขึ้นสูงถึง 120% ความพึงพอใจต่อแพลตฟอร์ม Trip.Best พุ่งสูงในหมู่ผู้ใช้ชาวไทย แพลตฟอร์ม Trip.Best ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมในไทย โดยคะแนนความพึงพอใจสุทธิ (NPS) โดยรวมเพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับปีก่อน ผู้ใช้งานชาวไทยให้ความสำคัญต่อความน่าเชื่อถือและการคัดสรรอย่างมืออาชีพของแพลตฟอร์มมากเป็นพิเศษ “นักท่องเที่ยวไทยแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการวางแผนท่องเที่ยวที่ละเอียดและซับซ้อน โดยให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่สมดุลระหว่างการผจญภัยและความสะดวกสบาย” ซันนี่ ซัน รองประธาน Trip.com Group กล่าว “ระบบแนะนำด้วย AI และข้อมูลเรียลไทม์ของ Trip.Best ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของนักเดินทางยุคใหม่โดยเฉพาะ” เกี่ยวกับ Trip.Best [https://th.trip.com/toplist/tripbest/home] Trip.Best [https://th.trip.com/toplist/tripbest/home] เป็นแพลตฟอร์มรายการจัดอันดับบน Trip.com ที่คัดสรรโรงแรม [https://th.trip.com/toplist/tripbest/annual/2026/global-best-luxury-hotels-100001428111/] สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร และจุดหมายปลายทางชั้นนำทั่วโลก โดยใช้อัลกอริทึม AI และการคัดสรรโดยผู้เชี่ยวชาญ ด้วยข้อมูลจากรีวิวและการจองของนักท่องเที่ยวหลายล้านรายการ Trip.Best [https://th.trip.com/toplist/tripbest/home] นำเสนอรายการที่น่าเชื่อถือ ช่วยให้นักท่องเที่ยวค้นพบว่าจะไปไหนและสัมผัสประสบการณ์อะไรต่อไป แพลตฟอร์มมีการจัดอันดับที่ครอบคลุมกว่า 14,000 เมืองทั่วโลก และครอบคลุมหมวดหมู่ตั้งแต่โรงแรมหรูที่ดีที่สุด [https://th.trip.com/toplist/tripbest/annual/2026/global-best-luxury-hotels-100001428111/] ร้านอาหารระดับไฟน์ไดนิ่งที่ดีที่สุด [https://th.trip.com/toplist/tripbest/annual/2026/global-best-fine-dining-100001428086/] ไปจนถึงสถานที่ท่องเที่ยวเหมาะสำหรับครอบครัวที่ดีที่สุด [https://th.trip.com/toplist/tripbest/annual/2026/global-best-family-friendly-attractions-100001428063/] และกิจกรรมตามฤดูกาล แต่ละรายการได้รับการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอตามเกณฑ์ต่างๆ รวมถึงชื่อเสียง คุณภาพ ความนิยม ธีม และคุณลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อให้มั่นใจว่านักท่องเที่ยวจะค้นพบประสบการณ์ชั้นนำที่ตรงกับความสนใจและสไตล์การท่องเที่ยวของตนได้อย่างมั่นใจ


Trip.com ผู้ให้บริการท่องเที่ยวชั้นนำ ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ asap Car Rental ผู้ให้บริการรถเช่าชั้นนำ เพื่อเปิดตัวแคมเปญ "Trip.com X asap – Everywhere Every Trip with asap" ความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ทั้งสองแบรนด์กลายเป็นคู่หูในการเดินทางที่ดีที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วยการขับรถ ความร่วมมือในครั้งนี้สร้างขึ้นจากแนวคิดที่ว่า ทุกการเดินทางควรมี "Buddy" ที่ไว้วางใจได้ และตอนนี้นักท่องเที่ยวมี buddy ร่วมเดินทาง นั่นคือ Trip.com สำหรับการจองที่พักและการเดินทางทั่วโลกอย่างสะดวกสบาย และ asap สำหรับบริการรถเช่าคุณภาพเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวในไทย ทั้งสองแบรนด์จะช่วยให้ทุกๆ ทริปง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และสนุกมากขึ้นสำหรับนักเดินทางยุคใหม่ "เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ asap Car Rental เพื่อเป็นเพื่อนคู่หูในการเดินทางสำหรับทุกคนที่มาท่องเที่ยวในประเทศไทย ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการผสานจุดแข็งของ Trip.com ในด้านแพลตฟอร์มจองทริปที่ครบครันเข้ากับเครือข่ายรถเช่าที่กว้างขวางของ asap ทำให้เกิดประสบการณ์ที่ลงตัวตั้งแต่การวางแผนการเดินทางไปจนถึงการขับรถท่องเที่ยว ไม่ว่าคุณจะไปสัมผัสบรรยากาศที่คึกคักของกรุงเทพฯ หรือจะไปค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ทั่วไทย พวกเราพร้อมเป็นเพื่อนคู่หูตลอดการเดินทางของคุณ" คุณยูจีน ลิน ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายรถเช่าระหว่างประเทศของ Trip.com Group กล่าว "ที่ asap เราเชื่อว่าทุกทริปที่ยอดเยี่ยมเริ่มต้นจากการมีเพื่อนร่วมทางที่ดี การได้ร่วมมือกับ Trip.com ทำให้เราสามารถอยู่เคียงข้างนักท่องเที่ยวได้ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่วินาทีที่จองการเดินทางจนถึงเวลาออกเดินทางบนท้องถนนจริง ๆ เราจะช่วยให้การมาเที่ยวและค้นพบความงามของประเทศไทยง่ายขึ้นกว่าเดิม ทุกที่ที่คุณอยากไป ทุกทริปที่คุณจะเดินทาง พวกเราพร้อมเป็นเพื่อนคู่หูของคุณ" นางสาวพิชชาภัสร์ ฐิติปุญญา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ asap Car Rental กล่าวเสริม แคมเปญแบบบูรณาการออนไลน์และออฟไลน์ แคมเปญ "Everywhere Every Trip with asap" เปิดตัวด้วยกลยุทธ์แบบบูรณาการออนไลน์และออฟไลน์ (O2O) ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับนักท่องเที่ยวผ่านช่องทางต่างๆ ตลอด เดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2568 ความร่วมมือนี้เริ่มต้นด้วยแคมเปญบนโซเชียลมีเดียทั้งของ asap และ Trip.com โดยเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาร่วมแชร์เรื่องราวของ "Buddy" และจุดหมายปลายทางในฝันสำหรับการขับรถเที่ยวในไทย ผู้ร่วมกิจกรรมมีโอกาสลุ้นรับของรางวัลมากมาย ทั้งเวาเชอร์รถเช่าฟรีและของขวัญพิเศษจากทั้งสองแบรนด์ นอกจากนี้ยังมีโปรโมชันสุดพิเศษ อาทิ 11.11 Mega Sale ลดสูงสุด 30% (11-14 พฤศจิกายน 2568) ตามด้วยข้อเสนอพิเศษอื่นๆ ใน หน้าแคมเปญที่มีส่วนลดสูงสุด 30% และคูปองพิเศษจำนวนจำกัดสำหรับการจองรถเช่าถึงเดือนมกราคม 2569 เพื่อเชื่อมโยงประสบการณ์ดิจิทัลเข้ากับกิจกรรม แคมเปญนี้จัดกิจกรรมประกวดภาพถ่ายบน Instagram ที่สนามบินสุวรรณภูมิ (10 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2568) นักท่องเที่ยวที่จองรถเช่า asap ผ่าน Trip.com และมารับรถที่เคาน์เตอร์สนามบินสามารถถ่ายภาพที่สาขา International Partner แล้วแชร์บน Instagram และรับของที่ระลึกพิเศษจาก Trip.com และ asap ได้ทันที ส่งเสริมการท่องเที่ยวสะดวกสบายทั่วประเทศไทย แคมเปญนี้มุ่งเป้าไปที่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการขับรถเที่ยว การเดินทางแบบแบคแพ็ค และการสำรวจประเทศไทยด้วยตัวเอง ด้วยการผสานจุดแข็งของ Trip.com ในด้านการเข้าถึงทั่วโลกและความเชี่ยวชาญในการจองกับเครือข่ายรถเช่าทั่วประเทศและความเข้าใจในท้องถิ่นของ asap ความร่วมมือนี้จะช่วยให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติสามารถค้นพบประเทศไทยในแบบของตัวเอง เกี่ยวกับบริการรถเช่าของ Trip.com ผ่าน Trip car rental [https://th.trip.com/carhire/] นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงบริการรถเช่าที่สะดวกสบาย ในกว่า 200 ประเทศและ 10,000 เมืองทั่วโลก รวมถึงจุดหมายปลายทางยอดนิยมทั่วเอเชีย สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร แพลตฟอร์มมีบริการดูแลลูกค้าเป็นภาษาไทย รองรับใบอนุญาตขับขี่สากล และมีระบบเปรียบเทียบราคารถเช่าที่แม่นยำ ช่วยให้ลูกค้าค้นหารถเช่าที่เหมาะสมได้ภายในเพียง 3 นาที นอกจากนี้ Trip.com ยังมีบริการรับและคืนรถต่างสถานที่อย่างยืดหยุ่น ให้อิสระสูงสุดไม่ว่าคุณจะเที่ยวในไทย หรือจุดหมายปลายทางระหว่างประเทศยอดนิยม อย่างโอกินาว่า และฮอกไกโด ในญี่ปุ่น

Trip.com ผู้ให้บริการท่องเที่ยวชั้นนำ จับมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ One Bangkok เปิดตัวสองแคมเปญใหญ่ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าการท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ในงานแถลงข่าว เปิดตัวแคมเปญ "มูฟออนให้สุด เที่ยวไม่สะดุดกับ Trip.com X One Bangkok" ที่จัดขึ้นที่ One Bangkok ในวันนี้ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของวงการท่องเที่ยวไทย ด้วยการเปลี่ยนโฉม 3 สถานีรถไฟฟ้า BTS ทั้งสถานีเพื่อสร้างแลนด์มาร์กใหม่แห่งการท่องเที่ยวและการเดินทางครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือพิเศษกับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) วัน แบงค็อก (One Bangkok) และ BTS Group พร้อมด้วยการเปิดตัวบัตรโดยสารรถไฟฟ้ารุ่นพิเศษ "Trip.com Travel Card" ที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทางในกรุงเทพฯ ให้สะดวกสบายและคุ้มค่า พร้อมส่งเสริมแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ มูฟออนให้สุด เที่ยวไม่สะดุด: แคมเปญเพื่อการเดินทางแบบไร้กังวล แคมเปญ "มูฟออนให้สุด เที่ยวไม่สะดุดที่ Trip.com" จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 ธันวาคม 2568 ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของ Trip.com ที่จะมอบการเดินทางที่สะดวกและราบรื่นให้กับนักเดินทาง แคมเปญนี้ตอบโจทย์สิ่งที่นักเดินทางใส่ใจที่สุด คือบริการช่วยเหลือจากฝ่ายบริการลูกค้าเมื่อต้องการความช่วยเหลือ ราคาที่แน่นอนโปร่งใสไม่บวกเพิ่ม โดยแคมเปญนี้เน้นย้ำจุดเด่นของ Trip.com ที่สำคัญคือ: · บริการลูกค้า 24 ชั่วโมง – ฝ่ายบริการลูกค้าคอยช่วยเหลือทุกวัน ตลอดเวลา ในหลากหลายช่องทางที่ติดต่อสะดวก ไม่ต้องรอนาน · ราคาโปร่งใส – ราคาที่เห็นตรงกับราคาที่จ่ายจริง ไม่มีการบวกเพิ่มหรือค่าใช้จ่ายแอบแฝง Trip.com เป็นแบรนด์แรกในไทยที่เปลี่ยนโฉม 3 สถานีรถไฟฟ้า BTS ทั้งสถานีให้เป็นแลนด์มาร์กใหม่แห่งการท่องเที่ยวและการเดินทาง ได้แก่ สถานีพร้อมพงษ์ สถานีชิดลม และสถานีช่องนนทรี การเปิดตัวแคมเปญครั้งนี้ทำให้ข้อความ "มูฟออนให้สุด เที่ยวไม่สะดุด" เป็นจริงขึ้นมาในสามจุดสำคัญทั่วกรุงเทพฯ นี่เป็นครั้งแรกในประเทศไทยในการที่แบรนด์ทำการเปลี่ยนโฉม 3 สถานีพร้อมกัน สร้างประสบการณ์ให้นักเที่ยวตั้งแต่เดินเข้าสถานี และมีโปรโมชันพิเศษตลอดช่วงเวลาของแคมเปญ (1 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2568) สามารถศึกษาโปรโมชั่นทั้งหมดและจองทริปการเดินทางสุดคุ้มได้ที่ https://th.trip.com/t/MoveOnCampaign นาย เอดิสัน เฉิน (Edison Chen) รองประธาน Trip.com Group กล่าวว่า "ประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญมากสำหรับ Trip.com และแคมเปญ 'มูฟออนให้สุด เที่ยวไม่สะดุด' นี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุดให้กับนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ การเปลี่ยนโฉม 3 สถานี BTS พร้อมกันเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างหมุดหมายทางการตลาด แต่ยังเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ของเราในการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างเทคโนโลยีการเดินทางกับประสบการณ์จริง เราเชื่อว่าการร่วมมือกับ ททท. และ One Bangkok เราจะสามารถยกระดับการท่องเที่ยวให้ดียิ่งขึ้น" ความร่วมมือระหว่าง Trip.com การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ วัน แบงค็อก (One Bangkok) ความร่วมมือระหว่าง Trip.com การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ One Bangkok มุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนด้วยระบบขนส่งสาธารณะ โดยร่วมกันสร้างบัตรโดยสาร BTS รุ่นพิเศษสำหรับ ความร่วมมือครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าทุกฝ่ายมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน โดยสนับสนุนให้นักเที่ยวเลือกใช้การเดินทางที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ขณะที่ได้สัมผัสของดีที่สุดในกรุงเทพฯ นายกิตติพงษ์ ประพัฒน์ทอง รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า "ประเทศไทยเป็นผู้นำเรื่องการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมาโดยตลอด และความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวในความมุ่งมั่นของเราในเรื่องการเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การร่วมมือกับ Trip.com และ One Bangkok เพื่อเปิดตัวบัตรรถไฟฟ้า BTS พิเศษนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้นักเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ได้ง่ายขึ้น แต่ยังสนับสนุนให้เขาเลือกวิธีเดินทางที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โครงการนี้ตรงกับวิสัยทัศน์ของ ททท. ที่อยากส่งเสริมการท่องเที่ยวคุณภาพที่ช่วยรักษาธรรมชาติ พร้อมทำให้นักเที่ยวได้ประสบการณ์ที่ดี เราเชื่อว่าการเที่ยวแบบยั่งยืนคืออนาคต ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรในครั้งนี้เรากำลังทำให้อนาคตนั้นเข้าถึงได้สำหรับนักเที่ยวทั่วโลก" นายวรวรรต ศรีสอ้าน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารโครงการ วัน แบงค็อก กล่าวว่า "วัน แบงค็อก รู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือกับ Trip.com และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในโครงการนี้ ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ร่วมกันของเราในการทำให้การเดินทางในกรุงเทพฯ มีความยั่งยืน ราบรื่น และเชื่อมโยงมากขึ้น บัตรเดินทาง BTS รุ่นพิเศษนี้จะช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้สะดวกขึ้นผ่านการเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ และเพลิดเพลินกับการเข้าถึงวัน แบงค็อก หัวใจของกรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งพวกเขาจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวา ไลฟ์สไตล์ และร้านค้าที่หลากหลาย ในฐานะเมืองอัจฉริยะต้นแบบเพื่อความยั่งยืน ทางวัน แบงค็อก มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างการเชื่อมต่อและสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย" คุณพลินี คงชาญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายรีเทล โครงการ วัน แบงค็อก กล่าวเสริมว่า "ที่วัน แบงค็อก รีเทล เรารู้สึกยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือที่มีความหมายนี้กับ Trip.com และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในการส่งเสริมประสบการณ์การเดินทางที่ยั่งยืนและราบรื่น ความร่วมมือนี้ไม่เพียงแต่ยกระดับกรุงเทพฯ ในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลกเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงผู้มาเยือนกับประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สร้างแรงบันดาลใจที่วัน แบงค็อก เพียงแค่แสดงบัตรเดินทาง BTS รุ่นพิเศษของ Trip.com ที่ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวที่วัน แบงค็อก นักท่องเที่ยวจะได้รับสิทธิพิเศษ รวมถึงเครื่องดื่มฟรีและส่วนลดสำหรับรับประทานอาหารที่ Food Street รวมถึงส่วนลดพิเศษจากแบรนด์ชั้นนำ และสิทธิประโยชน์พิเศษในร้านอาหารที่หลากหลาย ผ่านประสบการณ์ที่คัดสรรมาเหล่านี้ เราตั้งใจที่จะสร้างการเดินทางที่น่าจดจำสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน เพื่อเฉลิมฉลองวัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ และความยั่งยืน" บัตรโดยสารรถไฟฟ้า BTS รุ่นพิเศษ "Trip.com Travel Card" บัตรโดยสารรถไฟฟ้า BTS รุ่นพิเศษ "Trip.com Travel Card" ส่งเสริมนักเที่ยวได้เข้าถึงระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งได้รับสิทธิพิเศษที่ วัน แบงค็อก อย่างครบครัน สิทธิพิเศษเฉพาะที่วัน แบงค็อก เพียงแค่แสดงบัตรเดินทาง BTS Trip.com ของคุณที่ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวที่วัน แบงค็อก ผู้ถือบัตรจะได้รับสิทธิพิเศษพิเศษมากกว่า 18 รายการ เพื่อยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้ง รับประทานอาหาร และการพักผ่อน • เครื่องดื่มฟรีที่ Food Street • คูปองเงินสด 50 บาทสำหรับใช้ที่ Food Street • ส่วนลดสูงสุด 10% จากแบรนด์ยอดนิยมที่มากกว่า 40 ร้านค้า • ส่วนลดพิเศษ 5% ที่ร้านอาหาร 15 แห่งภายใต้กลุ่ม Food of Asia • ของขวัญพิเศษที่ร้านค้าและร้านอาหารที่เข้าร่วม ทุกครั้งที่เดินทางด้วยรถฟ้า BTS ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดก๊าซคาร์บอน เพื่อสนับสนุนโครงการขนส่งสีเขียวของกรุงเทพฯ ในขณะที่เดินทางท่องเที่ยวไปพร้อม ๆ กัน แคมเปญนี้ใช้ประโยชน์จากระบบรถไฟฟ้า BTS กรุงเทพฯ เป็นแกนหลักของการเดินทางในเมืองอย่างยั่งยืน การสนับสนุนให้นักเที่ยวสามารถเข้าถึงระบบรถไฟฟ้า BTS ทำให้พันธมิตรทั้งสามฝ่ายได้ร่วมมือกันลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการขนส่งที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวได้จริง และยังทำให้นักเที่ยวสะดวกสบายและคุ้มค่ามากขึ้นด้วย บัตรนี้ผสมผสานการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ากับสิทธิพิเศษที่ One Bangkok ได้อย่างลงตัว สร้างข้อเสนอที่น่าสนใจที่ทำให้การเลือกตัวเลือกการท่องเที่ยอย่างยั่งยืนเป็นทั้งเรื่องที่ทำได้จริงและคุ้มค่าสำหรับนักเที่ยวทุกคน

5 เทรนด์สำคัญที่กำหนดอนาคตการท่องเที่ยว: การแสดงออก จุดมุ่งหมาย สุขภาพ ความเชื่อมโยง และเทคโนโลยี ดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็ม Why Travel? ได้ ที่นี่ [https://file.tripcdn.com/files/6/mktgroupwebsitefile/25g1v12000oluw548B66B.pdf] เมื่อเทรนด์การท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน “อาหาร” กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กำหนดจุดหมายปลายทาง นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางเพื่อสัมผัสประสบการณ์ด้านอาหาร ออกกำลังกาย หรือผ่อนคลายด้วยสปา เทคโนโลยีก็เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการช่วยวางแผนทริป แทนที่วิธีการวางแผนแบบดั้งเดิม Trip.com Group จับมือกับ Google จัดทำรายงาน “Why Travel?” รายงานเชิงลึกระดับโลกที่วิเคราะห์พฤติกรรมการท่องเที่ยวในมิติของ จุดมุ่งหมาย ผู้คน และสถานที่ เพื่อสำรวจแนวโน้มการเดินทางของผู้คนยุคใหม่ โดยอ้างอิงข้อมูลการจองจากทั่วโลกของ Trip.com Group ผสานกับข้อมูลการค้นหาและงานวิจัยของ Google เพื่อทำความเข้าใจว่าผู้คนในยุคนี้แสวงหาประสบการณ์ที่มีความหมายลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผ่านการเชื่อมโยงกับวัฒนธรรม ชุมชน และใช้เทคโนโลยีที่ช่วยวางแผนการท่องเที่ยวได้อย่างลงตัวในปี 2026 5 เทรนด์หลักที่กำหนดอนาคตการท่องเที่ยว รายงาน “Why Travel?” เน้นย้ำ 5เทรนด์หลัก ที่กำลังกำหนดรูปแบบการเดินทางในอนาคต ได้แก่ 1. การเดินทางเพื่อแสดงออกถึงตัวตน (Travel as Expression) โซเชียลมีเดียเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนการจองทริปท่องเที่ยว โดยเฉพาะใน ไทย อินโดนีเซีย และอินเดีย นักท่องเที่ยวมากกว่า 75% กล่าวว่าพวกเขาดูไลฟ์สตรีมที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ผู้ชมมากกว่า 40% และในบางตลาดสูงถึง 76% กล่าวว่ามีแนวโน้มจะจองการเดินทางโดยตรงผ่านลิงก์ในไลฟ์สตรีม 2. การเดินทางเพื่อจุดมุ่งหมายที่มีความหมาย (Travel with Purpose) นักท่องเที่ยวต้องการสัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง การค้นหา “พิธีชงชาญี่ปุ่น” ใน Google เพิ่มขึ้นถึง 53% เมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนความนิยมในพิธีกรรมและวัฒนธรรมดั้งเดิมที่มีคุณค่าทางจิตใจ 3. การเดินทางเพื่อสุขภาพและการฟื้นฟู (Travel to Heal) เทรนด์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน โดยผสมผสานความท้าทายเข้ากับการพักผ่อน การค้นหา “กอล์ฟและรีสอร์ทสปา” เพิ่มขึ้น 300% และแพ็กเกจ “สกีและสปา” เพิ่มขึ้น 250% เมื่อเทียบรายปี 4. การเดินทางเพื่อเชื่อมโยงผู้คน (Travel to Connect) การท่องเที่ยวไม่ใช่เพียงการเดินทางอีกต่อไป แต่คือการแบ่งปันประสบการณ์กับเพื่อน ครอบครัว และชุมชน คอนเสิร์ตและกีฬากลายเป็นแรงจูงใจหลักของการเดินทาง โดยนักท่องเที่ยว 2 ใน 3 ยินดีเดินทางไปต่างประเทศเพื่อชมคอนเสิร์ต ขณะที่ “Endurance Tourism” หรือการท่องเที่ยวเพื่อร่วมกิจกรรมความอดทน เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน และแข่งขัน Hyrox เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า 5. การเดินทางแห่งอนาคตด้วยพลังของ AI (Travel of Tomorrow) เทคโนโลยี AI กำลังมีบทบาทสำคัญในการช่วยวางแผนทริป เนื่องจากความมั่นใจของผู้บริโภคในการใช้เทคโนโลยีเพิ่มสูงขึ้น การค้นหา “ช่วยวางแผนการเดินทาง (Help planning my trip)” เพิ่มขึ้นถึง 190% เมื่อเทียบกับปีก่อน เฝิง หาน รองประธาน Trip.com Group กล่าวว่า “การท่องเที่ยวในปี 2026 จะเป็นมากกว่าการเดินทางไปยังจุดหมายใดจุดหมายหนึ่ง แต่คือการเดินทางที่มีความหมาย เราเห็นนักท่องเที่ยวบินข้ามโลกเพื่อร่วมมาราธอน ชิมอาหารท้องถิ่น หรือแม้แต่จองทริปผ่านโซเชียลมีเดีย การร่วมมือกับ Google ครั้งนี้ช่วยให้เราเข้าใจได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ไม่เพียงว่าผู้คนเดินทางไปที่ไหน แต่ได้ค้นพบเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงตัดสินใจเดินทาง” จอยส์ จาง ผู้อำนวยการจัดการ ทีม Greater China LCS Specialists, Google กล่าวเสริมว่า "เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในวิธีและเหตุผลที่ผู้คนออกเดินทาง โดยนักเดินทางต่างแสวงหาจุดมุ่งหมายที่ลึกซึ้งและประสบการณ์ที่มีความหมายยิ่งขึ้น เครื่องมือ AI ของ Google เช่น Gemini, AI Mode บน Search และ Google Translate กำลังกลายเป็นผู้ช่วยสำคัญในการวางแผนการท่องเที่ยว ขณะเดียวกันก็ช่วยให้อุตสาหกรรมและพันธมิตรของเราอย่าง Trip.com Group สามารถคว้าโอกาสทางธุรกิจที่รออยู่ในปี 2026 และต่อๆ ไปได้อีกด้วย" เมื่อคอมมูนิตี้การท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนด้วย AI เติบโตอย่างรวดเร็ว Trip.com Group จึงมุ่งพัฒนาแพ็กเกจ “ทัวร์คอนเสิร์ตแบบครบวงจร” และขยายเครื่องมือช่วยวางแผนการเดินทางที่ขับเคลื่อนด้วย AI เช่น Trip.Planner เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ราบรื่นและตรงใจยิ่งขึ้น ในอนาคต การเดินทางจะไม่ใช่แค่การไปให้ถึงจุดหมาย แต่คือการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างทริปที่ตรงกับความต้องการและสะท้อนตัวตนของแต่ละคน ติดตามเทรนด์และข้อมูลเชิงลึกที่กำหนดรูปแบบการท่องเที่ยวได้ โดยดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มที่นี่ [https://file.tripcdn.com/files/6/mkt_groupwebsite_file/25g1v12000oluw548B66B.pdf]

แพลตฟอร์มชั้นนำระดับโลกคว้ารางวัลอันทรงเกียรติจาก TDM ด้วยแคมเปญ "สัมผัสเที่ยว 6 - Travel 6th Sense" Trip.com โชว์ผลงานความเป็นเลิศในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว คว้ารางวัลสุดยอดเอเจนซี่ท่องเที่ยวออนไลน์ยอดเยี่ยมแห่งปี (Online Travel Agency of the Year) จากงาน TDM Travel Trade Excellence Awards 2025 – Thailand ด้วยแคมเปญ "สัมผัสเที่ยว 6 - Travel 6th Sense" ที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการผสานนวัตกรรมการท่องเที่ยวเข้ากับวัฒนธรรมความเชื่อของไทย พร้อมสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่โดดเด่น แคมเปญรูปแบบใหม่ของ Trip.com เข้าใจนักท่องเที่ยวไทยได้ทั้งในแง่ของการใช้งานจริงและความรู้สึก ด้วยการเชื่อมโยงเข้ากับความเชื่อเรื่องโชคลาภสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือที่เรียกว่า ‘สายมู’ โดยผลลัพธ์ที่ได้จากแคมเปญนั้นน่าประทับใจด้วยยอดการค้นหาแบรนด์ Trip.com (Brand Search) เพิ่มขึ้นถึง 89% ในกรุงเทพฯ และ 84% ทั่วประเทศเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งโตกว่าตลาดโดยรวมที่ยังคงที่อย่างชัดเจน แสดงให้เห็นว่าแคมเปญนี้ตอบโจทย์คนไทยได้ดี แคมเปญได้เน้นย้ำถึงจุดแข็งของ Trip.com ทั้ง 6 ข้อ คือ ราคาดีทั้งการจองโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน และแพ็กเกจท่องเที่ยว โปรแกรมสมาชิกสะสม Trip Coins ที่ใช้แทนเงินสดในการในการจองได้ทุกเมื่อ สิทธิ์เข้าห้องรับรองที่สนามบิน VIP Lounge ราคาชัดเจนโปร่งใสไม่มีบวกเพิ่ม ส่วนลดพิเศษของแพ็กเกจเที่ยวบินและโรงแรม (Bundle & Save) เมื่อจองโรงแรมกับตั๋วเครื่องบินพร้อมกันและที่สำคัญการดูแลลูกค้าด้วยศูนย์บริการลูกค้าที่ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง "การได้รับรางวัล OTA of the Year ใรครั้งนี้ยืนยันว่าการเข้าใจวัฒนธรรมสามารถสร้างผลกระทบทางธุรกิจได้จริง" มิสไดแอน ชุย ผู้จัดการทั่วไป Trip.com Group ประเทศไทย กล่าว "แคมเปญของเราไม่ได้แค่ตอบโจทย์คนไทย แต่ยังสร้างการเติบโตที่วัดผลได้ชัดเจน พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในฐานะผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวครบวงจรที่คนไทยไว้วางใจ" แคมเปญ "สัมผัสเที่ยว 6 - Travel 6th Sense" ที่ได้รับรางวัลนี้สร้างการรับรู้ได้อย่างกว้างขวางผ่านหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการ Takeover สถานี BTS พร้อมพงษ์ ความร่วมมือกับการบินไทยบนเที่ยวบินระหว่างประเทศ รวมถึงการสื่อสารผ่านออนไลน์และโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่องเพื่อเข้าถึงกลุ่มคนไทยที่ใช้เทคโนโลยี Trip.com ได้วางมาตรฐานใหม่ให้แบรนด์ระดับโลกได้เห็นว่า การทำแคมเปญที่เข้าใจและเข้าถึงคนท้องถิ่นอย่างแท้จริงนั้น สามารถสร้างทั้งความประทับใจและผลลัพธ์ทางธุรกิจได้พร้อมกัน พร้อมทั้งเสริมความแข็งแกร่งให้ Trip.com ในฐานะผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวครบวงจรชั้นนำของโลก

เมื่อเทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวเพื่อไปดูคอนเสิร์ต (Concert Travel) กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในเอเชีย โดยแฟนเพลงจำนวนมากพร้อมที่จะเดินทางข้ามประเทศและจองการเดินทางเพื่อไปดูศิลปินที่พวกเขารัก ทาง Trip.com Group ผู้นำด้านบริการท่องเที่ยวระดับโลก และ Live Nation Asia ผู้นำด้านการจัด Live Entertainment ชั้นนำของโลก จึงได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งใหญ่เพื่อบูรณาการประสบการณ์การท่องเที่ยวและดนตรีสดในตลาดสำคัญของเอเชีย โดยความร่วมมือในครั้งนี้ได้เปิดตัวในไทย ฮ่องกง/มาเก๊า สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้แฟนเพลงสามารถวางแผนการเดินทางเพื่อไปดูคอนเสิร์ตได้อย่างสะดวกสบาย สามารถเข้าถึงโปรโมชันพิเศษ Presale ร่วมกับตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และกิจกรรมต่างๆที่คัดสรรผ่านแพลตฟอร์ม Trip.com Group ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกของ Trip.com Group ในตลาดการท่องเที่ยวเพื่อความบันเทิง Live Entertainment ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป และแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยว การบริการ และความบันเทิงกำลังบูรณาการเข้าด้วยกันเป็นการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ๆ พลังของการท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนด้วยดนตรี เมื่อคอนเสิร์ตกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการท่องเที่ยว ความร่วมมือนี้จึงออกแบบมาเพื่อช่วยให้แฟนเพลงสามารถติดตามศิลปินที่รัก พร้อมทั้งสนับสนุนการท่องเที่ยวในภูมิภาคต่างๆเพื่อยกระดับความน่าสนใจของจุดหมายปลายทางที่หลากหลายในเอเชีย ตามรายงาน Momentum Consumer Survey [https://file.tripcdn.com/files/6/mkt_groupwebsite_file/25g1t12000ihebxl2BFD3.pdf] ของ Trip.com ซึ่งเปิดเผยเทรนด์การท่องเที่ยวที่กำลังมาแรง จากข้อมูลพบว่าเกือบ 66% ของนักท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิกยินดีที่จะจองการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อไปดูคอนเสิร์ต โดย Gen Z และ Millennials เป็นกลุ่มผู้นำเทรนด์ สำหรับในสิงคโปร์ การจองโรงแรมเพิ่มสูงขึ้นถึง 3 เท่า ในช่วงคอนเสิร์ตของ Lady Gaga ส่วนในฮ่องกง ผู้เข้าชมคอนเสิร์ตมากกว่าครึ่งมีการขยายระยะเวลาเข้าพักเพื่อเดินทางท่องเที่ยว ส่งผลให้รายได้ในภาคการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เหล่าศิลปินยังมีการเพิ่มรอบการแสดงในเมืองต่างๆ เช่น กรุงเทพฯ สิงคโปร์ และโซล ทำให้จุดหมายปลายทางเหล่านี้กลายเป็นศูนย์กลางทางดนตรีที่คนต้องไปเยือน คุณซุน โบ, Chief Marketing Officer, Trip.com Group กล่าวว่า "แฟนเพลงในยุคนี้ต้องการประสบการณ์ที่ลึกซึ้งกว่าแค่การไปดูคอนเสิร์ต ผ่านความร่วมมือของเราในครั้งนี้ เรากำลังร่วมกันยกระดับประสบการณ์ในการเดินทาง เพิ่มคุณค่าให้กับแฟนเพลง และสร้างคุณค่าทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจให้กับจุดหมายปลายทางและอุตสาหกรรมโดยรวมในเอเชีย เราภูมิใจที่ได้ร่วมกันสร้างอนาคตของการท่องเที่ยวผ่านความบันเทิงในความร่วมมือครั้งนี้" คุณเจมส์ ดิค, EVP of Partnerships and Media, Live Nation Asia กล่าวว่า "Concert Travel กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าการท่องเที่ยวในเอเชีย การร่วมมือกับ Trip.com ช่วยให้แฟนเพลงเปลี่ยนจากแค่การดูคอนเสิร์ตให้กลายเป็นทริปที่น่าจดจำ และสร้างสรรวัฒนธรรมการท่องเที่ยวใหม่ๆให้กับเมืองต่างๆ" ความร่วมมือในครั้งนี้ยังเปิดโอกาสในการทำงานร่วมกับโรงแรมที่พักต่างๆในท้องถิ่น สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในตลาดเหล่านี้ เพื่อร่วมกันสร้างผลิตภัณฑ์และประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนด้วยคอนเสิร์ต ส่งเสริมให้มีการจองที่มากขึ้น การเข้าพักระหว่างทริปที่นานขึ้น และยังเพิ่มความน่าสนใจของจุดหมายปลายทางต่างๆทั่วเอเชีย เปลี่ยนทุกคอนเสิร์ตให้เป็นทริปที่คุ้มค่า การเปิดตัวครั้งแรกภายใต้ความร่วมมือนี้คือแพ็กเกจพิเศษสำหรับทัวร์คอนเสิร์ตของวง K-pop ชื่อดังอย่าง TWICE ในฮ่องกง [https://hk.trip.com/sale/w/27764/twicethisisforworldtourinhongkong.html?locale=zh-hk&utm_source=social&utm_medium=social&utm_campaign=social&allianceid=5853723&sid=257325699] ในฐานะ Official Travel Partner ของ TWICE WORLD TOUR IN HONG KONG โดยทาง Trip.com [http://trip.com/] มอบสิทธิ์พิเศษ Presale ให้กับแฟนเพลงในการจองแพ็กเกจแบบ Bundle ซื้อบัตรคอนเสิร์ตคู่กับโรงแรม หรือตัวเลือกการเดินทางอื่นๆ โดยแพ็กเกจ Bundle เช่นนี้รวมถึงสิทธิ์ในการจองล่วงหน้า จะเปิดตัวใน 5 ตลาดในเอเชีย โดยมีศิลปินทั้งระดับโลกและระดับภูมิภาค เพื่อเปลี่ยนทุกคอนเสิร์ตให้เป็นโอกาสในการเดินทางไปสำรวจจุดหมายปลายทางใหม่ๆ ตัวอย่างเช่น แพ็กเกจ Bundle อาจจะรวมตั๋วคอนเสิร์ตเข้ากับตั๋วเข้าสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง Hong Kong Disneyland, Rainforest Wild ASIA, รถบัสชมเมือง และห้องพักโรงแรม เพื่อยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวทั้งทริปให้น่าสนใจยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการต่อยอดจากการเป็น Official Sponsor ของคอนเสิร์ต BLACKPINK ในกรุงเทพฯ และฮ่องกง ในขณะนี้ทาง Trip.com ยังมีข้อเสนอ Presale สำหรับคอนเสิร์ต BLACKPINK WORLD TOUR ใน สิงคโปร์ [https://sg.trip.com/sale/w/28170/blackpinkworldtourinsingaporeshowadded.html?locale=en-sg&utm_source=social&utm_medium=social&utm_campaign=social&allianceid=5853723&sid=260322098] และฮ่องกง [https://hk.trip.com/w/BLACKPINKWORLDTOURINHONGKONG] ที่กำลังจะมาถึงอีกด้วย ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Trip.com สำหรับแพ็กเกจ Concert Travel ที่น่าสนใจเพิ่มเติม พร้อมแพ็กเกจคอนเสิร์ตใหม่ๆที่จะประกาศเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้

แพลตฟอร์มท่องเที่ยวชั้นนำได้รับรางวัลหลักและรางวัลพิเศษอีก 2 ประเภท ในฐานะองค์กรที่มีวัฒนธรรมการทำงานและประสบการณ์การทำงานที่โดดเด่น Trip.com Group Thailand ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในผู้ชนะรางวัล HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2025 อันทรงเกียรติ โดยได้รับทั้งรางวัลหลักและรางวัลพิเศษอีก 2 ประเภท ได้แก่ รางวัล Most Caring Company Awards และ Tech Empowerment Awards การได้รับรางวัลทั้ง 3 รางวัลนี้ ทำให้ Trip.com Group Thailand อยู่ในกลุ่มนายจ้างชั้นนำของภูมิภาคด้านความเป็นเลิศในที่ทำงาน Trip.com Group Thailand ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมในทุกด้านการประเมิน โดยผลการสำรวจเกินมาตรฐานตลาดอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานอย่างแท้จริง สนับสนุนความสำเร็จของพนักงาน และสร้างวัฒนธรรมการทำงานเป็นทีมที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักที่ช่วยให้ได้รับการยอมรับอันทรงเกียรตินี้ เสริมสร้างการเติบโตทางอาชีพและการยอมรับ นอกจากงานประจำแล้ว Trip.com Group Thailand ยังสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้ทุกคนเติบโตได้อย่างเต็มที่ เช่นพนักงานฝ่ายบริการลูกค้าจะได้เส้นทางเติบโตที่ชัดเจน มีการฝึกอบรมที่ครอบคลุม และได้รับการชื่นชมและยอมรับผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น รางวัล HEAT Awards และการจัดงานวันพิเศษสำหรับพนักงานบริการลูกค้าโดยเฉพาะ CS Da บริษัทยังสนับสนุนให้มีความคิดแบบสตาร์ทอัพ มอบอิสระและความไว้วางใจในการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ทำให้พนักงานได้เรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกับการสร้างสิ่งดี ๆ ให้กับบริษัท ตามปรัชญา "Creating Greatness Together" การได้รับรางวัลในหมวดพิเศษ รางวัลบริษัทที่ใส่ใจพนักงานมากที่สุด (Most Caring Company Awards) รางวัลนี้ได้รับการยอมรับเนื่องจาก Trip.com Group Thailand ดูแลพนักงานแบบครบวงจรด้วยโปรแกรมสวัสดิการพนักงานที่สนับสนุนพนักงานในทุกช่วงชีวิต ทุกช่วงวัย นอกเหนือจากสวัสดิการมาตรฐานแล้ว บริษัทยังให้การสนับสนุนด้านการสร้างครอบครัวอย่างมาก ซึ่งรวมถึงสวัสดิการในการแช่แข็งไข่ (Egg Freezing) พร้อมวันลาพิเศษสำหรับเลี้ยงดูบุตร การคุ้มครองการรักษาด้วย IVF และเงินสนับสนุนพิเศษในการคลอดบุตร ซึ่งป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนด้านนโยบายที่เป็นมิตรกับครอบครัวของ Trip.com Group เพื่อสนับสนุนพนักงานในการวางแผนครอบครัวและส่งเสริมครอบครัวที่ทำงาน พนักงานที่ทำงานกับบริษัทมาแล้ว 3 ปีขึ้นไป จะได้รับโบนัสเงินสดประจำปี ปีละ 48,000 บาท สำหรับเลี้ยงดูบุตรแต่ละคนทุกปี โดยเริ่มตั้งแต่วันเกิดปีแรกของลูกจนถึงอายุ 5 ขวบ การดูแลไม่หยุดแค่นั้น ยังขยายไปถึงการสร้างพื้นที่ที่ครอบคลุมทุกคน โดยมีห้องพิเศษสำหรับแม่ลูกอ่อน และห้องสวดมนต์ในช่วงเดือนรอมฎอน ทั้งนี้พนักงานยังได้รับประโยชน์จากการจัดการทำงานแบบไฮบริดผสมผสานการทำงานที่บ้านและที่ทำงาน และประกันสุขภาพแบบกลุ่มที่ครอบคลุมทั้งคู่สมรสและบุตร รวมถึงกิจกรรมดี ๆ เช่น นวดฟรี "Bliss Break" เพื่อคลายเครียด กิจกรรมเพื่อสุขภาพ และชมรม Trippers Club เพื่อสร้างมิตรภาพในองค์กร แสดงให้เห็นแนวทางการดูแลพนักงานแบบองค์รวมของบริษัทได้อย่างดี รางวัลบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีส่งเสริมพนักงานยอดเยี่ยม (Tech Empowerment Awards) รางวัลนี้ได้รับการยกย่องเนื่องจาก Trip.com Group Thailand ใช้เทคโนโลยีช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นจริง บริษัทลดการใช้กระดาษได้ถึง 97% ทำให้งานเอกสารลดลงเยอะ และขณะเดียวกันก็เปิดใช้ระบบในการทำงานระยะไกลที่ปลอดภัยจากทุกที่ พนักงานยังได้รับประโยชน์จากระบบ People Analytics ขั้นสูงที่ช่วยวางแผนการเติบโตในสายอาชีพ ระบบการจัดการการเรียนรู้ออนไลน์ (LMS) ที่ครอบคลุมและให้โอกาสพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และระบบการให้รางวัลพนักงานแบบดิจิทัลแบบเรียลไทม์ โครงสร้างทางเทคโนโลยีประกอบด้วยแพลตฟอร์ม HRIS และ Enterprise HRMS ที่ทันสมัย ซึ่งปรับปรุงกระบวนการ HR ให้ราบรื่น ทำให้ทุกอย่างตั้งแต่การประเมินผลงานไปจนถึงการเข้าถึงสวัสดิการเป็นไปได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ แนวทางที่เปิดใช้เทคโนโลยีนี้ทำให้การทำงานต่าง ๆ เป็นเรื่องง่าย พนักงานจึงใช้เวลาไปกับงานได้อย่างเต็มที่ และมีเครื่องมือที่ดีในการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ บริษัทระดับโลก ที่เข้าถึงความเป็นไทย ในฐานะส่วนหนึ่งของ Trip.com Group ผู้ให้บริการท่องเที่ยวชั้นนำของโลก Trip.com Thailand ได้รับประโยชน์จากทรัพยากรโลกที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันก็รักษาความเชี่ยวชาญและความเข้าใจตลาดไทยอย่างลึกซึ้ง แนวทางของบริษัทผสมผสานแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดระดับนานาชาติกับความเข้าใจวัฒนธรรมการทำงานไทยและความต้องการของพนักงานอย่างแท้จริง สร้างโอกาสพิเศษให้พนักงานเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว พร้อมได้รับการสนับสนุนจากสวัสดิการและเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรม อีกสิ่งที่น่าภูมิใจคือ Trip.com Group Thailand เป็นตัวอย่างของความหลากหลายในที่ทำงาน มีพนักงานกว่า 200 คนจาก 17 สัญชาติทั่วโลก ความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่น่าทึ่งนี้แผ่ขยายไปทั่วทุกระดับขององค์กรตั้งแต่พนักงานทั่วไปจนถึงผู้บริหารซึ่งทำงานใน 3 สำนักงานในไทยประกอบด้วย กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือ บริษัทเปิดโอกาสให้ทุกคนเท่าเทียมกัน โดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ มาจากที่ไหน นับถือศาสนาอะไร หรือเป็นเพศไหน ความหลากหลายนี้ทำให้เกิดไอเดียใหม่ ๆ โดยมุมมองที่หลากหลายของพวกเขาขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเติบโตทางธุรกิจ ทีมผู้นำที่มีหลายวัฒนธรรมสะท้อนถึงความมุ่งมั่นนี้ แสดงให้เห็นว่าโอกาสในการก้าวหน้าเป็นไปได้จริงสำหรับพนักงานทุกคน คุณจิราพร พรหมสวัสดิ์ Country HR Manager, Trip.com Group Thailand กล่าวว่า "การได้รับรางวัลทั้ง 3 รางวัลนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างที่ทำงานที่ดี สำหรับทีมงานกว่า 200 คนจาก 17 สัญชาติ โดยไม่แบ่งแยกอายุ เชื้อชาติ ศาสนา หรือเพศใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการเติบโตที่ชัดเจน หรือการให้อิสระในการคิดสร้างสรรค์กับทีม เราทำให้แน่ใจว่าพนักงานทุกคนมีเครื่องมือ ได้รับความไว้วางใจและโอกาสในการเติบโต ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัยกับการดูแลคนของเราอย่างแท้จริง เราผสมผสานเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยกับการดูแลพนักงานอย่างจริงใจ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครอบคลุมทุกคนในทั้ง 3 สำนักงานที่กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ เราไม่ได้แค่ทำให้พนักงานพอใจ แต่ยังกำลังตั้งมาตรฐานใหม่ให้กับการเป็นบริษัทที่ใส่ใจ ใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด และเปิดกว้างอย่างแท้จริงในวงการท่องเที่ยวไทย เราให้ความไว้ใจกับพนักงาน ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่แนวหน้าในการบริการลูกค้า หรือพัฒนากลยุทธ์ตลาดใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนมีโอกาสสร้างความยิ่งใหญ่ร่วมกัน" การลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อความเป็นเลิศของพนักงาน หลังได้รับรางวัลนี้ ทีม HR ของ Trip.com Group Thailand ก็จะไม่หยุดพัฒนา จะมุ่งเน้นสร้างเส้นทางการเติบโตในสายอาชีพที่ดียิ่งขึ้น ทั้งด้านความโปร่งใสในองค์กรและขยายโปรแกรมสวัสดิการดูแลสุขภาพพนักงานให้ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อสนับสนุนพนักงานในสภาพแวดล้อมที่เติบโตอย่างรวดเร็วของบริษัท Trip.com Group Thailand ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่องและการทำงานที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตามแนวคิดความยั่งยืน ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่การดูแลสิ่งแวดล้อม แต่รวมถึงการสร้างการเปลี่ยนแปลงดี ๆ ที่ยั่งยืนให้กับพนักงาน ตั้งแต่การสนับสนุนครอบครัวแบบครบวงจรที่ครอบคลุมทุกช่วงชีวิต ไปจนถึงการทำงานที่ยืดหยุ่นด้วยเทคโนโลยีลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการเดินทาง และขณะเดียวกันก็เพิ่มความสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงานให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย เกี่ยวกับรางวัล HR Asia Best Companies to Work for in Asia Awards รางวัล HR Asia Best Companies to Work for in Asia Awards เป็นการมอบรางวัลสำหรับองค์กรที่ได้รับการยอมรับจากพนักงานว่าบริษัทไหนเป็นที่ทำงานที่ดีที่สุดในเอเชีย รางวัลนี้มอบให้กับบริษัทที่มีการบริหารคนเก่ง พนักงานมีส่วนร่วมสูง และมีวัฒนธรรมการทำงานที่ยอดเยี่ยม รางวัลนี้ดึงดูดผู้สมัครจากบริษัท Fortune 500 รวมถึงบริษัทอื่น ๆ หลายประเภท รวมถึงบรรษัทข้ามชาติและหน่วยงานรัฐ