https://th.trip.com/moments/tag-254527-%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%9B/
วัดหนองบัว จ.น่าน
วัดหนองบัวตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2215 ที่บ้านหนองบัว เป็นหมู่บ้านชาวไทลื้อกลุ่มใหญ่อาศัยมาช้านาน มีเรื่องเล่าว่าเป็นชาวไทลื้อจากเมืองล้า สิบสองปันนาที่อพยพเข้ามาอยู่ในเมืองน่าน เมื่อประมาณจุลศักราช 1184 (พ.ศ. 2365)
วิหารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เรียบง่าย มีความโดดเด่นที่จิตรกรรมผาผนังแบบเดียวกับวัดภูมินทร์ วิหารวัดหนองบัว สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2405 โดยการนำของครูบาหลวงสุนันต๊ะร่วมกับชาวบ้านหนองบัวช่วยกันสร้างขึ้น เป็นสถาปัตยกรรมรูปแบบไทลื้อ ภายในวิหารมีภาพจิตรกรรมที่แสดงเรื่องราวทางพุทธชาดก โดยช่างฝีมือสกุลไทลื้อที่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงสองแห่งคือที่วัดภูมินทร์กับที่วัดหนองบัว ภาพเขียนจิตรกรรมในวิหารวัดหนองบัวเขียนโดย ทิดบัวผัน ซึ่งเป็นช่างชาวลาวพวนที่นายเทพได้นำตัวมาจากเมืองพวนในแคว้นหลวงพระบาง ส่วนเรื่องราวที่เขียนในภาพได้แก่เรื่อง จันทคาธชาดก ซึ่งเป็นนิยายคติธรรมเก่าแก่อันดับที่ 11 ในหนังสือปัญญาสชาดกปัจฉิมภาค นอกจากนี้ในภาพจิตรกรรมยังมีภาพเรือกลไฟและทหารชาวฝรั่งเศส ซึ่งตามประวัติของเรือกลไฟแล้วมีแหล่งกำเนิดอยู่ในยุโรปและอเมริกา สันนิษฐานว่าว่าช่างเขียนคงจะเขียนภาพอยู่ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 4 ถึงรัชกาลที่ 5 นอกจากนั้นในบางตอนของภาพยังมีการเขียนภาพวิถีชีวิตของชาวไทลื้อเอาไว้ด้วย
#หมงพาไป
Wiki
วัดพระธาตุช้างค้ำ จ.น่าน
พระธาตุเจดีย์ช้างค้ำวรวิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีลิกธาตุไว้ภายใน นับเป็น ปูชนียสถาน สำคัญ เป็นเจดีย์ ที่ได้รับอิทธิพลทางด้านศิลปะสุโขทัย จากเจดีย์ทรงลังกา คือเจดีย์วัดช้างล้อมนั่นเอง พระธาตุเจดีย์ สร้างด้วยอิฐถือปูน มีสัณฐานเป็นรูปสี่เหลื่ยมจัตุรัส ซ้อนกัน 3 ชั้น กว้างด้านละ 9 วา ฐานจากชั้นแรกสูงถึงชั้นสอง มีรูปช้างค้ำอยู่ในลักษณะ เหมือนฐานรองรับไว้ด้านละ 6 เชือก รวมทั้งหมด 24 เชือก ช้างแต่ละตัว โผล่ส่วนหัว ลอยออกมาครึ่งตัว ขาหน้าทั้งคู่ ยื่นพ้นออกมาจากเหลี่ยมฐาน เหนือขึ้นไปเป็นฐานปัทม์ (ฐานบัว) ซ้อนกัน 3 ชัน และเป็นองค์ระฆังแบบลังกา ต่อจากองค์ระฆัง ทำเป็นฐานเขียง รองรับมาลัยลูกแก้ว ลดหลั่นกันไป เป็นส่วนยอด ปัจจุบันพระธาตุเจดีย์ช้างค้ำ ได้รับการบูรณะซ่อมแซม และหุ้นด้วยแผ่นทองเหลืองทั้งองค์ มีความสวยงามมาก
Crt:wiki
#หมงพาไป
วัดชุมพลนิกายาราม พระนครศรีอยุธยา
วัดชุมพลนิกายาราม สร้างโดยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 5 (พระเจ้าปราสาททอง) ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมื่อ พ.ศ. 2175 ตรงบริเวณที่เป็นเคหสถานเดิมของพระราชชนนีของพระองค์ ตามหลักฐานจากพระราชกระแสรับสั่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 3 ลงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2419 และในประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 25 พิมพ์ครั้งที่ 2 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพงษาดิศรมหิตป โปรดให้พิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2468 ความว่า
“…ที่ทรงสร้างวัดชุมพลนิกายารามนี้เป็นมูลนิเวศสถานของพระราชชนนีแห่งองค์พระเจ้าปราสาททอง หากจะสันนิษฐานตามหลักฐานที่อ้างอิงทุกกรณีแล้วเห็นว่าเป็นความจริงโดยแน่แท้ เพราะว่าวัดชุมพลนิกายารามนี้ ต่อมาปรากฏว่าเจ้าฟ้ากรมขุนสุเรนทร์พิทักษ์ ซึ่งมีพระนามเดิมว่า เจ้าฟ้านเรนทร์ ที่เป็นพระราชโอรสของพระสรรเพชญ์ที่ 9 หรืออีกพระนามหนึ่งว่า ขุนหลวงท้ายสระ ซึ่งผนวชอยู่ที่วัดโคกแสง ได้เสด็จมาปฏิสังขรณ์ในครั้งกระนั้น นอกจากนี้แล้ว ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดมาปฏิสังขรณ์หรือบูรณะแต่อย่างใด…”#หมงพาไป
วัดสมณโกฏฐาราม พระนครศรีอยุธยา
วัดสมณโกฏฐาราม พระนครศรีอยุธยา เสนาสนะอยู่ทางด้านทิศใต้ของโบราณสถาน ประกอบด้วยฐานปรางค์ขนาดใหญ่ล้อมด้วยระเบียงคดรูปสี่เหลี่ยมเป็นปรางค์ที่สร้างขึ้นในราวปลายสมัยอยุธยาตอนกลาง ซึ่งสร้างครอบทับเจดีย์ทรงระฆังกลมที่ตั้งอยู่บนลานประทักษิณที่ต่อเชื่อมกับเจดีย์ประจำมุมทั้งสี่และมีกำแพงแก้วล้อมรอบอีกชั้นหนึ่ง ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้นไว้ ถัดออกมาทางด้านทิศตะวันออกนอกระเบียงคดมีวิหารขนาดใหญ่ ซึ่งได้รับการบูรณะเพิ่มเติมอีกครั้งในสมัยอยุธยาตอนปลาย เช่นเดียวกับอุโบสถซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของวัดในแนวเดียวกัน พระประธานในอุโบสถคือ พระศรีสมณโกฏบพิตร หน้าตักกว้าง 149 นิ้ว สูง 190 นิ้ว เนื้อองค์พระเป็นหินทราย ปางมารวิชัย สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น
มหาธาตุเจดีย์ที่เหลือเพียงซากฐาน และมีบันทึกในคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม เอกสารจากหอหลวงว่า เป็นมหาเจดีย์ที่เป็นหลักเป็นศรีแห่งพระนคร 1 ใน 5 อีกด้วย คำว่ามหาธาตุเจดีย์ หมายถึง พระบรมธาตุที่บรรจุประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ตามบันทึกมี 5 องค์ ได้แก่ วัดมหาธาตุ วัดพระราม วัดราชบูรณะ วัดสมณโกฏฐาราม และวัดพุทไธศวรรย์ ภายในวัดยังมีอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ศาลโกษาเหล็ก และศาลโกษาปาน
#หมงพาไป
Wikipedia
วัดสมณโกฏฐาราม พระนครศรีอยุธยา
วัดสมณโกฏฐาราม ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1900 และได้รับการปฏิสังขรณ์โดยเจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) และเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยเรียกชื่อว่า วัดพระยาพระคลัง ในจดหมายเหตุของแกมเฟอร์ แพทย์ชาวเยอรมันที่เดินทางเข้ามากรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 2233 ในรัชกาลสมเด็จพระเพทราชา ได้เขียนแผนผังประกอบไว้ปรากฏว่าเป็นวัดสมณโกฏฐารามและวัดกุฎีดาว และยังระบุว่าสมเด็จพระเพทราชาได้เสด็จไปที่วัดนี้เพื่อพระราชทานเพลิงศพเจ้าแม่วัดดุสิตซึ่งเป็นมารดาของเจ้าพระยาโกษา (เหล็ก) และเจ้าพระยาโกษา (ปาน) และยังเป็นพระแม่นมของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเมื่อ พ.ศ. 2233 จึงพอสันนิษฐานได้ว่าวัดนี้น่าจะเป็นวัดที่เจ้าพระยาโกษาธิบดีทั้งสองท่านปฏิสังขรณ์เพื่อให้เป็นวัดประจำตระกูล วัดสมณโกฏฐารามได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 1910
#หมงพาไป
#เที่ยวอยุธยา
ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือลวกปาก อยุธยา
วันนี้มีโอกาสได้มามาเที่ยววัดแถวๆ อยุธยาอีกครั้งก็เลยแวะมาที่วัดตองปุ ปากทางเข้าวัดจะมีร้านก๋วยเตี๋ยวตั้งอยู่ริมริมแม่น้ำบรรยากาศดีลมเย็นพัดตลอดเวลาถึงแม้ว่าแดดจะแรง ลองสั่งอาหารมากินรสชาติอร่อยถือว่าดีเลยครับราคาไม่แพงที่สำคัญกินไปไม่ร้อนถึงแม้ว่าจะไม่ได้นั่งในห้องแอร์
หากใครมาเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและมีแผนจะมาเที่ยววัดตองปุอย่าลืมแวะมาทานร้านก๋วยเตี๋ยวลวกปากกันนะครับ
#หมงพาไป
#เที่ยวอยุธยา
วัดป่าศรีถาวรนิมิต จ.นครนายก
วัดป่าศรีถาวรนิมิต เป็นวัดราษฎร์ สายธรรมยุติกนิกาย ซึ่งผู้ก่อตั้งวัดแห่งนี้คือ พระราชพิพัฒนาทร (ถาวร จิตตถาวโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร วัดนี้อยู่ในความอุปถัมภ์ของมูลนิธิถาวรจิตตถาวโร-วงศ์มาลัย[1] ตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านบุ่งเข้ ตำบลหนองแสง อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ที่มาของชื่อวัด คือ คำว่า "ศรี" มาจากพระนามของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และ "ถาวร" คือชื่อของ พระราชพิพัฒนาทร (ถาวร จิตตถาวโร) นั่นเอง
ข้อมูลจาก Wikipedia
#หมงพาไป
วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา
วัดพนัญเชิง เป็นวัดที่มีประวัติอันยาวนาน ก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยาและไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามหนังสือพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง และพระราชทานนามว่า วัดเจ้าพระนางเชิงและพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์กล่าวไว้ว่า ได้สถาปนาพระพุทธรูปพุทธเจ้าพแนงเชิง เมื่อปี พ.ศ. 1867 ซึ่งก่อนพระเจ้าอู่ทองจะสถาปนากรุงศรีอยุธยาถึง 26 ปี
พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อซำปอกง เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ และใหญ่ที่สุดในพระนครศรีอยุธยา หน้าตักกว้าง 20 เมตรเศษ สูง 19 เมตร เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย เคยได้รับความเสียหายในสมัยเสียกรุง แต่ก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมมาโดยตลอด จนกระทั่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ. 2394 ได้โปรดเกล้าให้บูรณะใหม่หมดทั้งองค์ และพระราชทานนามใหม่ว่า พระพุทธไตรรัตนนายก หรือที่รู้จักกันในหมู่พุทธศาสนิกชนชาวไทยเชื้อสายจีนว่า หลวงพ่อซำปอกง คำว่า พแนงเชิง มีความหมายว่า นั่งขัดสมาธิ ฉะนั้น คำว่า วัดพนัญเชิง (วัดพระแนงเชิง หรือ วัดพระเจ้าพแนงเชิง) จึงหมายถึงวัดแห่งพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัยคือ หลวงพ่อโต หรือ พระพุทธไตรรัตนนายก นั้นเอง หรืออาจสืบเนื่องมาจากตำนานเรื่องพระนางสร้อยดอกหมาก คือ เมื่อพระนางสร้อยดอกหมากกลั้นใจตายนั้น พระนางคงนั่งขัดสมาธิ เพราะชาวจีนนิยมนั่งขัดสมาธิมากว่านั่งพับเพียบจึงนำมาใช้เรียกชื่อวัด บางคนก็เรียกว่า วัดพระนางเอาเชิง ตามสาเหตุที่ทำให้พระนางถึงแก่ชีวิต ฉะนั้น ถ้าเรียกนามวัดตามความหมายของคำว่า วัดพนัญเชิง ก็ย่อมหมายความถึงวัดที่มีพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิ คือหลวงพ่อโต (อ้างอิงจากประวัติวัดพนัญเชิงข้อมูลของทางวัดในปัจจุบัน)
ข้อมูลจาก Wikipedia
#หมงพาไป
วัดปราสาท จ.อ่างทอง
วัดปราสาทตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2245 โดยสันนิษฐานได้จากใบเสมาและพระพุทธรูป พระประธาน จากคำบอกเล่า แต่เดิมวัดปราสาทเป็นที่ตั้งพลับพลาของกษัตริย์ เมื่อคราวยกทัพมาพักเพื่อต่อต้านข้าศึก มีชื่อเดิมว่า วัดปราสาททอง สร้างขึ้นโดยพระเจ้าปราสาททอง พระองค์เคยเสด็จมาพักแรม วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2250 เขตวิสุงคามสีมากว้าง 8.10 เมตร ยาว 15.50 มตร
อาคารเสนาสนะที่สำคัญ ได้แก่ อุโบสถสร้างเมื่อ พ.ศ. 2250 กว้าง 8.10 เมตร ยาว 15.50 เมตร ภายในมีพระพุทธรูป ปางมารวิชัย เป็นประธาน ขนาดหน้าตักกว้าง 2 ศอกคืบ สูง 0.76 เมตร มีภาพจิตรกรรมฝาผนังทั้ง 3 ด้าน พระปรางค์สูงจากพื้นถึงยอด 41 เมตร ฐานกว้าง สี่เหลี่ยมด้านละ 18 เมตร พระอุปัชฌาย์พูล (หลวงพ่อเฒ่า) พระอธิการแห่งวัดปราสาท เป็นผู้สร้างเมื่อ พ.ศ. 2441– 445 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เจดีย์ 4 องค์ ประดิษฐานอยู่ที่ 4 มุม ของพระปรางค์ กว้าง 6.18 เมตร ก่ออิฐถือปูนย่อมุมไม้สิบสอง สร้างระหว่าง พ.ศ. 2477–2482 ศาลาการเปรียญ กว้าง 15 เมตร ยาว 25 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2491 เป็นอาคารไม้ทรงไทยชั้นเดียว หอสวดมนต์ กว้าง 7.30 เมตร ยาว 11.59 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2474 กุฎิสงฆ์ จำนวน 11 หลัง เป็นอาคารไม้ วิหาร กว้าง 6.82 เมตร ยาว 11.35 เมตร เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
ข้อมูลจาก Wikipedia
#หมงพาไป
พระอุโบสถ วัดป่าโมกวรวิหาร จ.อ่างทอง
วัดป่าโมกวรวิหาร จ.อ่างทอง มีอาคารเสนาสนะที่สำคัญ ได่แก่ พระวิหารพระพุทธไสยาสน์ เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมอยุธยาตอนปลาย มีรูปทรงหลังคาเป็นฐานวิหารอ่อนโค้งรูปสำเภา หลังคาลด 2 ชั้น ต่อด้วยปีกนกด้านละ 2 แถบ มี 9 ห้อง เจาะช่องหน้าต่างด้านละ 7 บาน ด้านหน้าเจาะเป็นประตู ทางเข้าประตูเขียนลายรดน้ำลายพุ่มทรงข้าวบิณฑ์ก้านแย่งยอด ภายในประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ พระอุโบสถมีขนาด 5 ห้อง หลังคาลดหลั่น 2 ชั้น หน้าพระอุโบสถใต้หน้าบันมีหลังคาคลุมแบบจั่นหับ มีประตูทางเข้า 2 ประตู หน้าต่างด้านละ 3 บาน เขียนลายรดน้ำ มีใบเสมาเป็นของเก่าในสมัยอยุธยาตอนต้นเป็นหินชนวนตั้งอยู่บนฐานดอกบัวและฐานสิงห์ วิหารเขียนมีขนาด 7 ห้อง หลังคาลด 2 ชั้น ใต้หน้าบันด้านหน้าปิดผนังทึบมีเสาแบนหรือเสาอิง 2 ตัน มีหลังคาคลุมลดลงมารองรับด้วยเสา 4 ต้น สันนิษฐานว่าเดิมเป็นตำหนักที่ประทับของพระเจ้าท้ายสระในคราวเสด็จชะลอพระพุทธไสยาสน์ และมณฑป ก่อด้วยอิฐฉาบปูน หน้าบันมีลวดลายปูนปั้นรอบมณฑป ภายในมณฑปประดิษฐานพระพุทธบาทสี่รอยสลักด้วยหิน
ข้อมูลจาก Wikipedia
#หมงพาไป
วัดบุ่งเข้ จ.นครนายก
วันนี้ได้มีโอกาสมาออกค่ายอาสาพัฒนาชนบทกับเด็กๆ และนักศึกษาเลยแวะมาเดินเล่นที่วัดบุ่งเข้ ไม่แน่ใจว่าออกเสียงหรือเขียนถูกหรือเปล่านะครับแต่ว่าภายในวัดนั้นสงบร่มเย็นมากเหมาะกับที่จะมาเดินเล่นหรือคิดอะไรไปเรื่อยๆแบบสงบสติอารมณ์ภายในวัดบรรยากาศดีท้องฟ้าแจ่มใสและอากาศกำลังเย็นสบายๆไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไปถือว่าเป็นการพักผ่อนที่ดีเลยครับ
#หมงพาไป
สถานีรถไฟบ้านม้า จ.พระนครศรีอยุธยา
เมื่อพูดถึงสถานีรถไฟแน่นอนว่าในจังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้นก็จะนึกถึงสถานีรถไฟที่สวยงามที่สุดนั่นก็คือสถานีรถไฟบางปะอิน อย่างไรก็ตามสถานีบ้านม้าก็สวยงามไม่แพ้กันโดยเฉพาะยามเย็นวันนี้มีโอกาสได้มาถ่ายรูปและเก็บภาพความประทับใจช่วงยามเย็นมาฝาก แสงแดดก็ดูเยือกเย็นดีเนื่องจากใกล้ค่ำ จะมาถ่ายรูปก็แนะนำให้นำกล้องที่สามารถกรองแสงอาทิตย์ได้ก็จะดีจะได้ช่วยตัดแสงดวงอาทิตย์คมและมีความสวยงามมากขึ้น
หากมีโอกาสเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอย่าลืมแวะมาถ่ายภาพรางรถไฟตอบพระอาทิตย์ตกสวยสวยที่สถานีบ้านม้านะครับ
#หมงพาไป
ทุ่งทานตะวันเขาจีนแลจังหวัดลพบุรีลพบุรี
วันนี้มีโอกาสได้มาเที่ยวทุ่งทานตะวันเขาจีนและจังหวัดลพบุรีถึงแม้ว่าทานตะวันจะโดนไถกลบไปมากแล้วแต่ยังคงมีดอกเล็กๆ ให้ได้ชมความสวยงามวันนี้อากาศครึ้มไปหน่อยแสงเลยไม่ค่อยจ้าแต่ก็ก็ยังเห็นดอกทานตะวันเป็นพื้นที่กว้างใหญ่หลายไร่เวลาถ่ายออกมาสวยมากเนื่องจากวันนี้เป็นวันเด็กทำให้คนไม่ค่อยมากถ่ายรูปก็สวยแต่ถ้าเกิดว่าให้แนะนำ ผมว่าให้มาช่วงเช้าอากาศจะได้ไม่ร้อนมาก
#หมงพาไป
วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร
เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต กัลยาณมิตร) ต้นสกุลกัลยาณมิตร ว่าที่สมุหนายก ได้อุทิศบ้านและที่ดินบริเวณใกล้เคียง ซึ่งแต่เดิมเป็นหมู่บ้านที่มีภิกษุจีนพำนักอยู่ และเรียกกันต่อมาว่า "หมู่บ้านกุฎีจีน" สร้างเป็นวัดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2368 และน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 พระราชทานนามว่า "วัดกัลยาณมิตร" และทรงสร้างพระวิหารหลวงและพระประธานพระราชทาน เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ชื่อ พระพุทธไตรรัตนนายก หรือ หลวงพ่อโต ด้วยมีพระประสงค์จะให้เหมือนกรุงเก่า คือมีพระโตอยู่นอกกำแพงเมืองอย่างเช่นวัดพนัญเชิง
#หมงพาไป
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร
วัดอรุณราชวราราม หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า วัดอรุณ เป็นวัดโบราณ สร้างในสมัยอยุธยา ที่ชื่อวัดแจ้ง เพราะ พระเจ้าตากฯ ทำศึกเสร็จ แล้วยกทัพกลับมาเป็นเวลาเช้าพอดี ว่ากันว่าเดิมเรียกว่า วัดมะกอก และกลายเป็นวัดมะกอกนอกในเวลาต่อมา เพราะได้มีการสร้างวัดขึ้นอีกวัดหนึ่งในตำบลเดียวกัน แต่อยู่ในคลองบางกอกใหญ่ ชาวบ้านเรียกวัดที่สร้างใหม่ว่า วัดมะกอกใน (วัดนวลนรดิศ) แล้วจึงเรียกวัดมะกอกซึ่งอยู่ปากคลองบางกอกใหญ่ว่า วัดมะกอกนอก ส่วนเหตุที่มีการเปลี่ยนชื่อเป็นวัดแจ้งนั้น เชื่อกันว่า เมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงตั้งราชธานีที่กรุงธนบุรีใน พ.ศ. 2310 ได้เสด็จมาถึงหน้าวัดนี้ตอนรุ่งแจ้ง จึงพระราชทานชื่อใหม่ว่าวัดแจ้ง
#หมงพาไป
วัดเทวราชกุญชร กรุงเทพมหานคร
วัดเทวราชกุญชรเดิมเชื่อ วัดสมอแครง สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา สันนิษฐานว่าชื่อ สมอ มาจากต้นสมอที่ขึ้นกระจายอยู่ภายในวัด ในขณะที่บางกลุ่มมองว่าคำว่า สมอ น่าจะเพี้ยนเสียงมาจากภาษาเขมร ถะมอ ที่แปลว่า หิน สมอแครง จึงแปลว่า หินแกร่ง ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช วัดแห่งนีได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท และสมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษมนตรี พระโอรสในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ พระเชษฐภคินีในรัชกาลที่ 1 ผู้ทรงเป็นต้นสกุลมนตรีกุล ตามลำดับ ในการบูรณะฯ นั้นได้รับการอุปถัมภ์โดย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระพิทักษเทเวศร์ ต้นสกุลกุญชร พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และได้รับการอุปถัมภ์โดยตระกูลนี้สืบต่อมา
#หมงพาไป
แสงทอดสาดส่อง วัดไชยวัฒนาราม อยุธยา
ภาพทั้งหมดที่นำมาลงวันนี้เป็นภาพที่ถ่ายตอนเช้าช่วงประมาณ 7.30 สวยงามมากเมื่อสีทองจากแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาสัมผัสกับอิฐสีส้ม ส่งให้ความงามสีทองอมส้มฉายความขึงขังและความงามออกมา การมาเที่ยวโบราณสถานมาครั้งเดียวไม่พอเพราะดราจะมองเห็นในแต่ละครั้งที่เรามาไม่เหมือนกัน ที่สำคัญช่วงเช้าๆ แบบนี้คนน้อย ทำให้ถ่ายภาพออกมาสวย ยิ่งช่วงเช้าแสงแดดอ่อนๆ แบบนี้ กดไปเำือบร้อยภาพครับ
#หมงพาไป
พระธาตุหล้าหนอง จ.หนองคาย
พระธาตุหล้าหนอง หรือ พระธาตุกลางน้ำ ตั้งอยู่ตำบลหาดคำ เมื่อ พ.ศ. 2390 องค์พระธาตุ ถูกน้ำกัดเซาะพังทลายลงสู่แม่น้ำโขงห่างจากฝั่งประมาณ 200 เมตร ภายในองค์พระธาตุประดิษฐานพระบรมธาตุฝ่าพระบาท จำนวน 9 พระองค์
ตามตำนานอุรังคธาตุ (พระธาตุพนม) จากการสำรวจใต้น้ำของหน่วยโบราณคดีภาค 7 พบว่า องค์พระธาตุมีฐานกว้างด้านละ 17.2 เมตร ย่อมุมที่ฐาน และมีความสูง 28.5 เมตร หักออกเป็น 3 ท่อน สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 20- 22 เนื่องจากมีรูปร่างคล้ายพระธาตุบังพวน ปัจจุบันได้มีการสร้างพระธาตุหล้าหนองหรือพระธาตุกลางน้ำ (จำลอง) ขึ้นเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้รำลึกถึงความสัมพันธ์ของประชาชนสองฝั่งโขงที่สืบทอดมายาวนาน
#หมงพาไป
พรหมลิขิต กับโบราณสถาน ณ อยุธยา
วัดไชยวัฒนาราม อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มีความสำคัญและสวยงานอันดับต้นๆ ของพระนครศรีอยุธยา ยิ่งในช่วงนี้ละครพรหมลิขิต มาแรง ยิ่งส่งเสริมให้เกิดกระแสการท่องเที่ยวอย่างล้นหลาม อย่างไรก็ตาม ความงามของวัดมิได้อยู่ภายในวัดอย่างเดียว แต่รอบๆและบริเวณริมแม่น้ำก็สวยงามเป็นอย่างมากเช่นกัน
การถ่ายภาพโดยส่วนตัวคิดว่ามาช่วงใดก็ได้ สวยคนละแบบ แต่ผมจะชอบมาช่วงเช้าเนื่องจากไม่ร้อนมากนัก ส่วนช่วงเย็นก็สวยอีกแบบกับแสงอาทิตย์ยามเย็น แต่แน่นอนครับ มาครี้งเกียวไม่พอ
#หมงพาไป
วัดพระธาตุมรุกขนคร จ.นครพนม
พระธาตุมรุกขนคร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๖ ลักษณะคล้ายพระธาตุพนม แต่เล็กกว่าก่ออิฐถือปูนเป็นผงสี่เหลี่ยม ฐานกว้างด้านละ ๒๐ เมตร พระธาตุสูง ๕๐.๙ เมตร มีความหมายว่า สร้างขึ้นในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง ครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี และจุด ๙ หมายถึงรัชกาลที่ ๙ โดยได้รับการอุปถัมภ์จากหม่อมหลวงทวีสันต์ ลดาวัลย์ ซึ่งเป็น ราชเลขาธิการ และคุณหญิงบุญศรี สนธยางกูลพร้อมด้วยศรัทธาญาติโยมจากทั่วสารทิศทุกหนแห่ง พระธาตุมรุกขนครเป็น พระธาตุบริวารของพระธาตุพนมองค์ที่อายุน้อยที่สุด แต่วัดมรุกขนคร มีอายุเกือบสามร้อยปีมาแล้ว สร้างโดยพระบรมราชา ท่านเจ้าเมืองมรุกขนคร เคยเป็นวัดประจำเมืองที่มีความเจริญมาก จนถึงปี พ.ศ. ๒๓๑๐ ตัวเมืองถูกน้ำกัดเซาะตลิ่งพัง เกิดโรคระบาด ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก จึงได้ย้ายไปตั้งเมืองใหม่ที่บ้านหนองจันทน์ ตำบลท่าค้อ อำเภอเมือง
#หมงพาไป
โรงแรมเลอเลิศ จ.ราชบุรี
จังหวัดราชบุรีเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่เป็นสถานที่ที่น่าสนใจเนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายเช่นวัดมหาธาตุราชบุรีซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยยุคโบราณส่วนที่พักนั้นวันนี้มีโอกาสได้มาพักที่โรงแรมหรือเลิศซึ่งเรียกว่าก็ส่งตามชื่อจริงๆห้องพักสะอาดห้องน้ำกว้างขวางหลับสบายหากใครมาเที่ยวจังหวัดราชบุรีอย่าลืมแวะมาพักที่นี่นะครับ
#หมงพาไป
Sala Ayutthaya วิวสุดงดงาม
วันนี้ได้มีโอกาสมารับประทานอาหารตอนค่ำซึ่งร้านศาลาอยุธยาอยู่ตรงข้ามกับวัดพุทไธศวรรย์เรียกได้ว่ามีความสวยงามเป็นที่สุดเลยก็ว่าได้ด้วยบรรยากาศที่น้ำเต็มตลิ่งทำให้เวลาถ่ายรูปแล้วมีแสงสะท้อนของวัดพุทไธศวรรย์ที่เปิดไฟสีทองสวยอลามภาพจึงออกมางดงามมากอย่างไรก็ตามในช่วงฤดูน้ำหลากทำให้ยุงค่อนข้างเยอะหากใครจะมาทานอาหารก็แนะนำให้จองล่วงหน้าและเตรียมยากันยุงมาด้วยนะครับ
#หมงพาไป
วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
วัดสระเกศ เป็นวัดโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดสะแก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบพระอาราม แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า วัดสระเกศ ซึ่งแปลว่า ชำระพระเกศา เนื่องจากเคยประทับทำพิธีพระกระยาสนาน เมื่อเสด็จกรีธาทัพกลับจากกัมพูชามาปราบจลาจลในกรุงธนบุรี และเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติใน พ.ศ. 2325 มูลเหตุที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชพระราชทานเปลี่ยนชื่อวัดสะแก เป็นวัดสระเกศนี้ มีหลักฐานที่ควรอ้างถึงคือ พระราชวิจารณ์ในพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องจดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวีข้อ 11 ว่า"รับสั่งพระโองการ ตรัสวัดสะแกเรียกวัดสระเกศแล้วบูรณปฏิสังขรณ์ เห็นควร ที่ต้นทางเสด็จพระนคร"ทรงพระราชวิจารณ์ไว้ว่า"ปฏิสังขรณ์วัดสะแกและเปลี่ยน ชื่อเป็น วัดสระเกศเอามากล่าวปนกับวัดโพธิ์เพราะเป็นต้นทางที่เสด็จเข้ามาพระนครมีคำ เล่า ๆ กันว่า เสด็จเข้าโขลนทวารสรงพระมุธาภิเษกตามประเพณีกลับจากทางไกลที่ วัดสะแก จึงเปลี่ยนนามว่า "วัดสระเกศ"
#หมงพาไป
วัดพรหมนิวาส พระนครศรีอยุธยา
วันนี้มีโอกาสขับรถมาเที่ยววัดพรหมนิวาส ซึ่งอยู่ภายนอกเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยาสิ่งแรกที่เข้ามาก็คือจะเห็นใบเสมาที่มีความสวยงามเป็นอย่างมากและมีอยู่เพียงวัดเดียวเท่านั้นที่เห็นสวยงามมากขนาดนี้แน่นอนครับว่าต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกแน่นอนหากเดินมาริมแม่น้ำก็จะพบกับอาคารหลังหนึ่งที่มีความสวยงามโดดเด่นและมีสถาปัตยกรรมที่เฉพาะเข้ากับริมแม่น้ำหากใครมาเที่ยววัดพรหมนิวาสอย่าลืมแวะมานั่งเล่นที่ริมแม่น้ำนะครับร่มเย็นสวยงามพักผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดี
#หมงพาไป
วัดที่สวยงามในอยุธยา
หากนึกถึงวัดที่สวยงามในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าวัดไชยวัฒนารามจะติด 1 ใน 3 แน่นอนเนื่องจากเป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นสร้างขึ้นอย่างประณีตบรรจงถึงแม้ว่าจะผ่านกาลเวลามาหลายร้อยปีแต่ยังคงแสดงให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมที่สวยงามโดดเด่นและฝีมือเชิงช่างของบรรพบุรุษไทยที่รังสรรค์ไว้จนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลกจนถึงปัจจุบัน
ช่วงนี้อากาศเริ่มหนาวแล้วเชิญชวนมาเที่ยววัดไชยวัฒนารามกันนะครับไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้า ช่วงสาย ช่วงบ่ายหรือช่วงเย็นก็ได้รูปที่สวยสดใสไปไม่เหมือนกันเลย
##หมงพาไป
วัดไชยวัฒนาราม พระนครศรีอยุธยา
ถึงแม้ว่าอากาศจะร้อนและมีลมหนาวแต่เมื่อได้มาชมสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและสวยงามของวัดไชยวัฒนารามอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาก็หายเหนื่อยหายร้อนเป็นปลิดทิ้ง เนื่องจากมีความสวยงามและโดดเด่นเป็นอย่างมากไม่เสียแรงที่เป็นวัดที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดวัดหนึ่งในพระนครศรีอยุธยา
ในช่วงระหว่างนี้จนถึงสิ้นปี 2566 ทางกรมศิลปากรมีการจัดงานให้เข้าเยี่ยมชมวัดไชยวัฒนารามจนถึง 22:00 น ด้วยนะครับหากใครสนใจสามารถมาเยี่ยมชมวัดในช่วงเวลากลางคืนได้รับรองว่าสวยงามไม่ผิดหวังแน่นอน
##หมงพาไป
ร้านบ้านสวนริมน้ำ พระนครศรีอยุธยา
วันนี้มีโอกาสได้มาพักผ่อนและทานอาหารที่บ้านสวนริมน้ำต้องถือว่าเป็นโลเคชั่นที่ซ่อนเร้นอยู่จริงๆเพราะเมื่อเดินเข้ามาภายในร้านบรรยากาศดีมากมีสระบัวและสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ อาหารรสชาติอร่อยบรรยากาศดีเพราะติดแม่น้ำเจ้าพระยามีเรือให้เราเช่าไปล่องลำน้ำหรือทำบุญวัดริมน้ำด้วยนะครับ
หากใครมาจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอย่าลืมแวะมาเที่ยวร้านบ้านไม้ริมน้ำนะ
#หมงพาไป
#ที่เที่ยวกรุงเทพ
วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร อยุธยา
วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ในสังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ตั้งอยู่ที่ ตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2421 เพื่อทรงใช้เป็นสถานที่สำหรับบำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับที่พระราชวังบางปะอิน ใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมกอทิกเลียนแบบโบสถ์คริสต์
#หมงพาไป
รักษ์บางปะอิน พระนครศรีอยุธยา
วันนี้ได้มีโอกาสมาชิมชาเย็นที่ร้านรักบางปะอินซึ่งตั้งอยู่บริเวณเกาะของวัดนิเวศน์ธรรมะประวัติอำเภอบางปะอินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นอกเหนือจากแดดที่ร้อนแรงแล้วส่วนหนึ่งที่สามารถลดความร้อนลงได้ก็คือชาไทยซึ่งมีความหวานพอดีและให้ความอร่อยอย่างลงตัว
หากใครมาเที่ยวอำเภอบางปะอินและแวะมาเที่ยววัดนิเวศธรรมประวัติอย่าลืมแวะมาชิมกันนะครับรับรองไม่ผิดหวัง
#หมงพาไป
ท้องฟ้าที่สดใสในเมืองมรดกโลก
หากพูดถึงเมืองมรดกโลกแน่นอนครับว่าเพื่อนๆทุกคนคงจะคิดถึงพระนครศรีอยุธยาแต่ทราบไหมครับว่าปัจจุบันนี้เรามีแหล่งเมืองมรดกโลกนั้นหลายแหล่งเช่นอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองโดยรอบเช่นศรีสัชนาลัยและกำแพงเพชรและล่าสุดอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยนั้นเป็นแหล่งโบราณคดีขนาดใหญ่ที่สวยงามและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติดังนั้นเราทุกคนต้องช่วยกันดูแลนะครับ
#หมงพาไป
#ภาพจิตรกรรมฝาผนัง
หมงพาไป
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง