ข้อมูลแนะนำการท่องเที่ยวลิมบวร์กสำหรับปี 2567 (อัปเดตล่าสุดเดือนเม.ย.)
ข้อมูลแนะนำการท่องเที่ยวBoat trip canal Cruise The meuse riverสำหรับปี 2567 (อัปเดตล่าสุดเดือนเม.ย.)
ล่องแม่น้ำ Meuse Netherland
ประสบการล่องเรือไปตามแม่น้ำ Meuse ในฮอลแลนด์ ท่ามกลางอุณภูมิ 15 องศา และฝนปรอย ๆ เป็นบางช่วง มีเบียร์เย็น ๆ นั่งดูวิวล่องแม่น้ำ ใช้เวลาไปกลับประมาณ 6 ชั่วโมง พร้อมอาหารเย็น ล่องผ่านเมือง Venlo และเข้าไปที่บันใดน้ำ เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก แถมวิวนี่สุดยอดมาก เมืองต่าง ๆ น่ารักและเขียวขจีมาก บรรยากาศดีมาก ผ่านไร่นาพืชผักริมฝั่งแม่น้ำ เยี่ยมไปเลย #boattrip
ข้อมูลแนะนำการท่องเที่ยวSelexyz Dominicanenสำหรับปี 2567 (อัปเดตล่าสุดเดือนเม.ย.)
ซื้อหนังสือ 'The Art of War' ที่ร้านหนังสือ Paradise ในฮอลแลนด์
จาก Trier ในเยอรมนีไปยัง Maastricht ในฮอลแลนด์ หนึ่งในเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดในฮอลแลนด์ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฮอลแลนด์ ริมแม่น้ำ Maas ในศตวรรษที่ 18 ถูกครองโดยฝรั่งเศสและเบลเยียม จนถึงปี 1830 จึงเป็นของฮอลแลนด์ สัญลักษณ์ของเมืองเล็ก ๆ นี้คือ โบสถ์ St. Servaas ซึ่งเป็นอาคารสูงที่สุดในเมือง และเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในฮอลแลนด์ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 6 นับวัน ซานต์เซอร์วาสคือครั้งแรกในฮอลแลนด์ ถูกฝังในที่นี้ในปี 384 มีของที่ระลึกจาก St. Servaas อยู่หลายชิ้นในโบสถ์ และมีรูปปั้นทองแดงของเขาในสวนหลัง
Maastricht ยังมีชื่อเสียงอีกหนึ่งอย่างคือร้านหนังสือ Paradise ที่ถูกปรับเปลี่ยนจากโบสถ์ Dominican ที่มีอายุ 800 ปี ร้านหนังสือนำสมัยทันใจมาผสมผสานกับสถาปัตยกรรมสไตล์ Gothic ใช้บรรยากาศของโบสถ์ที่สง่างามและหนักแน่นเพื่อแสดงความศักดิ์สิทธิ์และความสำคัญของการอ่าน ที่ไม่ธรรมดาและสมดุลดี ในร้านหนังสือมีหนังสือหลายภาษาของยุโรป ไม่เห็นหนังสือภาษาจีน แต่เห็น 'The Art of War' ฉบับภาษาอังกฤษและ 'Tao Te Ching' ฉบับภาษาดัตช์ แต่ละคนซื้อหนังสือ 'THE ART OF WAR' ที่มีการผูกเข้าหนังสือที่สวยงาม ซึ่งคือ 'The Art of War' เป็นสิ่งที่ระลึก ราคา 20 ยูโร ลดราคาเหลือ 17.9 ยูโร นักท่องเที่ยวในร้านหนังสือมาจากทั่วโลก มีสีผิวที่แตกต่างกัน ภาษาที่แตกต่างกัน รวมตัวกันที่สถานที่เดียวกัน ทำสิ่งเดียวกัน - การอ่าน หนังสือไม่เพียงแค่เป็นบันไดที่นำไปสู่ความก้าวหน้าของมนุษยชาติ แต่ยังเป็นสะพานที่เชื่อมโยงมนุษยชาติเข้าด้วยกัน ร้านหนังสือ Paradise Maastricht Design Hotel
ข้อมูลแนะนำการท่องเที่ยวDe Pannekoekenbakkerสำหรับปี 2567 (อัปเดตล่าสุดเดือนเม.ย.)
คาเฟ่ในตึกโบราณที่ต้องมาลองแพนเค้กสไตล์ดัตช์
#รีวิวคาเฟ่
แพนเค้กสไตล์ดัตช์ ที่เรียกว่า Pannenkoek หรือ Dutch pancake นั้นจัดเป็นอาหารยอดนิยมของเนเธอร์แลนด์ที่มักทานเป็นมื้อหลักช่วงกลางวันถึงเย็นกันมากกว่าจะเป็นแค่อาหารเช้าอย่างแพนเค้กของชาติอื่นๆ ลักษณะจะเป็นแผ่นแป้งบางๆ (หนากว่าเครปของฝรั่งเศสแค่นิดเดียว) แผ่นใหญ่เท่ากระทะ รสไม่หวานมาก ทำให้สามารถเป็นได้ทั้งของคาวและของหวานตามแต่ท็อปปิ้งที่เลือก โดยร้านแพนเค้กแต่ละเจ้าก็แข่งกันครีเอทท็อปปิ้งหลากหลายรสชาติ สำหรับคนที่มาเที่ยวเนเธอร์แลนด์แล้วอยากมาลองชิม Dutch pancake ดูบ้าง ร้านนี้ก็เป็นหนึ่งในหลายๆร้านที่น่าลองค่ะ
🏠 ร้าน De Pannekoekenbakkers นี้แค่ดูชื่อร้านก็เดาได้ว่าเป็นร้านที่เชี่ยวชาญเรื่อง Pannenkoek โดยเฉพาะ มีแพนเค้กหน้าต่างๆที่ทางร้านครีเอทไว้เป็นร้อยแบบ ร้านนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1983 โดยมีสาขาแรกอยู่ที่เมือง Heusden จากนั้นก็ได้รับความนิยมจนมีการขยายสาขาเรื่อยมา โดยปัจจุบันมีอยู่ถึง 15 สาขา ใน 15 เมืองทั่วประเทศเนเธอร์แลนด์ สำหรับเราได้มีโอกาสแวะไปสาขาที่เมือง Thorn ค่ะ สาขานี้ตัวร้านเป็นอาคารอนุรักษ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 17 ตัวตึกสีขาวน่ารักเหมือนหลุดออกมาจากในนิทาน ด้านในร้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ดูอบอุ่น มองจากหน้าต่างออกไปจะเห็นโบสถ์ประจำเมืองเต็มตา มีจัดบริเวณให้เด็กๆเล่นด้วย เลยมีลูกค้าที่มากันเป็นครอบครัวเยอะเลยล่ะค่ะ เราสั่งมาลองตามนี้เลย
🥞 [Dutch Pancakes]
➡️ Salami and Cheese + Apple and Banana
สั่งเป็น Half-and-Half Pancake คือมี 2 หน้าในแผ่นเดียวกัน ด้านนึงเป็นซาลามี่กับชีส อีกด้านเป็นหน้าแอ็ปเปิ้ลกับกล้วยค่ะ
➡️ Cherries, Chocolate Sprinkles, Whipped Cream, and Powdered Sugar
ท็อปปิ้งเป็น preserved cherries เปรี้ยวๆโรยช็อกโกแลตและเมอแรงค์ ทานคู่กับวิปครีมหวานๆฟินๆกันไป
เท่าที่ชิมดูจุดเด่นจริงๆของที่นี่คือแป้งแพนเค้กที่ทำออกมาได้ดี เนื้อแป้งบาง ตรงขอบกรอบนิดๆหอมกลิ่นไหม้บางๆจากการเบิร์นไฟบนกระทะ ส่วนท็อปปิ้งก็ใช้ของดีใช้ได้ ถ้าเลือกได้หน้าที่ถูกใจก็เป็นอันว่าไม่ผิดหวังนั่นล่ะ
☕️ [Coffee]
กาแฟที่นี่ค่อนข้างเข้ม กลิ่นรสดีใช้ได้ แต่ทีเด็ดคือขนมอบชิ้นเล็กๆที่เสิร์ฟฟรีคู่มากับกาแฟนั้นเป็นขนมโฮมเมดที่ทางร้านอบเอง เป็นขนม Gevuld Speculaas ที่เอาคุกกี้ speculaas เนื้อนุ่มๆมาสอดไส้อัลมอนด์กวน อร่อยจนเราอยากขอซื้อกลับ แต่ทางร้านไม่ขาย เพราะทำไว้แค่พอเอามาเสิร์ฟกับกาแฟเท่านั้นจ้า
=====================================
📌Address: Bogenstraat 2, 6017 AV Thorn, Netherlands
📞 Tel. +31475563327
⏰ Opening Hours: Mon-Fri 12.00-20.00 / Sat 11.00-20.00 / Sun 10.00-20.00
ข้อมูลแนะนำการท่องเที่ยวCauberg Cavern - Gemeentegrotสำหรับปี 2567 (อัปเดตล่าสุดเดือนเม.ย.)
ถ้ำที่มีตลาดคริสต์มาสใต้ดินใหญ่สุดในยุโรป
#dreamdestination
โพสต์นี้ขอพามาเที่ยวตลาดคริสต์มาสใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปที่เมือง Valkenburg ทางตอนใต้ของประเทศเนเธอร์แลนด์กันค่ะ เมืองนี้มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญคือถ้ำที่ใช้ทำเหมืองแร่ธาตุดินสอพอง (Marl) มาตั้งแต่สมัยโรมันโบราณ และตลาดคริสต์มาสต์ที่จัดขึ้นในถ้ำนี้ก็โด่งดังจนได้รับรางวัลมากมายติดต่อกันมาหลายปี เรียกว่าต้องมาเมืองนี้เพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะเลยล่ะค่ะ
📌 สถานที่จัด
ตลาดคริสต์มาสจัดขึ้นที่ถ้ำ 2 แห่ง คือ Municipal Cave (Gemeentegrot) และ Velvet Cave (Fluweelengrot) ซึ่งตลาดที่ Municipal Cave นั้นจะใหญ่และน่าชมกว่า เราเลยเลือกไปที่นี่นะคะ บัตรผ่านประตูสามารถจองซื้อได้ทาง website ภายในถ้ำตกแต่งสวยมาก มีทั้งภาพวาดบนฝาผนังที่มีอยู่เดิมและของประดับวันคริสต์มาสต์ติดไฟสว่างไสว อุณหภูมิในถ้ำจะคงที่อยู่ที่ประมาณ 12 องศาเซลเซียส ซึ่งถ้าเทียบกับด้านนอกที่หนาวติดลบกันไปแล้วก็ต้องถือว่าอุ่นสบายมากๆ ตลาดคริสต์มาสต์ที่นี่จัดขึ้นทุกปี สามารถแพลนไว้เผื่อจัดทริปปีต่อๆไปได้เลย
🛍 ช้อปปิ้ง
ถ้ำใหญ่มาก ของก็เยอะมากทั้งของจุกจิกน่ารักๆ ขนม กระเป๋า รองเท้า เครื่องกันหนาวต่างๆและอื่นๆอีกมากมาย แต่ที่เด่นๆก็ตามนี้ค่ะ
☃️ Christmas Decorations
พวกของตกแต่งสำหรับช่วงคริสต์มาสต์นี่ตลาดคริสต์มาสต้องมีทุกที่ สำหรับที่นี่มีให้เลือกเยอะจนละลานตา แถมราคาดีกว่าหลายๆเมืองที่เคยไปมา หยิบจับอันไหนก็น่าซื้อไปหมด มือนี่กุมเป๋าตังค์แน่นเลย ที่พิเศษกว่าที่อื่นๆคือมีพวกของประดับ ของที่ระลึก และรูปปั้นงานศิลปะที่ทำจากหินปูน marl ที่สกัดมาจากในถ้ำด้วย แถมมีบริการสลักชื่อให้อีกด้วยนะ
🍽 อาหาร
ภายในถ้ำมีร้านเครื่องดื่ม ร้านขายขนม Stroopwafel ที่อบสดใหม่ร้อนๆ ร้านกาแฟ ฮ็อตด็อก และวาฟเฟิลด้วยค่ะ ขอแนะนำให้ลองขนมขึ้นชื่อของเนเธอร์แลนด์อย่าง Stroopwafel ที่เป็นแผ่นวาฟเฟิลแบนๆกรอบๆประกบกันสอดไส้คาราเมล ซึ่งเวลาอบร้อนๆใหม่ๆออกมาจากเตานี่อร่อยมากๆเลยล่ะ
นอกจากตลาดคริสต์มาสต์ในถ้ำแล้ว ในตัวเมืองก็มีจัดตลาดคริสต์มาสต์เล็กๆด้วย ถ้าใครมีเวลาเหลือก็สามารถเดินไปชมกันได้ค่ะ
ข้อมูลแนะนำการท่องเที่ยวThornสำหรับปี 2567 (อัปเดตล่าสุดเดือนเม.ย.)
เมืองเล็กๆสีขาวเหมือนในนิทาน
#ที่เที่ยวถ่ายรูปสวย
Thorn เป็นหมู่บ้านเล็กๆทางตอนใต้ของเนเธอร์แลนด์ที่โดดเด่นด้วยอาคารบ้านเรือนสีขาว ดูสวยงามแปลกตาไปจากเมืองอื่นๆในภูมิภาคเดียวกัน เมืองนี้เดิมทีเป็นอารามสำหรับสตรี(คอนแวนต์)ที่ถูกก่อตั้งขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 10 มีเจ้าอาวาสหญิงคนแรกคือ Benedicta ปกครองร่วมกับเหล่าหญิงสูงศักดิ์ที่เป็นฆราวาส แล้วก็ขยับขยายจนกลายเป็นเมืองในที่สุด จนกระทั่งปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ฝรั่งเศสเข้ายึดครอง Thorn และใช้ระบบเก็บภาษีโดยคำนวณจากขนาดและจำนวนของหน้าต่างในบ้านแต่ละหลัง พวกชาวบ้านก็เลยพากันก่ออิฐปิดช่องหน้าต่างไปซะบางส่วน แล้วโบกปูน ทาสีขาวทับซ่อนไม่ให้เห็นร่องรอย เป็นที่มาของเมืองที่มีแต่ตึกรามสีขาวทั่วไปหมดนี่ล่ะค่ะ
🏠 ที่เที่ยว:
➡️ Het land van Thorn (The land of Thorn)
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของเมือง Thorn อย่างละเอียด และยังมี Audio guide เล่าเรื่องราวของอาคารสำคัญต่างๆให้ถือออกมาฟังประกอบการเดินชมเมืองได้อีกด้วย จึงเป็นจุดแรกที่ควรแวะค่ะ
➡️ St Michael’s Church
โบสถ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเมืองนี้ใช้เวลาสร้างถึง 450 ปี และผ่านการซ่อมแซมตกแต่งด้วยสไตล์บาโรกผสมโกธิคจนสวยงามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน โบสถ์นี้มีค่าผ่านประตูด้วยนะคะ
➡️ ตัวเมืองเก่า
เอาจริงๆถ้าไม่ได้สนใจเรื่องประวัติศาสตร์อะไรมากหรือมีเวลาจำกัด แค่เดินเที่ยวชมเมืองแวะถ่ายรูปตามจุดต่างๆแบบหัวโล่งๆก็เพลินแล้วค่ะ ใช้เวลาราวๆ 1-2 ชั่วโมงก็เดินได้ทั่วเลย
🥘 ที่กิน:
เราเลือกแวะชิมอาหารยอดนิยมประจำชาติของชาวดัตช์อย่างแพนเค้กที่ร้าน De Pannekoekenbakker กันค่ะ ร้านนี้มีถึง 15 สาขาทั่วประเทศ ในเมนูมีแพนเค้กหน้าต่างๆให้เลือกเป็นร้อยแบบ แถมสาขาที่เมืองนี้ตัวร้านยังเป็นอาคารอนุรักษ์เก่าแก่สวยๆด้วย นั่งชิลล์ดื่มด่ำบรรยากาศได้ยาวๆเลย
ที่เที่ยวแนะนำ ณ จุดหมายปลายทางยอดนิยม