เคล็ดลับการต่อเครื่องเครื่องที่สนามบินชางงีให้ราบรื่น

ในการเดินทางครั้งแรกด้วยไฟลท์ที่มีการต่อเครื่อง หลายคนคงเป็นกังวลว่าจะดำเนินการถูกต้องหรือไม่ Trip.com ขอแชร์ข้อมูลและทำความรู้จักกับการเปลี่ยนเที่ยวบินในสนามบินชางงี ประเทศสิงคโปร์ สนามบินที่ได้ชื่อว่าเป็นสนามบินหนึ่งที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งขั้นตอนในการเปลี่ยนเครื่องก็ไม่ยาก แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในสนามบินมากมาย รวมถึงยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ พื้นที่พักผ่อน รวมถึงแหล่งช้อปปิ้งที่มีสินค้าให้เลือกมากมายในราคาที่จับต้องได้ แถมยังมีร้านค้าแบรนด์เนมสำหรับสายลักชูรี่ ซึ่งบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนพร้อมเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างไรกังวลและสนุกสนาน

วิธีการเปลี่ยนเที่ยวบินและการเดินทางภายในสนามบินชางงี สิงคโปร์

ด้วยความที่สนามบินนานาชาติชางงี เป็นหนึ่งในสนามบินสำคัญของโลก จึงทำให้มีเที่ยวบินนานาชาติหลากหลายเส้นทางเข้า-ออกทุกวัน หากไฟลท์ของเพื่อนๆ ได้มีการต่อเครื่องที่นี่หรือมีเวลาในการเปลี่ยนเครื่องระหว่างไฟลท์ การเตรียมตัวในการเปลี่ยนเครื่องล่วงหน้าจะทำให้การเดินทางราบรื่นมากขึ้น

ขั้นตอนการเปลี่ยนเที่ยวบิน

เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินแล้ว ให้คอยฟังการประกาศบนเครื่องบินและสังเกตป้ายคำแนะนำที่เขียนว่า “Transfer” หรือ “Connecting Flights” จากนั้นให้ตรวจสอบข้อมูลเที่ยวบินถัดไป โดยตรวจสอบอาคารผู้โดยสารและ Gate ที่ต้องไป บนจอที่แสดงเที่ยวบินที่กระจายอยู่ทั่วสนามบิน

หากถ้าต้องย้ายอาคารผู้โดยสาร สามารถใช้บริการรถไฟฟ้าหรือรถรับส่งฟรีของสนามบินเพื่อตรงไปยัง Gate ซึ่งตรงนี้จะต้องผ่านด่านตรวจรักษาความปลอดภัยอีกครั้ง เมื่อได้เข้ามาแล้วสามารถพักผ่อนรอขึ้นเครื่องในรอบถัดไป โดยทางสนามบินจะมีโซนให้นั่งพัก รวมถึงมีเลาจ์ที่เปิดให้บริการอีกด้วย

ข้อควรรู้ : หากมีการจองตั๋วเครื่องบินในเที่ยวบินเดียวกัน โดยการซื้อตั๋วแบบต่อเนื่องในครั้งเดียว ไม่จำเป็นต้องไปรับสัมภาระ กระเป๋าจะถูกโหลดไปยังประเทศปลายทาง เรามีหน้าที่เดินไปยัง Gate ที่มีไฟลท์ของเราในเที่ยวบินถัดไป

เวลาเปลี่ยนเครื่องโดยประมาณ

- หากอยู่ในอาคารผู้โดยสารเดียวกันใช้เวลาประมาณ 30 นาที (แนะนำเผื่อเวลา 1 ชั่วโมง)

- หากต้องย้ายระหว่างอาคารผู้โดยสารใช้เวลาประมาณ 40–60 นาที (แนะนำเผื่อเวลา 1.5 ชั่วโมง)

- หากเปลี่ยนไปใช้สายการบินอื่นหรือใช้เลขการจองต่างกัน ควรเผื่อเวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงขึ้นไป

การจัดการสัมภาระ

1. เมื่อเพื่อนๆ เดินทางกับ Singapore Airlines หรือสายการบินพันธมิตร กระเป๋าจะถูกโหลดไปยังเที่ยวบินถัดไปทันที โดยที่ไม่ต้องออกไปรับกระเป๋า

2. เมื่อเพื่อนๆ เดินทางกับสายการบินอื่นและได้มีการทำการจองแยกกัน จะต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเพื่อรับสัมภาระ และทำการเช็กอินใหม่ด้วยตัวเองอีกครั้ง

วิธีเดินทางระหว่างอาคารผู้โดยสาร

1. รถไฟฟ้า Skytrain

เป็นบริการฟรีจากสนามบิน โดยเชื่อมต่อระหว่าง Terminal 1 กับ Terminal 3 และ Terminal 1 กับ Terminal 2 ซึ่งใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 5 นาที และให้บริการทุกๆ 1–3 นาที ตั้งแต่ 05.00–02.30 น.

2. รถบัสรับส่ง

เป็นบริการฟรีจากสนามบิน โดยเชื่อมต่อระหว่าง Terminal 4 กับ Terminal อื่นๆ ซึ่งใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 10 นาที และให้บริการทุกๆ 10 นาทีช่วงกลางวัน และทุกๆ 30 นาทีช่วงดึก โดยมีรถบัสให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

3. ทางเชื่อมต่อระหว่างอาคารผู้โดยสาร

Terminal 1 2 และ 3 มีทางเดินเชื่อมถึงกัน สามารถเดินได้สะดวก เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาเหลือระหว่างรอเที่ยวบิน รวมถึงผู้ที่ต้องการช้อปปิ้งหรือแวะชมร้านค้าในสนามบิน

จุดเด่นของแต่ละอาคารผู้โดยสาร

Terminal 1

ไฮไลท์ของอาคารนี้มีประติมากรรมหยดน้ำเคลื่อนไหวสวยงามอย่าง Kinetic Rain อีกทั้งยังมีสวนบัวและสวนกระบองเพชร ซึ่งเป็นมุมพักผ่อนยอดนิยม ที่สำคัญมีร้านค้าปลอดภาษีที่มีสินค้าหลากหลายตั้งแต่ น้ำหอม เครื่องสำอาง แบรนด์เนม ไปจนถึงของฝากด้วยเช่นกัน

Terminal 2

ในอาคารผู้โดยสารนี้ เพิ่งจะมีการแปลงโฉมใหม่ในปี 2023 จะมีโซนดังที่สามารถพักผ่อนและถ่ายรูปเล่นได้ อย่าง Enchanted Garden Orchid Garden และ Sunflower Garden ที่สำคัญยังมีโซนช้อปปิ้งมีเครื่องสำอางจากเอเชียและสินค้าพรีเมียมอย่างเช่น ชา น้ำหอม ขนมท้องถิ่น เป็นต้น

Terminal 3

ในอาคารผู้โดยสารแห่งนี้มีสวนผีเสื้อ ซึ่งเป็นจุดถ่ายภาพและแลนด์มาร์กยอดนิยม แถมยังมี Crystal Garden และร้านค้าแบรนด์เนมหรูมากมาย รวมถึงมีของฝากที่ระลึกจากสิงคโปร์ เช่น เครื่องใช้ไม้ไผ่ ผลิตภัณฑ์ชา อีกด้วย

Terminal 4

เป็นอาคารผู้โดยสารที่เปิดใช้งานล่าสุด มีการใช้ระบบอัตโนมัติตั้งแต่เช็กอินจนถึงขึ้นเครื่อง แถมยังมี Peranakan Gallery แสดงวัฒนธรรมเปอรานากันสีสันสวยสดใสและ Steel in Bloom ประติมากรรมดอกไม้เหล็กขนาดใหญ่ที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว

Terminal 5

อาคารผู้โดยสารนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดใช้งานในปี 2030 ความพิเศษของที่นี่คือสามารถเพิ่มความจุของผู้โดยสารมากกว่า 1.5 เท่า อีกทั้งยังใช้ระบบปฏิบัติการ AI และระบบจัดการสัมภาระแบบไร้คนขับ เพื่อมอบประสบการณ์สุดทันสมัยให้กับผู้ที่เดินทางมาเยือนที่นี่

ทำอะไรดีเมื่อมีเวลาเหลือในสนามบินชางงี สิงคโปร์

มีเวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง

สำหรับใครที่มาต่อเครื่องแล้วเหลือเวลาน้อย แต่ก็ยังอยากสัมผัสประสบการณ์ในสนามบินระดับโลก โดยที่ไม่พลาดเที่ยวบินถัดไป ขอแนะนำให้แช้บริการที่สะดวกและไม่เดินออกไกลจาก Gate มากนัก เช่น ชมสวนผีเสื้อที่ Terminal 3 สวนสวยอลังการพร้อมโซนพักผ่อน หรือจะแวะ คาเฟ่ หรือ เลานจ์ของแต่ละ Terminal เพราะมีอาหาร ของว่างและเครื่องดื่มให้บริการ อีกทั้งยังสามารถช้อปปิ้งปลอดภาษีได้ตั้งแต่สินค้าแบรนด์หรูจนถึงของฝาก

มีเวลา 4–6 ชั่วโมง

เมื่อมีเวลาเพิ่มขึ้น ก็สามารถทำกิจกรรมได้มากมาย ไว้ว่าจะเป็นการเดินชมแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในสนามบินอย่าง Jewel Changi Airport ชมน้ำตก Rain Vortex น้ำตกในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือจะเดินเล่นชมสวนสวยในแต่ละ Terminal เช่น สวนทานตะวัน สวนผีเสื้อ สวนกระบองเพชร รวมถึงสามารถใช้บริการห้องรับรองและห้องอาบน้ำ เพื่อผ่อนคลายก่อนขึ้นเครื่องได้อรกด้วย

มีเวลา 5.5 ชั่วโมงขึ้นไป

หากมีเวลามากพอก็สามารถออกไปเที่ยวในเมืองสิงคโปร์หรือจะเข้าร่วมทัวร์ชมเมืองฟรี ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยทัวร์ชมเมืองฟรีสำหรับผู้โดยสารต่อเครื่อง จัดโดย Singapore Airlines และสนามบินชางงี ซึ่งไม่ต้องจองล่วงหน้า แต่ทัวร์มีจำนวนจำกัด แนะนำให้ลงทะเบียนไวหน่อย ซึ่งคนที่จะไปทัวร์ชมเมืองนั้นต้องมีเวลาต่อเครื่อง 5.5–24 ชั่วโมง โดยจะมีทัวร์ให้เลือกดังนี้

- ทัวร์มรดก จะมีเส้นทางหลักอย่าง ลิตเติ้ลอินเดีย ไชน่าทาวน์ เมอร์ไลออนพาร์ค สามารถลงทะเบียนได้ที่ Terminal 2 ใกล้ทางเข้า Skytrain ประตู F50 เวลาทำการ 07.00 น. –19.00 น.

- ทัวร์แลนด์มาร์กเมือง จะมีเส้นทางหลักอย่าง Marina Bay Sands และ Gardens by the Bay สามารถลงทะเบียนได้ที่ Terminal 3 ห้องรับรองผู้โดยสารเปลี่ยนเครื่อง A (Gate A1–A8) เวลาทำการ 07.00 น. –19.00 น.

- ทัวร์ Jewel จะมีเส้นทางหลักอย่าง Rain Vortex และโซนต่างๆ ใน Jewel Changi Airport สามารถลงทะเบียนได้ที่ Terminal 2 ใกล้ทางเข้า Skytrain ประตู F50 เวลาทำการ 07.00 น. –19.00 น.

สำหรับใครที่ต้องการเที่ยงเองในเมือง ควรตรวจสอบเรื่องการเข้าประเทศ อย่างของประเทศไทยเป็นฟรีวีซ่า สามารถเดินทางท่องเที่ยวในประเทศสิงคโปร์ได้เลย และควรกลับมาที่สนามบินอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนเวลาออกเดินทาง อีกทั้งควรตรวจสอบเรื่องการฝากสัมภาระก่อนออกไปเที่ยว เพื่อให้เดินทางสะดวก

สนามบินให้ประสบการณ์ที่มากกว่าสถานที่ต่อเครื่อง

สนามบินชางงีไม่ได้เป็นเพียงที่เปลี่ยนเครื่องระหว่างการเดินทาง แต่ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นสวนสวยไว้พักผ่อนหย่อนใจ หรือถ่ายรูปทำคอนเทนต์ ร้านค้าของฝาก สินค้าแบรนด์เนม ของอร่อย หรือแม้แต่ทริปท่องเที่ยวสั้นๆ เข้าเมือง หากมีโอกาสแวะที่นี่ อย่าลืมเผื่อเวลาไว้สักนิด เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่สนามบินระดับโลกแห่งนี้ สำหรับใครที่สนใจอย่าลืมจองบริการผ่าน Trip.com ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม เที่ยวบิน หรือกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย