
การเดินทางไปจีนในปี 2568 กลายเป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากขึ้นสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและนักเดินทางต่างชาติ เนื่องจากจีนได้ปรับปรุงนโยบายวีซ่าให้เหมาะกับการท่องเที่ยวระยะสั้น การเยี่ยมญาติ รวมถึงการเดินทางเพื่อธุรกิจแบบระยะสั้นๆ แต่สำหรับผู้ที่ต้องการอยู่ในจีนเป็นเวลานานหรือมีจุดประสงค์เฉพาะ เช่น เรียนต่อ ทำงาน หรือเข้าร่วมโครงการวิจัย จำเป็นต้องยื่นขอวีซ่าตามประเภทที่เหมาะสม การเลือกประเภทวีซ่าให้ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ เพราะไม่เพียงแต่ช่วยให้การเดินทางราบรื่น แต่ยังลดความเสี่ยงที่จะถูกปฏิเสธการเข้าประเทศอีกด้วย Trip.com ขอสรุปประเภทวีซ่าจีนหลักๆ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย เพื่อให้เพื่อนๆ สามารถวางแผนทริปได้อย่างมั่นใจและไม่พลาดโอกาสสำคัญ
นโยบายเดินทางเข้าประเทศจีนแบบไม่ต้องขอวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวไทย

หลายคนอาจสงสัยว่าถ้าอยากไปเที่ยวจีน ต้องทำวีซ่าทุกครั้งหรือเปล่า? จริงๆ แล้ว นักท่องเที่ยวไทยมีเงื่อนไขพิเศษที่ช่วยให้การเดินทางง่ายขึ้น เพราะสามารถเข้าจีนได้ โดยไม่ต้องขอวีซ่า (Visa-Free) ตามข้อตกลงระหว่างไทยและจีน
✅ เงื่อนไขหลักๆ ที่นักท่องเที่ยวไทยควรรู้
- สามารถพำนักได้สูงสุด 15 - 30 วัน ขึ้นอยู่กับนโยบายล่าสุดที่ทั้งสองประเทศตกลงกัน
- เหมาะสำหรับการเดินทางเพื่อท่องเที่ยว เยี่ยมญาติ หรือทำธุรกิจระยะสั้น
- หากมีแผนจะอยู่เกินเวลาที่กำหนด แม้เพียง 1 วัน ก็จำเป็นต้องทำวีซ่า
- กรณีที่ต้องเดินทางไปเรียน ทำงาน หรือเข้าร่วมกิจกรรมระยะยาว จะต้องยื่นขอวีซ่าอย่างเป็นทางการ
📌 ข้อดีของการเดินทางแบบไม่ต้องขอวีซ่า
- ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ไม่ต้องยื่นเอกสารจำนวนมาก
- เหมาะสำหรับทริปสั้นๆ เช่น ไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กวางโจว หรือไปช้อปปิ้ง ทำธุรกิจ
- ยืดหยุ่น สามารถวางแผนเดินทางแบบกะทันหันได้ง่าย
รวบรวมประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยว
ภูมิภาค (Region) | ประเทศ / เขตปกครอง (Countries & Regions) | ระยะเวลาพำนักที่อนุญาต (Visa-Free Stay Duration) |
เอเชีย (Asia) | สิงคโปร์, มาเลเซีย, ไทย, เกาหลีใต้, บรูไน, ญี่ปุ่น, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE), กาตาร์, มัลดีฟส์, คาซัคสถาน, อาร์เมเนีย, จอร์เจีย | ไม่เกิน 15 - 30 วัน |
ยุโรป (Europe) | ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, สเปน, เนเธอร์แลนด์, สวิตเซอร์แลนด์, ไอร์แลนด์, นอร์เวย์, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, สวีเดน, เบลเยียม, ลักเซมเบิร์ก, ออสเตรีย, กรีซ, ฮังการี, เช็ก (Czechia), สโลวาเกีย, โปแลนด์, โปรตุเกส, มอลตา, เอสโตเนีย, ลัตเวีย, โครเอเชีย, โรมาเนีย, บัลแกเรีย, นอร์ทมาซิโดเนีย, มอนเตเนโกร, เซอร์เบีย, แอลเบเนีย, เบลารุส, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, ซานมารีโน, โมนาโก, ลิกเตนสไตน์, ไอซ์แลนด์ | ไม่เกิน 15 - 30 วัน |
โอเชียเนีย (Oceania) | ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ฟิจิ, ตองกา, หมู่เกาะโซโลมอน | ไม่เกิน 30 วัน |
อเมริกา (Americas) | บาฮามาส, บาร์เบโดส, โดมินิกา, เอกวาดอร์, เกรเนดา, ซูรินาเม, แอนติกาและบาร์บูดา | ไม่เกิน 30 วัน |
แอฟริกา (Africa) | เซเชลส์, มอริเชียส | ไม่เกิน 30 วัน |
หากต้องพำนักในจีนเกิน 30 วัน นักท่องเที่ยวไทยต้องทำอย่างไร?

แม้ไทยกับจีนจะมีข้อตกลงให้คนไทยสามารถเข้าจีนได้แบบไม่ต้องขอวีซ่า (Visa-Free) ในระยะสั้น แต่ถ้าคุณวางแผนจะอยู่เกิน 30 วัน เช่น เรียนต่อ ทำงาน หรือต้องทำธุรกิจยาวๆ จะไม่สามารถใช้สิทธิ์ยกเว้นวีซ่าได้ จำเป็นต้องยื่นขอวีซ่าจีน (China Visa) ตามวัตถุประสงค์ของการเดินทาง
📌 ประเภทของวีซ่าที่คนไทยมักใช้บ่อย
ประเภทวีซ่า (Visa Type) | สำหรับใคร (Eligible Travellers) | จุดประสงค์การเดินทาง (Purpose) | ระยะเวลาพำนัก (Duration of Stay) |
วีซ่าท่องเที่ยว (L Visa) | นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติทั่วไป | ท่องเที่ยว, เยี่ยมชมสถานที่สำคัญ, เยี่ยมญาติหรือเพื่อน | ส่วนใหญ่ 30 วัน (ขอเพิ่มได้ในบางกรณี) |
วีซ่าธุรกิจ (M Visa) | นักธุรกิจ นักลงทุน ชาวไทยและต่างชาติ | ทำธุรกิจ, เจรจา, เข้าร่วมงานแสดงสินค้า | ส่วนใหญ่ 30–60 วัน ต่อครั้ง |
วีซ่าเยี่ยมญาติ/ส่วนตัว (Q & S Visa) | ผู้ที่มีญาติพำนักหรือทำงานในจีน | เยี่ยมญาติ, เยี่ยมเพื่อน, กิจการส่วนตัว | 30–180 วัน (ขึ้นอยู่กับประเภท Q1/Q2 หรือ S1/S2) |
วีซ่านักเรียน (X Visa) | นักเรียนไทยและต่างชาติที่เข้าศึกษาในจีน | ศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาที่ได้รับการรับรอง | X1: เกิน 180 วัน, X2: ไม่เกิน 180 วัน |
วีซ่าทำงาน (Z Visa) | ชาวไทยและต่างชาติที่ได้งานในจีน | ทำงานในบริษัท องค์กร หรือสถาบันจีน | ระยะยาว ตามสัญญาจ้าง |
วีซ่าการทูต/ราชการ (Diplomatic/Service Visa) | เจ้าหน้าที่รัฐ นักการทูต ผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ | ภารกิจการทูตหรือราชการ | ตามภารกิจและข้อตกลง |
วีซ่าผ่านแดน (Transit Visa – G Visa) | นักเดินทางต่อเครื่อง | เดินทางผ่านจีนเพื่อไปยังประเทศที่สาม | พำนักสั้น ๆ ไม่เกิน 7 วัน |
วีซ่าลูกเรือ (Crew Visa – C Visa) | ลูกเรือสายการบิน, เรือ, หรือพนักงานขนส่งระหว่างประเทศ | ปฏิบัติหน้าที่การบินหรือเดินเรือ | ตามตารางปฏิบัติการ |
- เที่ยวเดียว
- ไป-กลับ
- direct cheapest
BKK18:504 ชม. 40 น.บินตรงPVG00:30กรุงเทพ - เซี่ยงไฮ้|พ. 10 ธ.ค.|สปริงแอร์ไลน์TRY 3,895TRY 4,980ลด 22%ลด 22%TRY 4,980TRY 3,895
BKK18:504 ชม. 40 น.บินตรงPVG00:30กรุงเทพ - เซี่ยงไฮ้|พ. 7 ม.ค.|สปริงแอร์ไลน์TRY 4,034TRY 4,980ลด 19%ลด 19%TRY 4,980TRY 4,034
BKK18:504 ชม. 40 น.บินตรงPVG00:30กรุงเทพ - เซี่ยงไฮ้|ส. 10 ม.ค.|สปริงแอร์ไลน์TRY 4,034TRY 4,980ลด 19%ลด 19%TRY 4,980TRY 4,034
BKK1:00 PM3 ชม. 5 น.บินตรงSHA2:00 PMกรุงเทพ - เซี่ยงไฮ้|Sun, Dec 14|สปริงแอร์ไลน์ค้นหาเที่ยวบินเพิ่มเติมค้นหาเที่ยวบินเพิ่มเติม
ราคาที่แสดงคำนวณจากราคาตั๋วในเส้นทางเดียวกันโดยเฉลี่ยรายสัปดาห์บน Trip.com
เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการขอวีซ่าจีน

การขอวีซ่าจีนไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด หากเตรียมเอกสารครบตั้งแต่แรก จะช่วยให้กระบวนการราบรื่นขึ้นมาก สำหรับนักท่องเที่ยวไทยที่วางแผนจะไปเรียน ทำงาน หรืออยู่ในจีนเกิน 30 วัน จำเป็นต้องเตรียมเอกสารตามประเภทวีซ่าที่เลือกไว้โดยเอกสารหลักๆ มีดังนี้
✅ เอกสารพื้นฐานที่ทุกประเภทวีซ่าต้องใช้
- หนังสือเดินทาง (Passport)
- ต้องมีอายุเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
- มีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้าเพื่อประทับตรา
- แบบฟอร์มสมัครวีซ่า (Visa Application Form - COVA)
- กรอกออนไลน์และพิมพ์ออกมาเซ็นชื่อด้วยลายมือตัวเอง
- รูปถ่ายพื้นหลังสีขาว
- ขนาดตามที่สถานทูตกำหนด (ส่วนใหญ่ 33 x 48 มม.)
- ห้ามใส่หมวก แว่นตาดำ หรือแต่งภาพ
- ใบยืนยันการนัดหมาย
- เมื่อนัดหมายออนไลน์แล้ว ต้องพิมพ์ใบยืนยันเพื่อยื่นที่ศูนย์รับคำร้อง
📌 เอกสารเพิ่มเติมตามประเภทวีซ่า
ประเภทวีซ่า | เอกสารที่ต้องใช้เพิ่มเติม |
L (Tourist Visa) | หลักฐานการจองโรงแรม, ตั๋วเครื่องบินไป–กลับ, แผนการเดินทาง |
M (Business Visa) | จดหมายเชิญจากบริษัทในจีน (Invitation Letter), ใบรับรองการจดทะเบียนบริษัทผู้เชิญ |
Z (Work Visa) | ใบอนุญาตทำงาน (Work Permit), สัญญาจ้างงาน |
X (Student Visa) | หนังสือตอบรับจากมหาวิทยาลัยในจีน, แบบฟอร์ม JW201/JW202 |
Q / S (Family Visit Visa) | เอกสารแสดงความสัมพันธ์ เช่น สูติบัตร ทะเบียนสมรส, บัตรประชาชน/พาสปอร์ตของผู้ที่อยู่จีน |
R (Talent Visa) | หนังสือรับรองความสามารถพิเศษหรือเอกสารรับรองจากหน่วยงานจีน |
G (Transit Visa) | ตั๋วเดินทางต่อไปประเทศที่สาม |
D (Permanent Residence) | เอกสารอนุมัติการพำนักถาวรจากทางการจีน |
ขั้นตอนดำเนินการขอวีซ่าจีน

การขอวีซ่าจีนสำหรับนักท่องเที่ยวไทยไม่ซับซ้อน หากเข้าใจลำดับขั้นตอนชัดเจน และเตรียมเอกสารให้ครบทุกอย่างตั้งแต่แรก กระบวนการจะรวดเร็วขึ้นมาก โดยทั่วไปขั้นตอนหลัก ๆ มีดังนี้
✅ ขั้นตอนการยื่นวีซ่าจีน
1. กรอกแบบฟอร์มออนไลน์ (COVA Application Form)
- เข้าไปกรอกข้อมูลส่วนตัว วัตถุประสงค์การเดินทาง และรายละเอียดที่อยู่/ติดต่อในจีน ผ่านระบบออนไลน์
- เมื่อกรอกเสร็จแล้ว ให้พิมพ์ใบสมัครออกมาและเซ็นชื่อด้วยลายมือตัวเอง
2. นัดหมายวันยื่นเอกสาร (Appointment)
- หลังจากกรอกฟอร์มออนไลน์ ต้องทำการนัดหมายล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ของ ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าจีน (CVASC)
- พิมพ์ใบยืนยันการนัดหมายไปแสดงในวันที่ยื่น
3. ยื่นเอกสารที่ศูนย์รับคำร้อง (CVASC Thailand)
- นำหนังสือเดินทาง, แบบฟอร์ม, รูปถ่าย และเอกสารเพิ่มเติมตามประเภทวีซ่า ไปยื่นที่ศูนย์
- เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความถูกต้อง และอาจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
4. ชำระค่าธรรมเนียม
- ราคาจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทวีซ่าและบริการที่เลือก (ปกติ, ด่วน, เร่งด่วน)
- ควรเตรียมเงินสดหรือบัตรเครดิตตามที่ศูนย์กำหนด

5. รอรับเล่มพาสปอร์ตพร้อมวีซ่า
- เวลาดำเนินการโดยทั่วไป 4 - 5 วันทำการ
- หากใช้บริการด่วน (Express) จะใช้เวลาประมาณ 2 - 3 วันทำการ
- หากเลือกเร่งด่วน (Urgent) สามารถรับได้ภายใน 1 วันทำการ
เคล็ดลับน่ารู้ก่อนเดินทางเข้าไปจีน

แม้การเดินทางไปจีนจะสะดวกขึ้นมาก ทั้งจากการยกเว้นวีซ่าสำหรับทริปสั้นๆ และการขอวีซ่าที่ทำได้ไม่ยาก แต่สำหรับนักท่องเที่ยวไทยมือใหม่หลายคนอาจยังไม่คุ้นกับสภาพแวดล้อม วัฒนธรรม และระบบดิจิทัลของจีน หากรู้เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ล่วงหน้า จะช่วยให้การเดินทางราบรื่นและสนุกมากขึ้น
✅ เคล็ดลับสำคัญที่ควรรู้
1. เตรียมการชำระเงินให้พร้อม
- ในจีนระบบการจ่ายเงินแบบดิจิทัล (Mobile Payment) อย่าง Alipay และ WeChat Pay ได้รับความนิยมสูงสุด
- นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถสมัครใช้งานได้แล้ว แต่ควรพกเงินสดสำรองบ้าง เพราะร้านค้าท้องถิ่นบางแห่งหรือพื้นที่ชนบทอาจยังไม่รองรับ
2. VPN คือเพื่อนคู่ใจ
- แอปพลิเคชันอย่าง Google, Facebook, Instagram, WhatsApp และ YouTube ใช้ไม่ได้ในจีน
- ควรเตรียม VPN ที่เชื่อถือได้ ล่วงหน้า เพื่อให้ติดต่อกับครอบครัวหรือทำงานออนไลน์ได้ตามปกติ
3. อินเทอร์เน็ตต้องพร้อมตั้งแต่วันแรก
- ควรซื้อ eSIM หรือ SIM Card จีน ล่วงหน้า เพื่อใช้งานทันทีที่ถึงสนามบิน
- การใช้ eSIM จะสะดวกกว่า เพราะไม่ต้องเปลี่ยนซิมจริง
4. ระบบขนส่งสาธารณะของจีนมีประสิทธิภาพมาก
- การเดินทางระหว่างเมือง แนะนำให้ใช้รถไฟความเร็วสูง (High-Speed Rail) เพราะรวดเร็ว ปลอดภัย และทันเวลา
- ควรจองตั๋วล่วงหน้า โดยเฉพาะช่วงเทศกาล เช่น วันชาติ, ตรุษจีน
- ในเมืองใหญ่ การเรียกรถแท็กซี่หรือรถส่วนตัวควรใช้แอป DiDi ซึ่งคล้ายกับ Grab ในไทย
5. ภาษาเป็นอีกหนึ่งอุปสรรค
- คนจีนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะนอกเมืองใหญ่ มักไม่ถนัดภาษาอังกฤษ
- ควรโหลดแอปแปลภาษา เช่น Google Translate (ดาวน์โหลดภาษาจีนไว้ใช้งานออฟไลน์)
- การเรียนรู้คำง่ายๆ อย่างสวัสดีและขอบคุณ จะช่วยให้การสื่อสารเป็นมิตรขึ้น
เตรียมตัวให้พร้อมแล้วออกเดินทางไปจีน
การเดินทางไปประเทศจีนในยุคปัจจุบันไม่ซับซ้อนเหมือนในอดีตอีกต่อไป โดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ได้รับสิทธิ์ ยกเว้นวีซ่าเข้าจีนสูงสุด 30 วัน ทำให้การวางแผนทริปสั้นๆ อย่างไรก็ตาม หากมีความตั้งใจที่จะอยู่เกินระยะเวลาที่กำหนด หรือมีวัตถุประสงค์เฉพาะ เช่น ศึกษาต่อ ทำงาน หรือทำธุรกิจ ควรตรวจสอบประเภทวีซ่าที่เหมาะสมและเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน
สิ่งสำคัญคือควรติดตามนโยบายล่าสุดจากสถานทูตจีนประจำประเทศไทยหรือศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าจีน (CVASC) เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดและปัญหาระหว่างการเดินทาง เมื่อเลือกประเภทวีซ่าได้ถูกต้องและวางแผนอย่างรอบคอบ การเดินทางไปจีนก็จะเต็มไปด้วยความราบรื่นและประสบการณ์ที่น่าประทับใจ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวีซ่าจีน
วีซ่าจีน เร็วสุด กี่วัน
วีซ่าจีนด่วน แบบ 3 วันทำการไปจีน ฟรีวีซ่ากี่วัน 2568
จีนประกาศยกเว้นวีซ่า 10 วัน! ตั้งแต่ 12 มิ.ย. 2568 เป็นต้นไป ผู้เดินทางจาก 55 ประเทศ รวมถึง อินโดนีเซีย, รัสเซีย, อังกฤษ สามารถ เข้าจีนได้สูงสุด 240 ชั่วโมง (10 วัน) เพื่อ ท่องเที่ยวหรือทำธุรกิจ แบบไม่ต้องขอวีซ่า!ต่อ วีซ่า ท่องเที่ยว 30 วัน ใช้ เอกสาร อะไร บ้าง
1. แบบคำขอ ตม.7, 2. รูปถ่าย 4x6 ซม. (ไม่เกิน 6 เดือน), 3. หนังสือเดินทาง (Passport) ที่มีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือน, 4. สำเนาหนังสือเดินทาง วีซ่า และตราประทับขาเข้าครั้งสุดท้าย, 5. เอกสารแสดงว่ามีเงินเพียงพอสำหรับการท่องเที่ยว เช่น บัตรโดยสารเครื่องบินไป-กลับ หรือเอกสารจองที่พัก


