แจกพิกัดไหว้พระ 10 วัดในกรุงเทพ ไหว้พระ น่าไป ทำบุญ อย่าพลาดโอกาศนี้

กรุงเทพฯ ไม่เพียงเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย แต่ยังเป็นขุมทรัพย์ทางความเชื่อ ความศรัทธาที่ผสมผสานประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมไว้อย่างกลมกลืน วัดในกรุงเทพฯ หลายแห่งไม่ได้มีแค่พระพุทธรูปให้กราบไหว้ หรือพระอุโบสถให้ถ่ายรูป แต่ยังซ่อนเรื่องเล่า ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ และบางเรื่องเพื่อนๆ อาจไม่เคยได้ยินมาก่อน Trip.com จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จัก 10 วัดเก่าแก่ที่ไม่ได้เป็นเพียงจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวหรือสายบุญ แต่คือสถานที่ที่เต็มไปด้วยตำนาน ความเชื่อ และเรื่องราวสุดอเมซิ่งไว้มากมาย

1. วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (ภูเขาทอง)

วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อวัดภูเขาทอง เป็นหนึ่งในวัดเก่าแก่ของกรุงเทพมหานครที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยเจดีย์สีทองขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขาจำลองที่สามารถมองเห็นได้แต่ไกล จึงกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของฝั่งพระนคร และได้รับความนิยมทั้งจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ

วัดแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา และได้รับการบูรณะและเปลี่ยนชื่อใหม่หลายครั้งจนมาเป็นวัดสระเกศราชวรมหาวิหารในรัชกาลที่ 1 โดยคำว่าสระเกศมาจากพระราชพิธีสระผมที่พระมหากษัตริย์กระทำก่อนเข้าพิธีบวช ซึ่งทำให้วัดนี้มีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์และศาสนาอย่างยิ่ง

จุดเด่นที่สุดของวัดคือเจดีย์ภูเขาทอง ซึ่งสูงประมาณ 80 เมตร ตั้งอยู่บนฐานทรงภูเขาจำลอง ผู้ที่ต้องการขึ้นไปชมวิวกรุงเทพจากยอดภูเขาทอง จะต้องเดินขึ้นบันไดเวียนกว่า 300 ขั้น แต่สิ่งที่รออยู่ด้านบนคือทัศนียภาพที่สวยงาม และบรรยากาศที่สงบ ทำให้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ควรค่าแก่การเยือน

ภายในวัดยังมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุไว้บนยอดเจดีย์ และมีพระอุโบสถที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญหลายองค์ รวมถึงภาพจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวพุทธศาสนาอย่างประณีต ในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี วัดจะจัดงานประจำปีนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งมีขบวนแห่ผ้าแดงรอบเจดีย์ เป็นประเพณีที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด

2. วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร

วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ถือเป็นหนึ่งในวัดสำคัญระดับราชวรมหาวิหาร ที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ใกล้เสาชิงช้าและศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ด้วยความเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และเป็นวัดที่มีบทบาทสำคัญในด้านพระพุทธศาสนา วัดแห่งนี้จึงได้รับการยกย่องทั้งในเชิงศิลปกรรม สถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์

พระวิหารหลวงของวัดเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ภายในประดิษฐานพระศรีศากยมุนี พระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่ที่หล่อขึ้นในสมัยสุโขทัย เดิมประดิษฐานที่วัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย ก่อนจะอัญเชิญมาประดิษฐานที่นี่ในรัชกาลที่ 1 นอกจากนี้ ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่แสดงถึงเรื่องราวของพุทธประวัติ ตลอดจนจักรวาลตามคติไตรภูมิ ที่ยังคงสมบูรณ์งดงาม

จุดเด่นอีกอย่างของวัดสุทัศน์คือระเบียงคดที่ล้อมรอบวิหารหลวง ประดับด้วยพระพุทธรูปปางต่าง ๆ เรียงรายตามแนวระเบียง ซึ่งนักท่องเที่ยวมักเดินวนเพื่อสักการะพระทั้ง 28 องค์ พร้อมทั้งขอพรเสริมสิริมงคล

วัดแห่งนี้ยังเป็นศูนย์กลางการประกอบพิธีกรรมสำคัญของกรุงเทพมหานคร และเป็นที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราชหลายพระองค์ จึงถือเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล เช่น วันมาฆบูชา หรือวันวิสาขบูชา จะมีประชาชนมาร่วมเวียนเทียนและสวดมนต์กันอย่างเนืองแน่น

3. วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร

วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ในย่านบางลำพู กรุงเทพมหานคร เป็นวัดสำคัญที่มีทั้งความงดงามทางศิลปกรรม และคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ วัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีบทบาทสำคัญทางการทหารและการเมือง ทั้งยังเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์การกอบกู้เอกราชและการขยายอำนาจในอดีต

วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย เดิมชื่อว่าวัดตองปุ ก่อนจะได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 1 และเปลี่ยนชื่อเป็นวัดชนะสงคราม เพื่อเฉลิมพระเกียรติในการชนะศึกสงครามกับพม่า นอกจากนี้ ยังเป็นที่พำนักของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท พระอนุชาในรัชกาลที่ 1 ซึ่งถือเป็นแม่ทัพคนสำคัญในยุคนั้น

สิ่งที่โดดเด่นภายในวัดคือพระอุโบสถ ที่ประดิษฐานพระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฏฐ์ พระพุทธรูปศิลปะรัตนโกสินทร์อันงดงาม ภายในมีจิตรกรรมฝาผนัง depicting เรื่องราวพระเวสสันดรชาดกอย่างละเอียดและมีเอกลักษณ์ อีกทั้งยังมีเจดีย์ทรงระฆังที่เรียบง่ายแต่สง่างาม และหอระฆัง ที่ประดับลวดลายปูนปั้นวิจิตรประณีต

วัดชนะสงครามยังเป็นวัดฝ่ายอรัญวาสี ซึ่งส่งเสริมการปฏิบัติธรรมและการบวชเรียน ทำให้บรรยากาศในวัดสงบเงียบ มีพระสงฆ์จำนวนมากจำพรรษาอยู่ อีกทั้งยังเป็นวัดที่ชาวไทยนิยมมาสักการะเพื่อเสริมสิริมงคลเรื่องชนะอุปสรรคและเอาชนะศัตรูทั้งปวง

4. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่าวัดพระแก้ว คือหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญสูงสุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร เป็นศูนย์รวมศรัทธาทางพระพุทธศาสนา และเป็นสถานที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต พระพุทธรูปที่เปี่ยมด้วยความเคารพนับถือของชาวไทยและชาวพุทธทั่วโลก

พระแก้วมรกตเป็นพระพุทธรูปศิลปะล้านช้างสลักจากหยกสีเขียวเข้ม ที่ค้นพบในเมืองเชียงรายในปี พ.ศ. 1977 และต่อมาได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่กรุงเทพฯ ในสมัยรัชกาลที่ 1 โดยวัดพระแก้วได้รับการก่อสร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ในปี พ.ศ. 2325 เพื่อเป็นวัดหลวงประจำพระราชวังและใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในราชสำนัก

นอกจากพระแก้วมรกต ภายในวัดยังมีศิลปกรรมที่น่าตื่นตา ไม่ว่าจะเป็นปราสาทพระเทพบิดร, พระมณฑป, หอพระคันธารราษฎร์ และเจดีย์ทองอันสวยสง่า อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งเขียนเรียงต่อเนื่องรอบกำแพงวัด รวมความยาวกว่า 2 กิโลเมตร เป็นงานศิลป์ที่แสดงถึงความรุ่งเรืองของยุครัตนโกสินทร์ยุคต้นได้อย่างน่าประทับใจ

วัดพระแก้วแตกต่างจากวัดอื่นตรงที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา เพราะเป็นวัดในพระบรมมหาราชวัง แต่ในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น วันวิสาขบูชา หรือวันเฉลิมพระชนมพรรษา จะมีการจัดพิธีที่มีทั้งพระราชวงศ์ ข้าราชการ และประชาชนเข้าร่วมอย่างคึกคัก

5. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือที่นิยมเรียกกันว่าวัดโพธิ์ คือวัดคู่บ้านคู่เมืองของกรุงเทพฯ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวัง ถือเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 และได้รับการยกย่องให้เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกพิเศษ มีความสำคัญทั้งด้านศิลปะ ศาสนา และการศึกษา

วัดโพธิ์เป็นแหล่งเรียนรู้ทางพุทธศิลป์ที่ยิ่งใหญ่ ด้วยการประดับตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนัง รูปปั้น และงานแกะสลักที่สะท้อนความรู้ด้านธรรมะและวิถีชีวิตคนไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ที่โดดเด่นที่สุดคือพระพุทธไสยาสน์หรือพระนอนองค์ใหญ่ มีความยาวถึง 46 เมตร และสูงกว่า 15 เมตร ประดับด้วยเปลือกมุกลวดลายละเอียดที่ฝ่าพระบาททั้งสองข้าง ซึ่งเป็นศิลปกรรมชิ้นเอกที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้วัดโพธิ์ไม่เหมือนวัดอื่นคือการเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย โดยในสมัยรัชกาลที่ 3 ทรงโปรดให้บันทึกความรู้ด้านสมุนไพร โหราศาสตร์ และศาสตร์ไทยโบราณต่างๆ ไว้บนแผ่นหินกระจายอยู่รอบวัด ซึ่งปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจำแห่งโลกจากยูเนสโก้

นอกจากนี้วัดโพธิ์ยังเป็นแหล่งเรียนรู้และฝึกนวดแผนไทยที่มีชื่อเสียงระดับสากล มีโรงเรียนสอนนวดวัดโพธิ์ที่เปิดสอนทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ และให้บริการนวดแผนไทยต้นตำรับแก่ผู้มาเยือน โดยได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและผู้ที่สนใจการแพทย์แผนไทย

6. วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นวัดประจำรัชกาล และถือเป็นหนึ่งในวัดที่มีความงดงามและศิลปกรรมสถาปัตยกรรมไทยยุคล้ำยุคยุคต้นรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ในเขตพระนคร ใกล้เสาชิงช้าและเขตวัดสุทัศน์

วัดนี้ได้รับการออกแบบให้สะท้อนถึงอิทธิพลศิลปะแบบยุโรปผสมกับสถาปัตยกรรมไทย โดยมีจุดเด่นสำคัญคือพระอุโบสถที่มีกำแพงลายปูนปั้นตลอดแนวและเจดีย์ประจำรัชกาล ทั้งเจดีย์ทรงลังกาและเจดีย์ทรงมอญที่ตั้งตระหง่าน รวมถึงพระพุทธรูปหลายองค์ที่ประดิษฐานอยู่ภายในภายในกุฏิวิหาร เป็นศิลปกรรมที่บ่งบอกถึงยุคสมัยที่ทันสมัยของไทยในยุครัชกาลที่ 5

บริเวณวัดจัดวางสถาปัตยกรรมอย่างมีระเบียบ และลานกว้างที่จัดเป็นสนามพิธีสำหรับพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ทำให้วัดราชบพิธกลายเป็นศูนย์กลางของงานพระราชพิธีในอดีตและปัจจุบัน นอกจากนี้ ภายในอาคารและวิหารยังมีภาพประดับและเครื่องเคียงศิลป์ เช่น กระจกชั้นนำ, เครื่องโลหะสลัก และไม้แกะสลักที่ประณีต

วัดราชบพิธยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพื่อศึกษาความรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมไทยยุคล้ำ และได้รับการดูแลรักษาอย่างดีโดยกรมศิลปากร ปัจจุบันวัดนี้ใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธี และพิธีสักการะในงานสำคัญของชาติ ทำให้ยังคงสถานะทางศาสนาและวัฒนธรรมอย่างเต็มเปี่ยม

7. วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้สะพานพระพุทธยอดฟ้า เป็นวัดที่มีความสำคัญในพระพุทธศาสนา และมีบทบาทเด่นด้านการเผยแผ่ธรรมของคณะธรรมยุติกนิกาย ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ได้ตรัสสถาปนาวัดนี้ขึ้นมา จุดประสงค์เพื่อส่งเสริมพระธรรมวินัยให้บริสุทธิ์ยิ่งในคณะสงฆ์ โดยชื่อวัดกัลยาณมิตร สื่อถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าและกรมหมื่นฯ ผู้ทรงงานเผยแผ่ธรรมะ

ภายในวัดโดดเด่นด้วยหอระฆังและพระอุโบสถ ที่ตกแต่งด้วยศิลปะไทยแบบร่วมสมัย ผสมลวดลายยุโรปในบางส่วน มีภาพจิตรกรรมฝาผนังและลวดลายปูนปั้นตามศิลปะแบบรัตนโกสินทร์ตอนต้น ภายในประดิษฐานพระพุทธชินสีห์ทรงเครื่อง ซึ่งมักมีประชาชนเข้ามากราบไหว้ขอพรในด้านความสันติสุข

วัดนี้ยังมีบทบาทเป็นศูนย์กลางในการอบรมพระภิกษุและเผยแผ่พุทธศาสนาในหัวเมือง เมื่อเข้ามาเยือนจึงสามารถรับฟังธรรมะหรือร่วมเวียนเทียนในงานสำคัญทางศาสนา ช่วงวันสำคัญอย่างวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา มีพิธีกรรมทางศาสนาที่ผู้คนจำนวนมากมาร่วม

บริเวณรอบวัดมีสวนหย่อมริมแม่น้ำที่จัดให้เป็นพื้นที่สงบเงียบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองใหญ่ รวมถึงมีจุดชมวิวแม่น้ำ เห็นวิวสะพานพระพุทธยอดฟ้าและเรือไฟยามค่ำคืน

8. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (วัดอรุณฯ)

วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในชื่อวัดอรุณ เป็นหนึ่งในวัดที่สำคัญและสวยงามที่สุดของกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี จุดเด่นที่ทำให้วัดแห่งนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก คือพระปรางค์วัดอรุณหรือเจดีย์สูงสง่าที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบและชิ้นเปลือกหอย หลากสีสัน ซึ่งเมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบในยามเช้าหรือเย็น จะสะท้อนประกายระยิบระยับ สร้างภาพที่งดงามจับใจ

วัดอรุณมีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมเรียกว่าวัดมะกอก ก่อนที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจะทรงตั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานี และโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะวัดแห่งนี้ขึ้นเป็นวัดหลวง ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 2 ถึงรัชกาลที่ 4 จึงมีการก่อสร้างพระปรางค์ให้สูงเด่นและสวยงามดังที่เห็นในปัจจุบัน

พระปรางค์วัดอรุณมีความสูงประมาณ 70 เมตร ล้อมรอบด้วยปรางค์บริวารสี่องค์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเขาพระสุเมรุและจักรวาลตามคติทางพระพุทธศาสนา นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดชันเพื่อชมทัศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยา และฝั่งพระนครซึ่งมีทั้งพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วอยู่ตรงข้ามได้ชัดเจน

ภายในวัดยังมีพระอุโบสถที่ประดิษฐานพระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก พระพุทธรูปประจำวัดซึ่งรัชกาลที่ 2 ทรงพระราชนิพนธ์บทสวดมนต์เฉพาะไว้ และล้อมรอบด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เล่าเรื่องพุทธประวัติอย่างละเอียดงดงาม

ไม่เพียงแค่ด้านศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม วัดอรุณยังเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทางศาสนาในวันสำคัญ เช่น วันวิสาขบูชา มาฆบูชา และมีพิธีหลวงอย่างขบวนพยุหยาตราชลมารค ที่น้อมนำผ้าพระกฐินพระราชทานมาถวายวัดผ่านทางเรือหลวงอย่างวิจิตรอลังการ

9. วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร

วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าวัดระฆัง เป็นหนึ่งในวัดโบราณและสำคัญยิ่งของกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตบางกอกน้อย วัดนี้มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย ก่อนจะได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 1 ซึ่งท่านทรงโปรดให้บูรณะและยกย่องให้เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก

ชื่อวัดระฆัง มาจากระฆังที่ถูกสร้างขึ้นในวัดนี้ซึ่งมีชื่อเสียงมาก และยังเป็นศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาและพระไตรปิฎกในอดีต วัดระฆังจึงถือเป็นแหล่งรวมพระภิกษุสำคัญและเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธในกรุงเทพฯ มานาน

ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมที่งดงาม สะท้อนความเป็นไทยแท้ด้วยวิหารและอุโบสถที่ได้รับการตกแต่งอย่างประณีต มีพระพุทธรูปเก่าแก่หลายองค์ รวมทั้งพระประธาน ที่ประดิษฐานอย่างสง่างาม นอกจากนี้ วัดระฆังยังมีพระบรมสารีริกธาตุและโบราณวัตถุมากมายที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือ

นอกจากความศักดิ์สิทธิ์แล้ว วัดระฆังยังเป็นแหล่งเรียนรู้ศิลปะและวัฒนธรรมที่สะท้อนความเจริญรุ่งเรืองของกรุงรัตนโกสินทร์ ผ่านลวดลายปูนปั้น จิตรกรรมฝาผนัง และงานไม้แกะสลักที่ประณีตงดงาม

วัดระฆังจึงเป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวและผู้ที่ต้องการกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งจัดกิจกรรมทางศาสนาต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น งานทอดกฐินและงานทำบุญประจำปี

10. วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร

วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร เป็นหนึ่งในวัดที่มีความสำคัญทางพระพุทธศาสนาและประวัติศาสตร์ของกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ในเขตพระนคร ใกล้กับถนนข้าวสารและถนนพระสุเมรุ วัดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก และเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 5 และต่อมาเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 9 ซึ่งมีบทบาทสำคัญทั้งด้านศาสนาและการศึกษา

วัดบวรนิเวศฯ มีสถาปัตยกรรมที่งดงาม ผสมผสานระหว่างศิลปะไทยแบบดั้งเดิมกับสไตล์ยุโรปในบางส่วน โดยมีพระอุโบสถเป็นศูนย์กลางที่ประดิษฐานพระประธาน พระพุทธชินสีห์ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำคัญแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ภายในยังมีพระวิหารและพระเจดีย์ที่ได้รับการตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้น และภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เล่าเรื่องราวทางพระพุทธศาสนาอย่างละเอียด

วัดนี้ยังเป็นที่ตั้งของธรรมศาลา ซึ่งใช้เป็นสถานที่อบรมพระภิกษุสามเณร และมีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีพิธีกรรมทางศาสนาและงานประเพณีสำคัญที่จัดขึ้นตลอดปี เช่น งานฉลองสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ และงานเทศกาลต่างๆ ที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก

การเยี่ยมชมวัดในกรุงเทพฯ อาจเริ่มต้นด้วยแรงศรัทธาและความเชื่อ แต่หากเพื่อนๆ ได้เปิดใจรับฟังเรื่องราวของวัดต่างๆ ทุกคนจะพบว่าวัดแต่ละแห่งคือบันทึกประวัติศาสตร์ที่มีชีวิต มีรายละเอียดที่ไม่ปรากฏในหนังสือเรียน และมีดีเทลบางอย่างที่ต้องสัมผัสด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นนักเดินทาง นักถ่ายภาพ หรือผู้เสาะหาความสงบใจ วัดเหล่านี้มีบางสิ่งที่พร้อมจะพูดกับทุกคนเสมอ