
หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ต้องต่อเครื่องบ่อยๆ หรือกำลังวางแผนเดินทางระหว่างประเทศแบบที่ต้องต่อเครื่องหลายต่อ นโยบาย Check Through เป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ เพราะจะช่วยให้การเดินทางของคุณสะดวกและราบรื่นกว่าที่เคย เพื่อให้เตรียมตัวได้ดีขึ้น Trip.com ได้รวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ นโยบายกระเป๋า Check Through จากสายการบินต่างๆ มาไว้ในบทความนี้
นโยบายกระเป๋า Check Through เป็นสิ่งที่ช่วยให้การเดินทางระหว่างประเทศ สะดวก ปลอดภัย และลดความเครียดในการเดินทางได้มากๆ ยกตัวอย่างสถานการณ์ที่ไม่มีนโยบายนี้ ดังนี้
ตัวอย่าง
ไม่มีนโยบาย Check Through : หากต้องการเดินทางจากกรุงเทพไปนิวยอร์ก และต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่โตเกียว ต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองชั่วคราว เพื่อรับกระเป๋าด้วยตัวเองจากสายพาน และไปเช็กอินกระเป๋าใหม่อีกครั้งเพื่อไปไฟลต์ถัดไป
ถ้ามีนโยบาย Check Through : กระเป๋าของคุณจะถูกส่งจากกรุงเทพไปที่อเมริกาทันที โดยไม่ต้องไปเช็กอินกระเป๋าใหม่ตอนที่เปลี่ยนเครื่อง มีเวลาพักผ่อน และเดินเล่นในสนามบินได้แบบไม่ต้องห่วงกระเป๋าเลย
เพราะเหตุนี้ จึงทำให้นโยบาย Check Through นั้นมีความสำคัญมากกับผู้โดยสารที่ต้องเดินทางระยะไกล
นโยบายกระเป๋า Check Through คืออะไร?

นโยบายกระเป๋า check through คือ ระบบที่สายการบินจะจัดส่งกระเป๋าสัมภาระที่โหลดใต้ท้องเครื่องของผู้โดยสาร ไปยังจุดหมายปลายทางสุดท้ายเลย โดยไม่ต้องมาเช็กอินกระเป๋าในเมืองที่ต้องไปต่อเคื่องบินอีกครั้ง ทำให้ไม่ยุ่งยากกับกระเป๋าในการเดินทางระหว่างทาง
ประโยชน์ของนโยบาย Check Through
- ประหยัดเวลาในการเปลี่ยนแปลง
ไม่ต้องเสียเวลารอรับกระเป๋าหรือเช็กอินใหม่อีกครั้ง เหมาะมากๆ สำหรับไฟลต์ที่มีเวลาในการต่อเครื่องน้อย - ลดความยุ่งยากในการจัดการกับสัมภาระ
ไมต้องหงุดหงิดวุ่นวายกับกระเป๋าสัมภาระ โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางกับเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีสัมภาระหลายชิ้น - ลดความเสี่ยงในการทำกระเป๋าหาย ระหว่างเปลี่ยนไฟลต์
เนืื่องจากสายการบินต้องรับผิดชอบการขนส่งกระเป๋าแบบต่อเนื่อง - เดินทางราบรื่นและสะดวกยิ่งขึ้น
ผู้โดยสารสามารถไปยังเกตถัดไปได้เลย โดยไม่ต้องเร่งรีบหรือกังวลกับการโหลดกระเป๋าใหม่
ซึ่งนโยบายนี้ จะใช้ได้เฉพาะสายการบินหรือพันธมิตรที่มีข้อตกลงร่วมกัน ก่อนจองตั๋ว แนะนำให้สอบถามหรือตรวจสอบกับสายการบินก่อน ว่าในไฟลต์ที่จะเดินทาง สามารถทำ Check Through ได้ไหม โดยเฉพาะเส้นทางที่มีการต่อเครื่องในสายการบินที่ต่างกัน
สถานการณ์ที่ไม่สามารถใช้ Check Through ได้

แม้ว่า นโยบายกระเป๋า Check Through ช่วยให้การเดินทางสะดวกขึ้นมาก แต่ยังมีบางกรณีที่ไม่สามารถใช้บริการได้ เนื่องจากมีนโยบายที่ค่อนข้างจำกัด ทั้งในด้านของความร่วมมือระหว่างสายการบินหรือเงื่อนไขเฉพาะของเส้นทางการเดินทาง ดังนี้
- การเปลี่ยนสนามบินระหว่างเดินทาง
หากต้องปลี่ยนสนามบินระหว่างทาง เช่น ลงที่สนามบิน Haneda แล้วต้องไปขึ้นไฟลต์ถัดไปที่ Narita จะไม่สามารถใช้ Check Through ได้ เนื่องจากต้องออกจากเขตสนามบินเดิม รับกระเป๋า และนำไปเช็กอินใหม่ด้วยตัวเองที่สนามบินปลายทาง - การเดินทางจากระหว่างประเทศเข้าสู่เส้นทางภายในประเทศ
เช่น เดินทางจาก ลอนดอน - กรุงเทพ - เชียงใหม่ แม้จะสายการบินเดียวกัน แต่อาจจะต้องรับกระเป๋าเมื่อถึงกรุงเทพก่อน เพื่อผ่านศุลกากร แล้วค่อยโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องต่อภายในประเทศอีกครั้ง - เวลารอเปลี่ยนเครื่องเกิน 24 ชั่วโมง
หากไฟลต์ถัดไปออกหลังจากเครื่องแรก 24 ชั่วโมง ระบบจะถือว่าเป็นการเดินทางแยกทริป ทำให้ไม่สามารถ Check Through ได้ ต้องรับกระเป๋าเมื่อถึงจุดแวะพัก แล้วโหลดกระเป๋าใหม่ในวันถัดไป - ไม่มีข้อตกลงระหว่างสายการบิน
หากต้องเดินทาด้วย 2 สายการบิน ที่ไม่มีความร่วมมือหรือข้อตกลงเชื่อมต่อกัน ระบบ Check Through จะไม่สามารถใช้งานได้ - การซื้อตั๋วโดยสารแยกกัน
แม้จะเดินทางติดกัน แต่ถ้าตั๋วคนละใบและสายการบินไม่มีข้อตกลงร่วมกัน คุณจะไม่สามารถทำ Check Through ได้ ต้องรับและโหลดกระเป๋าใหม่ระหว่างทาง - ใช้สายการบิน Low Cost
สายการบิน Low Cost ไม่รองรับบริการ Check Through แม้จะอยู่ในเครือเดียวกัน ผู้โดยสารต้องรับกระเป๋าและเช็กอินใหม่เองเสมอ
หากคุณต้องเดินทางต่อเครื่อง และอยากใช้บริการ Check Through แนะนำให้จองตั๋วเครื่องบินแบบเที่ยวเดียวต่อเนื่อง ในตั๋วใบเดียวกัน ตรวจสอบว่าสายการบินที่คุณใช้ มีข้อตกลงร่วมกันไหม เพื่อให้สามารถใช้งาน Check Through ได้อย่างสะดวก
เคล็ดลับในการจัดการกระเป๋าเดินทาง

โหลดกระเป๋าระหว่างต่อเครื่อง ซึ่งผู้โดยสารควรแพ็กกระเป๋าให้เป็นระเบียบ และแยกของจำเป็นไว้ในกระเป๋าถือ เพราะการ Check Through คุณจะไม่ได้เจอกระเป๋าของคุณเลยจนกว่าจะถึงปลายทางสุดท้าย แนะนำให้เตรียมของสำคัญ เช่น ยา, เอกสาร และของใช้จำเป็นไว้ในกระเป๋าถือ เผื่อในกรณีที่เกิดความล่าช้า หรือกระเป๋ายังไปไม่ถึงปลายทางเมื่อคุณไปถึงจุดหมายปลายทางสุดท้าย
คำแนะนำในการเตรียมตัวล่วงหน้า
- ตรวจสอบนโยบายของสายการบินก่อนจองตั๋ว
ก่อนทำการจอง ควรเช็กว่าเส้นทางของคุณมีการต่อเครื่องไหม และตรวจสอบว่าสายการบินที่ให้บริการมีนโยบาย Check Through หรือไม่ สามารถใช้ Trip.com เพื่อค้นหาเที่ยวบิน และดูข้อมูลของสายการบินก่อนจองได้ - จองตั๋วครั้งเดียว
แนะนำให้จองตั๋วเครื่องบินแบบตั๋วเดียว ครอบคลุมทุกไฟลต์ แทนการซื้อตั๋วแยกจากแต่ละสายการบิน - หลีกเลี่ยงการเดินทางกับสายการบิน Low Cost หากต้องการต่อเครื่อง
สายการบิน Low Cost ไม่รองรับ Check Through แม้จะอยู่ในกลุ่มเดียวกัน หากจำเป็นต้องใช้สายการบิน Low Cost ควรเผื่อเวลาเปลี่ยนเครื่องให้มาก - สอบถามเจ้าหน้าที่ตอนเช็กอิน
หากไม่แน่ใจว่ากระเป๋าของคุณจะถูกส่งต่อไปถึงปลายทางหรือไม่ สามารถสอบถามกับพนักงานเช็กอินโดยตรง หรือ ขอดูแท็กสัมภาระว่าระบุถึงสนามบินปลายทางสุดท้ายหรือไม่
สามารถวางแผนล่วงหน้าได้ผ่าน Trip.com เพราะแอปนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่แพลตฟอร์มในการจองตั๋วเครื่องบิน แต่ช่วยในการเปรียบเทียบสายการบินที่มีนโยบาย Check Through เช็กเงื่อนไขกระเป๋าสัมภาระและดูแลเวลาต่อเครื่องที่เหมาะสม ทำให้คุณเดินทางต่อเนื่องได้สะดวก ประหยัดเวลา และลดความยุ่งยากในการเดินทางได้อย่างมาก
สรุปและคำแนะนำเพิ่มเติม
การเดินทางที่ต้องต่อเครื่อง โดยเฉพาะเส้นทางระหว่างประเทศหรือหลายช่วงต่อกัน อาจสร้างความยุ่งยากหากผู้โดยสารไม่เข้าใจเรื่อง นโยบายกระเป๋า Check Through อย่างชัดเจน ก็อาจทำให้เสียเวลาหรือเสียสิทธิ์ในการใช้บริการนี้ไปเลย ดังนั้น การตรวจสอบนโยบาย Check Through ก่อนออกเดินทางจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
เพื่อให้การเดินทางของคุณราบรื่นไม่มีสะดุด แนะนำให้ใช้แอป Trip.com เพื่อตรวจสอบเที่ยวบินและสายการบินที่รองรับ Check Through เปรียบเทียบเวลาต่อเครื่องบิน และรับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับเที่ยวบินและกระเป๋าแบบเรียลไทม์ มั่นใจได้เลยว่า จะสามารถออกเดินทางได้อย่างรายรื่นตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง แน่นอน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับนโยบาย Check Through
จะรู้ได้อย่างไรว่าสามารถใช้ Check Through ได้หรือไม่?
ตรวจสอบได้จาก สายการบินที่ใช้บริการ มีข้อตกลงร่วมกันไหม ตั๋วที่ซื้อมาจองไว้ใบเดียวกันไหม และตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ที่เช็กอินอีกที ว่าแท็กกระเป๋าไปยังสนามบินปลายทางสุดท้ายใช่ไหมเดินทางระหว่างประเทศแล้วต่อเครื่องในประเทศ ต้องรับกระเป๋าไหม?
มักจะต้อง รับกระเป๋าเมื่อถึงสนามบินแรกในประเทศ เพื่อตรวจศุลกากร แล้วจึงโหลดกระเป๋าใหม่สำหรับไฟลต์ภายในประเทศ เช่น เดินทางจากลอนดอนมายังกรุงเทพฯ แล้วต่อไปเชียงใหม่สายการบินต้นทุนต่ำสามารถ Check Through ได้ไหม?
โดยทั่วไป ไม่สามารถทำได้ เพราะสายการบินต้นทุนต่ำมักไม่มีระบบเชื่อมต่อสัมภาระระหว่างไฟลต์ แม้จะอยู่ในเครือเดียวกันก็ตามจะมั่นใจได้อย่างไรว่า Check Through สำเร็จ?
หลังเช็กอิน ให้ตรวจสอบ แท็กกระเป๋า (Baggage Tag) ที่เจ้าหน้าที่ติดให้ว่า ปลายทางตรงกับจุดหมายสุดท้าย หรือไม่ หากไม่แน่ใจ ควรถามย้ำกับเจ้าหน้าที่ทันที